เมียเก่า "พล.ต.ต." มือยิงกลางศาล น้ำตาร่วง ขอโทษดึงเอี่ยวปมมรดกเลือด

เมียเก่า "พล.ต.ต." มือยิงกลางศาล น้ำตาร่วง ขอโทษดึงเอี่ยวปมมรดกเลือด

เมียเก่า "พล.ต.ต." มือยิงกลางศาล น้ำตาร่วง ขอโทษดึงเอี่ยวปมมรดกเลือด
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

อดีตภรรยา "พล.ต.ต.ธารินทร์" ร้องไห้ขอโทษ ไม่น่าดึงมาเอี่ยวปมมรดกเลือด และต้องมาจบชีวิตแบบนี้ พร้อมขอโทษญาติๆ ของผู้เสียชีวิต

จากกรณี "พล.ต.ต.ธารินทร์ จันทราทิพย์" ก่อเหตุยิงคู่กรณี ระหว่างเข้ารับฟังการพิจารณาคดี ภายในศาลจังหวัดจันทบุรี เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย รวมทั้ง พล.ต.ต.ธารินทร์ ด้วย เพราะถูกยิงได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตในเวลาต่อมา ล่าสุด น.ส. เขมจิรา อดีตภรรยาได้เปิดใจผ่านรายการ โหนกระแส ทางช่อง 3 กดหมายเลข 33 ระบุว่า สาเหตุที่เกิดขึ้นน่าจะเกิดจากความกดดัน หลังจากสามีไม่ได้รับความเป็นธรรม หลังเข้ามาพันพันคดีปมที่ดินของตัวเองจำนวน 3,800 ไร่ ในจังหวัดจันทบุรี

ที่ดินแปลงนี้เป็นที่จ.จันทบุรี ทั้งหมดกี่ไร่?
เขมจิรา : "3,800 ไรค่ะ"

ที่มาที่ไป เป็นยังไง ทำไมถึงมีการดำเนินการมาถึงปัจจุบัน?
เขมจิรา : "คือตอนนั้นพวกน้าๆ เขามาหาคุณแม่ เหมือนเห็นคดีที่ดินเปลี่ยนมือไป เกิดตั้งแต่ปี 50 แต่ทีนี้เขาปกปิดทายาท เพิ่งมาบอกความจริงกับคุณแม่ตอนปี 54 ฝ่ายเราเพิ่งทราบปี 54 ว่าที่ดินเปลี่ยนมือ เปลี่ยนชื่อ"

ที่ดินผืนนี้เจ้าของเดิมคือคุณสมพล เป็นอะไรกับคุณ?
เขมจิรา : "เป็นคุณตาค่ะ คุณตาขายที่ดินแปลงนี้ให้พระกิตติวุฑโฒในนามมูลนิธิอธิธรรมมหาธาตุ"

คุณสมพล เสียชีวิต พระท่านก็มรณภาพไป ทายาทที่ต่อลงมาคือคุณเรวัติ คุณเรวัติเป็นอะไรกับคุณ?
เขมจิรา : "เป็นน้าชายค่ะ"

คุณเองเป็นลูกพี่สาวคุณเรวัติ คุุณบุญช่วย คือน้องของทางพระ บอกว่าเป็นคนซื้อที่ดินแปลงนี้มาจากคุณสมพล ซึ่งเสียชีวิตไป ลามมาถึงเรวัติซึ่งเป็นลูก แล้วมีการฟ้องร้องกัน แล้วทำไมถึงลงมาถึงรุ่นคุณธารินทร์และเขมจิรา?
เขมจิรา : "พอเขาเปลี่ยนชื่อไป ฝ่ายน้า เขาบอกว่าเขาเสียรู้คุณบุญช่วย ตอนเขาโอนไปครั้งแรก ฝ่ายเราไม่มีใครรู้ เขาไปแถลงเท็จต่อศาล ว่านายสมพลมีลูกเพียง 3 คน แต่ความจริง มี 6 คน เขาก็โอนเงินไปปี 50 แต่อีก 3 ท่านไม่ทราบ มาทราบตอนปี 54"

ทำไมท่านรองธารินทร์มาเกี่ยวกับเรื่องนี้?
เขมจิรา : "เนื่องจากคุณแม่เราขอค่ะ เนื่องจากเขาแถลงเท็จเกี่ยวกับจำนวนทายาท เขาเป็นอดีตสามี และเป็นตำรวจ คุณแม่หญิงก็ขอความเป็นธรรมเขาให้มาดูให้หน่อย เพราะการที่โอนไปมีการแถลงเท็จต่อศาล ว่ามีทายาทเพียง 3 คน ตอนนั้นหญิงก็สงสารเขา เพราะเราเลิกกันไปแล้ว 10 กว่าปี มีทายาทด้วยกันเป็นลูกสาว 1 คน ปัจจุบันอายุ 24"

253534

หลังจากนั้นเป็นอย่างไรต่อ?
เขมจิรา : "เขาก็ถามว่าเกิดอะไรขึ้น คุณแม่ก็นัดน้าๆ ให้มาที่บ้าน พี่ธารินทร์บอกว่าอยากฟังด้วยตัวเองว่าเรื่องราวเกิดอะไรขึ้น น้าชายนายกำพล กับเกษมา ก็แนะนำให้รู้จักทนายสมชาย เป็นทนายที่จันบุรี ทั้งน้า และทนายก็มาประชุมกัน และเล่าให้ทุกคนฟังว่าเกิดอะไรขึ้น"

ประเด็นเรื่องราวอย่างไรครับคุณทนาย?
ทนาย : "ปมที่ดิน มีคดีแรกก่อน คดีตั้งต้น คุณบุญช่วยมาฟ้องทายาทคนหนึ่งของนายสมพล เพื่อให้โอนที่ดิน 3,800 ไร่ไปเป็นของคุณบุญช่วย และทำสัญญาประนีประนอมความกันแล้วโอนทั้งหมด ตอนนั้นทายาทคนอื่นของนายสมพล รู้ปุ๊บก็ฟ้องเพิกถอนในคดีแพ่งอีกคดีนึง และฟ้องคดีอาญาอีกคดีนึง ในปี 54 กับ 55 หลังจากนั้น 5 เดือนคุณบุญช่วยก็ฟ้องกลับในคดีที่ผมสืบพยานว่าเป็นฟ้องเท็จ"

ท่านรองเป็นจำเลยคนหนึ่ง?
ทนาย : "เป็นจำเลยคนหนึ่งในคดีที่ถูกฟ้องกลับ จำเลยที่ 3 หลังจากนั้นผู้การก็ไปหาพยานหลักฐานมา จึงทราบความจริงว่า จริงๆ แล้วคุณสมพลขายที่ดินให้มูลนิธิ ไม่ใช่คุณบุญช่วย แต่พยานมาทีหลัง เนื่องจากพยานหลักฐานไม่ได้เข้าไปในคดีแพ่ง คดีแพ่งก็เลยจบไป ทีนี้พอมีคดีอาญา เขาก็นำหลักฐานตัวนี้ไปนำสืบในคดีอาญา ซึ่งข้อเท็จจริงว่ามีการขายให้มูลนิธิไปเราเพิ่งมาทราบภายหลัง ตอนนั้นคุณภากรทายาทคนหนึ่งในผู้ฟ้องคดีนี้ ก็บอกตรงๆ วันนั้นเขาไม่รู้ เขาคิดว่าเป็นทรัพย์มรดกของเขาอยู่ เพราะยังเป็นชื่อนายสมพลอยู่ แล้วนายเรวัติไปทำโอนเป็นของนายบุญช่วย เขาก็เลยมาฟ้องทั้งแพ่งและอาญา ทีนี้พอมีข้อเท็จจริงตรงนี้ปรากฎจากเอกสารที่ผู้การไปหามาว่าขายให้มูลนิธิ ก็มาปรึกษากันว่าแบบนี้ทำให้เสียรูปคดีนะ น่าจะมีปัญหา เพราะกลายเป็นว่าเราไม่ใช่ผู้เสียหาย เราขายที่ดินไปแล้ว เขาจะถูกโกงก็ไม่เกี่ยวกับเรา มันจะไม่ใช่ทรัพย์มรดกเรา เพราะเราขายไปแล้ว จะมีใครโกง ก็ไม่เกี่ยวกับเรา ท่านก็บอกว่าเป็นความจริง เขาก็ขอเบิกความตามความเป็นจริง"

แพ้ก็คือแพ้?
ทนาย : "ทีนี้พอมาถึงคดีอาญาถูกฟ้องกลับฟ้องเท็จ ผมก็เป็นคนเบิกความเขาเป็นพยาน เพราะเขาขอผมพูด จริงๆ สืบโจทก์ไปแล้ว ไม่ต้องสืบพยานจำเลยก็ได้ ก็สามารถแถลงเบิกพยานและศาลพิพากษาได้เลย ซึ่งวันนั้นผมคิดว่าคดีผมโอเคแล้ว ถ้าศาลพิพากษาวันนี้ก็โอเค ไม่คิดว่าจะเบิกพยานจำเลย แต่บังเอิญผมคุยกับผู้การ เขาบอกว่าเขาหาพยานหลักฐานมาเป็นเวลานาน และเป็นเรื่องจริง เขาขอพูด ผมก็เลยโอเค ถ้าคุณธารินทร์อยากพูดผมก็จะให้พูด ผมก็เลยพาเขาเบิกพยาน ก็ถูกถามค้านมา 2 วันกว่า ผมเบิกความผู้การค่อนวัน ฝั่งโน้นก็ถามค้านมา 3 วันก็ไม่เสร็จ แล้วก็เริ่มเครียด กดดัน เพราะมันต่อเนื่อง"

อะไรทำให้ผู้การ เป็นแบบนี้ เดาสาเหตุได้ไหม?
ทนาย : "ผมเดาไม่ได้ วันนั้นปกติผมต้องขึ้นศาลกับผู้การ ผมไปทุกนัด คุณเขมจิราก็เป็นจำเลยเหมือนกัน แต่เขาไม่ได้ไป เพราะพอสืบโจทก์ไปแล้ว 3 นัด ผมเห็นว่าบรรยากาศไม่ค่อยดี มันตึงเครียด ผมก็บอกผู้การและคุณเขมจิราว่าไม่ต้องมาฟังดีกว่า ไปพักผ่อนให้สบายใจ เขาก็เลยไม่ได้มาศาล"

ทางผู้การได้ปรึกษาคุณมั้ย ก่อนขึ้นศาลนัดนั้น?
ทนาย : "มีการคุยกัน พอสืบพยานเสร็จเขาก็มาคุยกับผม เขาจะกลับปราจีนฯ ก็มาคุยกับผมก่อน ไม่มีอะไรเลย"

วันที่ทางคุณทนายต้องไปขึ้นด้วย ไปช้าหรือยังไง?
ทนาย : "วันนั้นเขายิงกันตั้งแต่ 9 โมง ผมไปช้า ผมจะขึ้นศาล 09.30 น. ปกติผมจะคุยกับเขาก่อน 15 นาที"

วันที่เกิดเรื่องเกิดอะไรขึ้น?
ทนาย : "ที่ผ่านมาผมไม่คิดว่าเขาจะทำเรื่องนี้ได้ เพราะเขาป่วย เส้นเลือดในสมองแตกมาก่อน แขนขาเขาอ่อนแรง เดินก็ไม่สะดวก บางทีต้องประคอง เขายิงปืนมือเดียวไม่ได้ ทำให้ปืนมีด้านจับสองด้าม เพราะมือขวาเขาไม่ค่อยมีแรง"
เขมจิรา : "เขาเคยเป็นอัมพฤกษ์ เส้นเลือดในสมองแตก"
ทนาย : "ผมคุยกับพี่ตำรวจ เขาบอกว่ามิน่า ถึงมีที่จับ ตอนนั้นมีข่าวว่าเขายิงตัวเอง ผมก็บอกว่าเป็นไปไมได้ เพราะเขาจะหันปืนมายิงตัวเองมือเดียวลำบาก แล้วการที่เขาไปยิงหลายคน เขาคงไม่มีจิตใจคิดจะมายิงตัวเอง นี่เป็นความเห็นทนาย เราวิเคราะห์จากข้อเท็จจริง ซึ่งสุดท้ายเขาก็ไม่ได้ยิงตัวเอง ส่วนเรื่องศาลเขาเข้าไปยังไง ถ้าผมเป็นคนจะก่อเหตุ จะเอาปืนเข้าศาลก็คงไม่เดินทะเล่อทะล่าเข้าไปแน่นอน คงหาจังหวะและเข้าไป เขาเป็นตำรวจ คงรู้ คงอาศัยจังหวะ ปกติศาลจะตรวจปืน ตรวจอาวุธ ตำรวจศาลเองก็ไม่มีปืนนะ การคุมตัวผู้ต้องหาใกล้ชิดมาก ตำรวจศาลจะไม่มีปืน บังเอิญวันนั้นคนมีปืนคือคนที่มาจากเรือนจำ คุมจำเลยมาส่งตัวที่ศาล เขาก็มีปืนอยู่คนเดียว จริงๆ ตำรวจศาลไม่มีปืน เขากลัวผู้ร้ายจะแย่งปืนตำรวจมายิง เขาเซฟมาก ไม่มีอาวุธ"

อะไรเป็นชนวนที่ทำให้ท่านรองฯ เครียดและทำแบบนั้น?
เขมจิรา : "เขาไม่ได้รับความเป็นธรรมมาตลอด เขาเครียดเพราะเขามีหลักฐานราชการ เขาหามาแล้ว มีการโกหกจำนวนทายาท มีหลักฐานราชการที่หามาได้ภายหลัง แต่กลายเป็นว่าเขาถูกฟ้องและหาว่าเท็จ คดีฟ้องเท็จเกิดจากแม่เราเสียชีวิต หนังสือมอบอำนาจที่แม่เซ็นให้มันใช้ไม่ได้ แต่ในเนื้อเรื่องเราไม่เท็จนะคะ ทีนี้ทนายบอกเราว่าฟ้องได้ เพราะเราได้รับมอบอำนาจจากแม่ เคยเซ็นไว้ให้ เหมือนมันเป็นคดีต่อเนื่อง เราเห็นว่าเขาเบิกความเท็จก็เลยฟ้อง เขามองว่าเหมือนคดี ตั้งแต่โกหกจำนวนทายาทเราก็ไม่ควรแพ้อยู่แล้ว"

เรื่องฟ้องเท็จ มีสิทธิ์แพ้ไหม?
ทนาย : "ผมว่าทำคดีมาเราโอเค ฟ้องเท็จครั้งนี้ผมว่าไม่แพ้"

224491

แล้วเขาจะก่อเหตุทำไม เป็นไปได้มั้ยว่าอาจจะแพ้ ทำให้อดีตภรรยาเข้าเรือนจำ เลยต้องตัดตอนก่อน?
ทนาย : "เขาบอกเขาเป็นคนบริสุทธิ์ เขาเป็นตร.ที่ไม่เคยทำผิดอะไรมา ทนายความก็ไม่ได้กลัวเรื่องคดี"
เขมจิรา : "เราก็ไม่กลัว เพราะหลักฐานเราชัดเจน พี่ธารินทร์พากองปราบไปลงพื้นที่ ไปตรวจสอบหลักฐานราชการต่างๆ ไปสอบพยาน 20 ปาก ไม่ใช่คุณบุญช่วยเป็นคนซื้อ แต่เป็นมูลนิธิ พี่ธารินทร์พูดอยู่อย่างก่อนเขาจะสิ้นชีวิต เคยมีการไกล่เกลี่ยในศาลหลายครั้งเพื่อให้ยอมกัน คุณบุญช่วยก็บอกว่าให้เราเอาหนังสือร้องเรียนกลับทั้งกองปราบและมูลนิธิ เขาจะแลกกับการไม่ให้เราติดคุก แต่พี่ธารินทร์บอกว่าถ้าเราทำแบบนี้ จะไม่มีศักดิ์ศรี เพราะเขาเป็นตำรวจ เขาพบการกระทำผิด หลักฐานราชการชัดเจน แล้วให้เราไปเสียหน้าไปขอกองปราบขอหลักฐานทางราชการกลับ ไม่ให้กองปราบดำเนินคดีกับคุณบุญช่วย เราก็ถามว่าแล้วเราจะไปบังคับกองปราบ บังคับมูลนิธิได้ยังไง ในเมื่อทรัพย์สินเขาหาย เขาก็ต้องติดตาม แต่นี่เขาก็แลกกับการที่จะไม่ให้เราติดคุกค่ะ เขาไม่อยากให้เรายอมค่ะ"

ทางเรายังติดใจในตัวเสมียนศาล?
เขมจิรา : "ติดใจค่ะ เพราะพี่ธารินทร์ไม่เคยทะเลาะกับเด็กคนนี้ ไม่เคยไปยุ่ง"

เขาอาจจะป้องกันตัวเป็นไปได้ไหม?
เขมจิรา : "ไม่ใช่ป้องกันตัว เท่าที่ฟังจากตำรวจที่ไปตรวจที่เกิดเหตุ เขาบอกว่าพี่ธารินทร์บอกว่าใครไม่เกี่ยวข้องให้ออกไป เด็กคนนี้วิ่งออกไปแล้ว สัญชาตญาณคนออกไปแล้ว ถ้าไม่ได้มีความรู้เรื่องปืน เราจะไปแย่งปืนเจ้าหน้าที่มายิงคนอื่นหรือคะ"

แย่งปืนหรือเจ้าหน้าที่ส่งให้?
เขมจิรา : "ที่คุยกัน ตำรวจเขาคิดว่าน่าจะเป็นการแย่ง เพราะปืนตัวเอง จะไปยื่นให้คนอื่นยิงตาย มันผิดปกติวิสัยค่ะ จะว่าระงับเหตุก็ไม่ใช่ค่ะ ถ้าเกิดเรื่อง เราก็มองว่าเดี๋ยวเจ้าหน้าที่เขามาระงับเอง เราไม่เกี่ยว เราเป็นคนนอก เด็กคนนี้ก็ไม่ควรมาทำอะไรกับพี่ธารินทร์ เพราะเขาไม่เกี่ยวกัน และพี่ธารินทร์ให้ชีวิตเขาด้วย ใครไม่เกี่ยวข้องให้ออกไป"

ท่านรองฯ ยิงเสร็จแล้วไปนั่ง?
เขมจิรา : "เขานั่งรอมอบตัว คือพี่ธารินทร์ให้เด็กคนนี้ไปตามตร.มา แต่กลับมายิงเขา เหมือนเขารู้ว่าขั้นตอนต่อไปคือต้องมีการจับกุม เขาบอกเด็กคนนี้ไม่เกี่ยว เขาไม่มีเจตนาทำ ไม่ได้บาดหมางกับเด็กคนนี้ ถามว่าเขาให้ไปตามตร.มา เราก็ไปตามมาจับสิ ถูกมั้ยคะ เด็กคนนี้เป็นแค่เสมียน คุณไม่รู้จักปืน ไมได้รับการฝึก แล้วเอาปืนเจ้าหน้าที่มายิง มันไม่ถูกต้องค่ะ แล้วเท่าที่คุยมา กระจกศาลติดฟิล์ม มองจากข้างนอกมาข้างในจะไม่ชัด การยิงถ้าเขาไม่มีความรู้เรื่องปืนแล้วยิงไปจะไม่ง่าย แต่เด็กคนนี้ยิงแม่นหมดเลย แล้วขณะที่เขาฟุบแล้วไปยิงซ้ำ"

คุณคิดว่าเกินกว่าเหตุไปไหม?
เขมจิรา : "อันนี้กราบขอโทษฝ่ายผู้เสียชีวิตด้วย เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ฝ่ายเราเป็นคนเริ่ม เราก็เสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้น กราบขอโทษฝ่ายญาติๆ ที่เขาสูญเสีย เราก็สูญเสีย ทั้งเราและเขาก็ไม่อยากให้มีใครตายอยู่แล้ว แต่พอมันเกิดก็ยอมรับผิดตรงนี้ ถ้าไม่ดึงพี่ธารินทร์เข้ามา ทั้งที่เลิกมา 10 กว่าปี เขาก็คงไม่มามีชีวิตแบบนี้ เพราะเขาเกษียณแล้ว (ร้องไห้) แต่ด้วยความที่เขาเป็นตร. เขามีเลือดนักสู้ เขาได้หลักฐานราชการ ในเมื่อเขาพิสูจน์ความจริงได้ ทำไมเขาต้องมายอมเสียชีวิต ตอนนี้ความหวังหญิงอย่างเดียวคือรอกองปราบค่ะเพราะพี่ธารินทร์พากองปราบไปลงพื้นที่สอบพยาน 20 ปาก และได้หลักฐานราชการแล้ว"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook