เสื้อน้ำเงินปิดถนนล้อมกรอบเสื้อแดงสกัดป่วนนายกฯ ลั่นไม่ยอมให้ทำลายชื่อเสียง-ก่อเหตุในบุรีรัมย์

เสื้อน้ำเงินปิดถนนล้อมกรอบเสื้อแดงสกัดป่วนนายกฯ ลั่นไม่ยอมให้ทำลายชื่อเสียง-ก่อเหตุในบุรีรัมย์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
กลุ่มคนเสื้อน้ำเงิน 500 คน ปิดถนนหัวท้ายล้อมกรอบกลุ่มคนเสิ้อแดงให้อยู่กับที่ไม่ให้ไปไหน สกัดยกพลป่วนนายกฯ ลั่นไม่ยอมให้ทำลายชื่อเสียงก่อความวุ่นวายในบุรีรัมย์ มาร์คเดินทางถึงรักษาความปลอดภัยเข้ม ต้อนรับอบอุ่น เสื้อน้ำเงิน 500 คนปิดถนนล้อมเสื้อแดง กันห่างนายกฯ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมกลุ่มคนเสื้อแดงและกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินในพื้นที่จ.บุรีรัมย์ ระหว่างการลงพื้นที่ตรวจราชการของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี บริเวณถนนสายอำเภอนางรอง-อำเภอลำปลายมาศ ช่วงบ้านหนองเทา ต.หนองโดน อ.ชำนิ พบกลุ่มชายฉกรรจ์สวมเสื้อสีน้ำเงินประมาณ 500 คน ในนาม คนรักบุรีรัมย์ นำโดยผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในจ.บุรีรัมย์หลายคน นำรถบรรทุกหกล้อ ติดเครื่องขยายเสียงปิดกั้นถนน พร้อมเปิดเวทีปราศรัย เพื่อสกัดกั้นการเคลื่อนขบวนของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่เดินทางมาจากหลายจังหวัดในภาคอีสาน ประมาณ 200 คน นำโดยนายทองพูน สุขเมือง แกนนำคนเสื้อแดงบุรีรัมย์

กลุ่มคนเสื้อน้ำเงิน ประกอบด้วยชายฉกรรจ์ ที่มีทั้งกระบองและไข่ไก่ที่เตรียมไว้ นำรถหกล้อและรถสองแถวหลายคัน ปิดกั้นถนนล้อมกรอบปิดหัวท้ายยาวเกือบ 1 กิโลเมตร ไม่ยอมให้กลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อนขบวนออกจากบริเวณดังกล่าวได้ ส่งผลให้รถขบวนของกลุ่มคนเสื้อแดงเกือบ 50 คัน ต้องตกอยู่ในวงล้อมและไม่สามารถเคลื่อนไปไหนหลายชั่วโมง ตั้งแต่ช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. เป็นต้นมา และยังส่งผลให้รถที่ใช้เส้นทางสายดังกลาว ต้องเลี่ยงไปใช้ถนนในหมู่บ้านบ.หนองเทาแทน เพราะมีการปิดกั้นถนนดังกล่าว

กลุ่มคนเสื้อน้ำเงินได้ผลัดเปลี่ยนกันขึ้นปราศรัยบนรถขยายเสียง โดยยืนยันจะไม่ยอมให้กลุ่มคนเสื้อแดงมาทำลายชื่อเสียง หรือก่อความวุ่นวายให้กับจ.บุรีรัมย์ ระหว่างที่นายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ ซึ่งมีการเจรจาระหว่างแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดงและกลุ่มคนเสื้อน้ำเงิน แต่กลุ่มคนเสื้อน้ำเงินยืนยันจะไม่ยอมให้กลุ่มเสื้อแดงเคลื่อนขบวนออกจากบริเวณดังกล่าว จนกว่านายกรัฐมนตรีจะเดินทางออกจากจ.บุรีรัมย์ อย่างไรก็ตาม การปิดถนนและปิดล้อมกลุ่มคนเสื้อแดงของคนเสื้อน้ำเงินในครั้งนี้ ไม่มีเหตุปะทะหรือทำร้ายร่างกายกันของทั้งสองฝ่ายแต่อย่างใด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น.วันนี้ วันที่ 11 ก.ค. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ถึงจ.บุรีรัมย์แล้ว โดยหลังจากลงจากเครื่องบินที่ท่าอากาศยานบุรีรัมย์แล้ว ได้เดินทางมาเปิดห้องสมุดรถไฟ ที่สถานีรถไฟบุรีรัมย์ เป็นภารกิจแรก ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ทั้งตำรวจ ทหาร อพ.ปร. ตามเส้นทางที่คณะนายกรัฐมนตรีจะเดินทางผ่าน นอกจากนี้ยังมีการใช้เฮลิคอปเตอร์บินติดตามขบวนนายกรัฐมนตรีไปทุกจุด เพื่อรักษาความปลอดภัย และยังมีกลุ่มชายฉกรรจ์สวมใส่เสื้อสีน้ำเงินกระจายกันอยู่โดยรอบทุกจุดที่นายกรัฐมนตรีเดินทางลงพื้นที่

ส่วนความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง และกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินนั้น มีความเคลื่อนไหวหลายจุด โดยมีประชาชนกลุ่มคนเสื้อน้ำเงินบุรีรัมย์ ได้กระจายกำลังกันเป็นแนวกันชน สกัดม็อบเสื้อแดงที่จะเคลื่อนมาชุมนุมต่อต้านนายกรัฐมนตรี ตามถนนสายต่างๆ เช่นที่สี่แยกบ้านกระสัง อ.เมือง ซึ่งเป็นเส้นทางที่คณะนายกรัฐมนตรีจะเดินทางลงพื้นที่ไปยังโรงเรียนธารทองพิทยาคม อ.ลำปลายมาศ มีกลุ่มเสื้อน้ำเงินกว่า 500 คนรอให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีและสกัดม๊อบเสื้อแดงที่อาจมีการเคลื่อนไหว

เมื่อเวลา 10.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปที่โรงเรียนธารทองพิทยาคม อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ ตรวจราชการและเยี่ยมะชาชน ทั้งนี้ได้เปิดงานการจัดมหกรรมสุขภาพและมหกรรมของดีบุรีรัมย์ พร้อมชมการสาธิตการเต้นแอโรบิค จากอาสาสมัครสาธารณสุขจาก 5 อำเภอ จำนวน 3,000 คน

นอกจากนี้นายกฯ ยังขึ้นเวทีปราศรัยถึงการเดินทางมาครั้งนี้ว่า ได้มาติดตามความพร้อมความก้าวหน้าของนโยบายรัฐบาล รัฐบาลเข้ามาในยุคที่บ้านเมืองมีปัญหาหลายอย่าง ประชาชน สังคมมีความแตกแยก ขัดแย้งสูง ดังนั้นเมื่อบ้านเมืองมีสภาวะดีในระดับหนึ่งจึงออกเดินทางมาพบปะประชาชน

นอกจากนี้ นายกฯ ยังระบุถึงนโยบายรัฐบาลเกี่ยวกับการเรียนฟรี 15 ปี และเบี้ยยังชีพคนชราที่จะมีการดำเนินการอย่างต่อเนื่องไม่ใช่ทำเพียง 6 เดือนอย่างที่มีคนอื่นกล่าวหา และยืนยันว่าจะไปพบปะประชาชนทั่วประเทศ

เวลา 11.30 น. นายอภิสิทธิ์เป็นประธานในการเปิดโครงการคมนาคมเคลื่อนที่สำหรับให้บริการประชาชน ของกรมการขนส่งทางบก ตามนโยบายของกระทรวงคมานาคม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยินดีเป็นอย่างยิ่งนอกจากมาพบปะกับพี่น้องพูดคุนถึงนโยาบายต่างๆแล้วยังได้มาเห็นการทำงานของหน่วยงานต่างๆทั้งการรณรงค์ให้ความรู้การบริการพี่น้องประชาชนให้ได้รับความสะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ในเรื่องการทำใบขับขี่การทดสอบผ่านระบบคอมพิวเตอร์ และการรณรงค์ความปลอดภัยในเรื่องการเดินทาง บนท้องถนนซึ่งอุบัติเหตุทางรถยนต์เป็นสาเหตุการเสียชีวิตเป็นอันดับสองของประเทศ ความสูญเสียนี้ไม่อยากมีใครให้เกิดและต้องไม่ตั้งอยู่ในความประมาท ขอให้พวกเราสร้างนิสัยให้ตัวเองเพื่อนบ้าน เพื่อให้การสูญเสียลดลงอย่างรวดเร็วในปีต่อไป มั่นใจว่าทุกคนทำได้และรัฐบาลจะให้ความสนับสนุนอย่างเต็มที่ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าโครงการนี้จะมีการขยายผลอย่างต่อเนื่องและอำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชนและรณรงค์พี่น้องประชาชนให้มีจิตสำนึกที่ดี

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจจาก 10 สถานี ในพื้นที่ จ.ศรีสะเกษ ได้เดินทางมาร่วมดูแลรักษาความปลอดภัยมีกลุ่มนักเรียนรอต้อนรับกรี๊ดรับนายกฯและเข้ามาขอถ่ายรูป ขณะนี้ยังไม่พบกลุ่มคนเสื้อแดงมาปักหลักชุมนุมขับไล่แต่อย่างใด

พ.ต.ท.กมลวรรธ สุกใส รองผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรศิลาลาด จ.ศรีสะเกษ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายให้เป็นหัวหน้าชุดมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยตลอดภารกิจของนายกรัฐมนตรี ซึ่งเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยจำนวน 100 นาย และอีก 2 กองร้อย ระดมกำลังรักษาความปลอดภัยร่วมกัน

สำหรับ กำหนดการลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ เพื่อรับทราบปัญหาของประชาชน โดยนายกฯจะเป็นประธานเปิดโครงการห้องสมุดรถไฟ เปิดงานมหกรรมสุขภาพ และมหกรรมของดีบุรีรัมย์ เปิดงานบริการคมนาคมเคลื่อนที่ เปิดโครงการถนนไร้ฝุ่น สายบ้านแสลงพัน-บ้านหนองน้ำขุ่น และตรวจเยี่ยมโครงการปลูกยางพาราและปลูกอ้อย โรงงานในพื้นที่นาดอน เพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งและลดภาวะโลกร้อนอย่างยั่งยืน ที่ 9 ต.เมืองแฝก รวมทั้งเปิดป้ายโครงการโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพ และตรวจเยี่ยมโครงการอ่างเก็บน้ำตะโคง นายกรัฐมนตรีมีกำหนดเดินทางกลับ ถึงท่าอากาศยานทหาร ช่วงเย็นวันเดียวกันนี้

นายกฯพร้อมค.ร.ม.ลงพื้นที่อีสานแล้ว ประเดิมบุรีรัมย์จังหวัดแรก

ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อเวลา 08.30 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีพร้อมด้วยคณะรัฐมนตรี (ครม.) ประกอบด้วย นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายอิสระ สมชัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยส.ส.ภาคตะวันออกเฉียเหนือ พรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นางรัชฎาภรณ์ แก้วสนิท นายวิฑูรย์ นามบุตร ส.ส.สัดส่วน และน.ส.ณิรัฐกานต์ ศรีลาภ ส.ส.ยโสธร ออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร (บน.6) ไปปฏิบัติภารกิจตรวจพื้นที่ภาคอีสานที่จ.บุรีรัมย์ โดยก่อนออกเดินทางนายกรัฐมนตรีไม่ได้ให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์แต่อย่างใด

ด้านนายชวรัตน์ กล่าวก่อนออกเดินทางว่า มั่นใจว่าการเดินทางลงพื้นที่ภาคอีสาน ของนายกรัฐมนตรีจะเป็นไปด้วยความราบรื่นไม่มีเหตุความรุนแรง แม้จะมีกระแสข่าวกลุ่มคนเสื้อแดงเตรียมชุมนุมขับไล่ ทั้งนี้ตนไม่มีความกังวลการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง โดยได้มีการเตรียมเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยชุดใหม่ของนายกรัฐมนตรีไว้พร้อมแล้ว เชื่อว่าคงไม่มีเหตุรุนแรงเพราะทุกคนเป็นคนไทยด้วยกัน สำหรับสถานการณ์ล่าสุดยังไม่ได้รับรายงานเหตุผิดปกติในพื้นที่

สุเทพปรามแดงตามป่วนมาร์ค

ก่อนหน้านี้ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงการรักษาความปลอดภัยว่า ได้สั่งการไปตามปกติ เป็นหน้าที่ตำรวจดูแล โดยตำรวจจะต้องทำหน้าที่ของตนให้สมบูรณ์ ทั้งนี้ ไม่รู้สึกกังวลใจต่อกระแสข่าวกลุ่มคนเสื้อแดงที่อาจเดินทางไปป่วนที่นั่น เพราะรู้ชัดเจนแล้วว่าเขาต้องไปหาเรื่องแน่นอน แต่ก็ให้ที่ตำรวจไปดูตามหน้าที่ ซึ่งไม่จำเป็นต้องคาดโทษใคร แค่ให้ทุกคนทำตามหน้าที่อย่างดี ถ้าเป็นรัฐบาลแล้วไม่สามารถพบปะประชาชนได้ก็แย่แล้ว เราก็ต้องไปตรงไหนที่มีงานมีการมีเรื่องมีราวก็ต้องไปดูกัน นายสุเทพกล่าว

เมื่อถามว่า ต้องจัดเสื้อน้ำเงินไป รปภ.นายกฯหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า คนอีสานก็เหมือนคนไทยทั่วประเทศ ก็มีเหตุมีผล มีความรู้สึกนึกคิดของเขาเอง ไม่ได้รักหรือเกลียดใครจนกระทั่งก่อเหตุวุ่นวายในบ้านเมือง แต่มีคนบางกลุ่มเท่านั้นเองที่พยายามจะสร้างสถานการณ์ให้บ้านเมืองวุ่นวายเข้าไว้ ให้ดูเหมือนบ้านเมืองจะลุกเป็นไฟถ้าไม่ได้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกลับมา ไม่เข้าใจว่าเขาจะทำไปทำไม เพราะทำอย่างนี้ไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติ ชาวบ้านเดือดร้อนถึงที่สุด แต่ถ้าเขายังไม่ทำอะไรที่ผิดกฎหมายก็ยังดำเนินการอะไรไม่ได้ ถ้าผิดกฎหมายก็ต้องดำเนินการ

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีเครือข่ายวิทยุชุมชนในพื้นที่อีสาน 60 สถานี เชื่อมสัญญาณกับสถานีวิทยุแห่งประเทศไทย เพื่อถ่ายทอดเสียงการลงพื้นที่ของนายกฯครั้งนี้ด้วย หลังจากการลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์เสร็จ จะประเมินผลเพื่อจะจัดคิวให้นายกฯลงพื้นที่รอบสองในภาคอื่น ถ้าเป็นไปได้นายกฯ ก็อยากจะเดินทางไปทุกจังหวัด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook