"พีท คนเลือดบวก" เปิดใจคอร์สเซ็กซ์ไม่ใส่ถุง แจงแค่ทฤษฎีใหม่ ชวนแพร่เชื้อเอชไอวี

"พีท คนเลือดบวก" เปิดใจคอร์สเซ็กซ์ไม่ใส่ถุง แจงแค่ทฤษฎีใหม่ ชวนแพร่เชื้อเอชไอวี

"พีท คนเลือดบวก" เปิดใจคอร์สเซ็กซ์ไม่ใส่ถุง แจงแค่ทฤษฎีใหม่ ชวนแพร่เชื้อเอชไอวี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เปิดใจ "พีท คนเลือดบวก" คอร์สเซ็กซ์สด ไม่สนไม่แคร์ใดๆ ชี้แจงปมชวนคนติดเชื้อเอชไอวี ร่วมมีเซ็กซ์แบบไม่ใส่ถุงยาง เป็นการเผยแพร่ทฤษฎีใหม่ 

ดร.เสรี วงษ์มณฑา ได้เปิดใจสัมภาษณ์ "ฐิฏิวัสส์ ศิรเศรษฐกร" หรือ "พีท คนเลือดบวก" หลังเกิดกระแสดราม่าหนักมาก กรณีโพสต์แนวคิดเรื่องการมีเพศสัมพันธ์แบบไม่ใส่ถุงยางอนามัย พร้อมเชิญชวนผู้ติดเชื้อเอชไอวีให้มีเพศสัมพันธ์แบบไม่สวมถุงอนามัย เพื่อแพร่เชื้อสู่คนปกติให้ติดเชื้อกันให้หมด ผ่านทางรายการ "เรื่องลับมาก (NO CENSOR)" ทางเนชั่นทีวี ช่อง 22

*** บทสัมภาษณ์ชิ้นนี้เป็นความเห็นของผู้มีเชื้อ HIV คนหนึ่งเท่านั้น โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และหากมีข้อสงสัยหรือต้องการคำอธิบายใดๆ เพิ่มเติม โปรดปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ***

เรื่องนี้มันเกิดอะไรขึ้น?
"จริงๆ เป็นคอนเทนต์นึงที่พีทเขียนให้สังคม มีประชากรกลุ่มนึงที่มีรสนิยมไม่สามารถใช้ถุงยางได้จริงๆ ผมเห็นกระแสสังคมที่เป็นทวิตเตอร์ด้านสายดาร์ก ผมเห็นว่าคลิปที่เผยแพร่ออกมา มีพฤติกรรมใช้ถุงยางน้อยลง หรือไม่ใช้ถุงยางเลย ผมไม่ได้เพิ่งดูนะ ผมดูสังคมนี้มา 2-3 ปีแล้วตั้งแต่เปิดเพจมา ประชากรกลุ่มนี้รสนิยมเขาเป็นแบบนั้น และเขาไม่มีองค์ความรู้จะดูแลตัวเองเลย ผมเห็นว่าเขามีปัญหาเกี่ยวกับสภาวะที่จะดูแลคู่นอน ซึ่งก็เกิดการแลกเปลี่ยนเชื้อกันไปมา ไม่ว่าจะ HIV หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น"

ที่รณรงค์หมายถึงคนติดเชื้อเอชไอวี ด้วยกันใช่ไหม?
"ผมรณรงค์ทุกคน ความรู้ของคนเลือดลบ เขาก็ต้องเรียนรู้แบบคนเลือดลบ คนเลือดบวกก็ต้องเรียนรู้แบบคนเลือดบวก"

คนที่ไม่มีเชื้อเอชไอวีจะยอมมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใส่ถุงหรือ?
"ก็มันมีองค์ความรู้ใหม่เกิดขึ้น หลังมีประเด็นเรื่องนี้ ทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นในทฤษฎี มันมีองค์ความรู้อยู่อันนึงที่เกิดขึ้นในสังคม ที่เป็นที่ยอมรับกันทั่วโลก คือทฤษฎี U=U แปลว่าคนเลือดบวกที่กินยาต้านไวรัสอย่างน้อย 6 เดือนถึง 1 ปี เขาจะสามารถกดปริมาณไวรัสให้มีปริมาณน้อยกว่า 40 ตัวได้ คนที่ออกมาไม่ยอมรับทฤษฎี U=U เขาอาจไม่มั่นใจก็ได้ ด้วยความศึกษาไม่มากพอ หรือไม่รู้ข่าวคราวความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับโลกใบนี้เกี่ยวกับเอชไอวี"

หลายคนที่เขารณรงค์การใช้ถุงยาง ที่โดนดราม่าเพราะรณรงค์ไม่ใช้ ต้องการอะไร?
"ต้องการให้คนที่เขาไม่ใช้ถุงยางอยู่แล้ว มีความรู้ที่จะดูแลตัวเอง และสกรีนนิ่งตัวเองซะ ไม่ว่าจะเอชไอวีหรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ แล้วก็อย่าส่งต่อเชื้อให้คนอื่น"

แล้วสำหรับคนที่เขาไม่เชื่อ?
"ผมว่าเป็นวิจารณญาณส่วนบุคคล ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขาเชื่อกันทั่วโลก หนึ่งผมเป็นคนเลือดบวกเอง ก่อนจะมาพูดได้เต็มปากเต็มคำแบบนี้ ผมต้องศึกษามาพอสมควร เพราะกว่าผมจะมาเปิดเพจให้ความรู้คน ผมก็ไม่กล้าการันตีหรือพูดในสิ่งที่ไม่ชัวร์หรือไม่มั่่นใจ"

แล้วติดเชื้อได้ยังไง?
"ผมไม่รู้ว่าติดเชื้อโดยวิธีไหน ได้แต่เดา และมองย้อนกลับไป ตอนนั้นผมจัดฟันและใช้เทคนิคที่กั้นลิ้น เอาเหล็กแหลมๆ ติดด้านในของฟัน 6 ซี่ แล้วลิ้นขูดกับเหล็กทุกวันจนเป็นแผล และน่าจะไปออรัลเซ็กซ์ ย้อนกลับไปตอนนั้นผมไม่มีความรู้เรื่อง HIV เลย ผมไม่รู้วิธีป้องกัน รู้แค่ว่าการใช้ถุงยางอย่างเดียวก็จะปลอดภัย พอวันที่ผมพลาด ผมมองเห็นปัญหา ไม่ใช่เพราะผมพลาด แต่ผมไม่มีความรู้ที่จะป้องกันตัวเอง"

รู้ได้ไงว่าตัวเองมีเชื้อ?
"แฟนที่คบกันตอนนั้นชวนเราไปตรวจเลือด มีแคมเปญสมาคมฟ้าสีรุ้ง เขาบอกว่าชวนกันไปตรวจเลือดจะให้ตั๋วหนัง 2 ใบ ก็ชวนกันไปตรวจกับแฟน แฟนคนนี้ก็มีเซ็กซ์กันมาแบบไม่ป้องกัน เป็นแฟนคนแรกในชีวิต เราก็บอกว่าถ้าเกิดอะไรขึ้น รับผิดชอบร่วมกันนะ"

ก่อนหน้านี้ใช้ไหม?
"พีทใช้ครับ ค่อนข้างมั่นใจว่าพีทใช้ เพราะก่อนหน้านี้พีทเป็นคนตั้งใจทำงาน ทำงานเก่ง และหนักมาก เรื่องนี้ซีเรียสสำหรับพีทมากๆ"

เข้ารักษาเมื่อไหร่?
"จริงๆ ผมเข้ารับการรักษาตลอด ตั้งแต่รู้ผลเลือดตัวเอง ไม่เคยรีรอที่จะรับยา ตอนนั้นไม่มีองค์ความรู้อะไรเลย รู้แค่ว่ากินยาต้องดีกว่า ถ้าไม่ดีเขาคงไม่ให้กิน ตอนนั้นไม่รู้อะไรเลย รู้แค่กินยื้อชีวิต"

พ่อรู้หรือไม่ว่าเราติดเชื้อ?
"รู้ครับ พ่อแสดงท่าทีรังเกียจ มีแต่แม่ที่ปลอบใจ"

ตอนมาประกวดมิสเตอร์เกย์เวิลด์ พีทเปิดเผยตัวเองว่าเป็นคนติดเชื้อเอชไอวี ปฏิกิริยาคนรอบข้างเป็นยังไง?
"ตอนนั้นผมโดนกระแสมารอบนึงหลังเปิดเผยผลเลือด เพราะออกมาจากโลกยาเสพติดและเซ็กซ์โชว์ ผมก็จะมีรอยด่างพร้อยในชีวิตอยู่แล้ว พอผมมาเปิดตัว จะมีคนจำนวนนึงคอยด่าผม แฉเรื่องราวของผม ซึ่งผมยอมรับได้ เพราะเป็นเรื่องจริงในชีวิตผม ผมไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ"

 

17hivmanspeakout-1

พีทเป็นคนหมกมุ่นเรื่องเพศ?
"ไม่ได้หมกมุ่นครับ แต่เป็นคนชอบลองสังคมมากกว่า ถ้าโดยปกติ พีทแทบไม่มีเซ็กซ์เลย พีทมองว่าถ้าพีทมีเซ็กซ์กับคนเลือดลบ เขาจะกล้ามีเซ็กซ์กับคนเลือดบวกคนอื่นๆ"

ใช้ตัวเองเป็นตัวทดลอง?
"ใช่ครับ เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องใหม่ สำหรับผมขอให้เอาความดีความชอบ ประเพณีนิยมออกไปก่อนนะครับ ผมมองว่าถ้าเขากล้ามีเซ็กซ์กับผม ถ้าเขาจะอยู่ในความสัมพันธ์กับใครสักคนที่เป็นคนเลือดบวก เขาจะยอมรับได้ สิ่งที่ผมเห็นคือคนเลือดลบกับคนเลือดบวกเข้าใจไม่ตรงกัน คนเลือดบวกก็ไม่รู้ว่าตัวเองก็ไม่แพร่เชื้อก็ได้ ก็ไม่อยากส่งต่อเชื้อให้กับแฟน แล้วแฟนก็รักแทบตาย ปรากฏว่าผลักแฟนออกจากชีวิต มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในสังคมเยอะมาก"

ถ้าอยู่กันต่อไป แล้วสวมถุงยางไม่ดีกว่าเหรอ?
"เอาความจริงกับทฤษฎี ผมว่าไม่เหมือนกัน ผมว่าคนเป็นคู่รักกัน เขาไม่อยากใช้ถุงยางกันหรอก"

แล้วคำว่าปลอดภัยล่ะ?
"ก็ต้องจูงมือไปตรวจเลือด หรือสกรีนนิ่งเรื่องโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์กันก่อน คือที่ผมบอกคือก่อนคุณมีเพศสัมพันธ์ไม่ใช้ถุงยางได้ คุณต้องมีขั้นตอน เช็กอัพตัวเองก่อน ไม่ใช่สุ่มสี่สุ่มแปดไม่ใช้ถุงเลย ซึ่งขั้นตอนมันเยอะและยุ่งยากมาก แต่ถ้าทำได้ก็มีสิทธิ์"

จริงหรือไม่ พีทบอกชาวบ้านว่าถ้าไม่สวมถุงยางอนามัย แล้วมีเพศสัมพันธ์ แล้วหลั่งภายนอกจะไม่ติดเชื้อเอชไอวี?
"ผมไม่เคยพูดคำนี้นะ มันง่ายมากกับการพิจารณาความเสี่ยง"

คนมาด่าพีทเพราะพีทไม่ใช่หมอ เวลาคนมาด่า พีทก็บอกว่าไม่ได้พูด เป็นเฟคนิวส์?
"โพสต์มี 3 โพสต์ที่ตั้งใจให้เป็นเฟกนิวส์ โพสต์ทฤษฎีแพร่เชื้อทั้งประเทศ กับรับงานไฮ ใช้ยาเสพติดร่วมด้วย มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ใช้ถุงยางกับลูกค้า พีทโพสต์จริง แค่อยากรู้ว่าจะมีคนดีลกับเรามั้ย แต่ไม่ได้ทำจริงๆ"

เป็นนักทดสอบเหรอ?
"ใช่ครับ"

กำลังทดสอบเรื่องเป็นอันตรายกับตัวพีทเองที่จะได้รับความเกลียดชังกับสังคม?
"สำหรับผม ผมมองว่าเรื่องแบบนี้ต้องเกิดกับคนเลือดบวกในสังคม คนใดคนหนึ่งอยู่แล้ว ถ้าผมเจอด้วยตัวผมเอง ผมรับมือไหว แต่ถ้าคนเลือดบวกโดนดูถูกเหยียดหยามแบบนี้ เขาจะอยู่ยังไง"

ทำไมรับได้?
"เพราะพีทรู้ว่าข้อเท็จจริงคืออะไร ถ้าผมตอบตัวเองได้ว่าทำไปเพื่ออะไร มีวัตถุประสงค์อะไรกันแน่ ผมไม่สนชาวโลก เพราะสิ่งที่ผมทำมาตลอด ไม่เคยสนชาวโลกมาสักอย่าง"

ไม่กลัวไม่มีที่ยืนในสังคม?
"ผมว่าไม่มีใครทำให้ผมไม่มีที่ยืนในสังคมได้ ไม่ใช่ผมไม่กลัวใครนะ ผมมองว่าไม่มีใครเป็นเจ้าของสังคม ทุกคนมีสิทธิ์ยืนในสังคมเท่าเทียมกัน และผมก็มองว่าถ้าคนมาด่าผม ใช้คำที่หยาบคาย เขามีที่ยืนในสังคม ผมก็มีสิทธิ์ที่จะยืน เขาเป็นใครมาตัดสินผมว่าจะให้อยู่หรือไม่อยู่"

ใช้ชีวิตโนสน โนแคร์?
"ประมาณนั้น"

พีทจะเปิดคอร์สเซ็กซ์สด?
"มีความคิดที่จะสอน แต่จะสอนให้ฟรีอยู่แล้ว มันเป็นองค์ความรู้นะ ไม่ใช่ปฏิบัติ คนที่เอาไปแคป เอาไปทำข่าวเขาคงเข้าใจว่าผมคงจะนัดคนมาเซ็กซ์หมู่กันมั้ง ผมก็งงมาก 500 บาทในโพสต์คือห้องประชุมครับ ไม่ได้มีเซ็กซ์ มาสอนทฤษฎี เป็นอะไรที่ตลกมาก ทำไมถึงเป็นประเด็น คนอาจคิดว่าผมเอาคน 20 คนมาสอนเซ็กซ์สดกัน"

สิ่งที่กำลังทำ สวนทางกับกระแสสังคมปัจจุบันที่เขารณรงค์ให้ใช้ถุงยาง?
"ถ้าการรณรงค์ใช้ถุงยางมันได้ผล ก็คงยุติปัญหาเอดส์มานานแล้วครับ ก่อนหน้านี้ผมก็เสริม แต่ผมมองเห็นกลุ่มประชากรที่ไม่ใช้ มันก็ไม่ใช้จริงๆ มันก็เป็นต้นตอปัญหา ไม่ใช่ถุงยาง การให้ความรู้กับคนชอบแบบสด ถึงจะไม่ปลอดภัย 100% แต่เขามีความรู้ระดับหนึ่งที่จะดูแลตัวเองและดูแลคู่ของเขา ผมมองว่าเซ็กซ์ไม่ใช้ถุงยางเป็นสิทธิมนุษยชนแบบหนึ่ง เป็นรสนิยมทางเพศส่วนตัวที่เขาตกลงกันได้ คนเลือดลบทำอะไรได้ คนเลือดบวกก็ทำได้นะ"

ถ้าพีทเชื่อของพีทคนเดียว พีทจะไม่โดนด่า ตอนนี้พีทเอาความเชื่อของพีทมาเผยแพร่ในพื้นที่ที่เป็น Public และมีคนเข้ามาอ่าน เขาเลยไม่พอใจการรณรงค์ของพีท?
"ผมมองว่าเป็นเรื่องปกติ ถ้าเขาเข้าใจจริงๆ จะไม่มานั่งเถียงผมหรอก"

จะพูดอะไรกับสังคมให้เขาเข้าใจมากขึ้น?
"จริงๆ เรื่องการมีเซ็กซ์แบบไม่ใช้ถุงยางเป็นประเด็นรอง ประเด็นหลักจริงๆ คืออยากให้คนเลือดลบรู้จักเครื่องมือในการป้องกัน HIV ว่ามีกี่แบบ ใช้อย่างใดได้ใช้ ผมไม่ได้แนะนำให้ไม่ใช้เลย และองค์ความรู้ของคนเลือดบวก ทฤษฎีนี้เป็นทฤษฎีที่คนทั่วโลกเขาสื่อสารกัน"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook