"ปิยบุตร" แถลงปิดคดียุบพรรค ปฏิเสธแนวคิด "ชังชาติ" วอนหยุดโยงสถาบันเอี่ยวการเมือง

"ปิยบุตร" แถลงปิดคดียุบพรรค ปฏิเสธแนวคิด "ชังชาติ" วอนหยุดโยงสถาบันเอี่ยวการเมือง

"ปิยบุตร" แถลงปิดคดียุบพรรค ปฏิเสธแนวคิด "ชังชาติ" วอนหยุดโยงสถาบันเอี่ยวการเมือง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวในหัวข้อการแถลงปิดคดียุบพรรคอนาคตใหม่ กล่าวเปิดว่า พี่น้องประชาชนผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศไทย นายสัญญา สวัสดี ซึ่งปัจจุบันเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ร้องเรียนไม่ให้ กกต. รับรองการจดทะเบียนพรรคอนาคตใหม่ หลังการเลือกตั้ง นายณัฐพร โตประยูร ร้องต่อ กกต. ว่าตนและนายธนาธร มีพฤติกรรมล้มล้างระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข แต่ตนเห็นว่าการใช้เสรีภาพตามรัฐธรรมนูญเพื่อล้มล้างการปกครอง คือ การเอาทหารออกมาฉีกรัฐธรรมนูญมากกว่า

ขณะเดียวกัน นายณัฐพรพยายามนำเอาบทความหนังสือสมัยที่ตนเป็นอาจารย์อยู่ในมหาวิทยาลัย เอาบทความทางวิชาการของตนมาตัดทอนบางท่อนมาผูกโยงแล้วร้อยเรื่องไปว่าตนต้องการล้มล้างการปกครอง เอาบทสัมภาษณ์ของนายธนาธรที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐศาสตร์การเมือง ประวัติศาสตร์ และระบบทุนนิยม มาผูกโยงแล้วจินตนาการไปว่าเป็นการล้มล้างระบอบการปกครอง เอานโยบายของพรรคที่ต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญมากล่าวหาว่าต้องการล้มล้างการปกครอง ทั้งที่นายทหารกลุ่มหนึ่งออกมายึดอำนาจ ตั้งตนเป็นใหญ่ในแผ่นดิน แล้วฉีกรัฐธรรมนูญนี่เรียกว่าการล้มล้างการปกครองของจริง

อีกทั้งยังอ้างว่าการลงนามในธรรมนูญกรุงโรมของพรรคอนาคตใหม่เป็นการล้มล้างการปกครอง แต่ทั้งหมดไม่มีตรงไหนเลยที่แสดงให้เห็นว่าตนและนายธนาธรต้องการเปลี่ยนไปสู่ระบอบประธานาธิบดี หลายอย่างที่เอามาอ้างเกิดก่อนการตั้งพรรค และพรรคอนาคตใหม่ก็ได้รับการรับรองจาก กกต. ให้ตั้งพรรคแล้ว แถมยังลงสมัคร ส.ส. ตามระบอบ จึงจะถือว่าล้มล้างการปกครองได้อย่างไร

คำร้องเช่นนี้จึงไม่ต่างจากใบปลิว การร้องเรียนครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากพรรคอนาคตใหม่ได้รับที่นั่ง ส.ส. จำนวนมาก เพราะเขาหวาดกลัวพรรคอนาคตใหม่ หวาดกลัวเสียงของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง เพราะมันจะทำให้เขาสูญเสียอำนาจลง ข้อหาล้มเจ้ามักถูกใช้เป็นข้ออ้างในการจัดการออกไปจากการเมืองไทย 

ตนยืนยันว่าตนและนายธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ ยืนยันว่าไม่คิด ไม่เคยคิด และไม่กระทำการอันเป็นการล้มล้างระบอบประชาธิปไตยแน่นอน ตนและพรรคยืนยันในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ความหมายของระบอบนี้คือการเอาสถาบันพระมหากษัตริย์และสถาบันประชาชนมารวมกัน สถาบันกษัตริย์เป็นหลักประกันของรัฐไทย ประชาชนเป็นสถาบันของรัฐสมัยใหม่

W1_ปิยบุตร ธนาธร.jpg

ในระยะหลังมีการประดิษฐ์คำใหม่ขึ้นมา เช่นคำว่า ปฏิกษัตริย์นิยม แต่ยืนยันว่าตน นายธนาธร และพรรคอนาคตใหม่ ไม่ใช่คนเหล่านี้ แต่ต้องการให้ประเทศไทยพัฒนาภายใต้ระบอบประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ประชาธิปไตยสามารถรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ให้ยั่งยืนต่อไป แต่อำนาจเผด็จการทหารมากกว่าที่กัดเซาะบั่นทอนสถาบันพระมหากษัตริย์ เหมือนอย่างที่หลายประเทศเป็น ความคิดแบบ Hyper-royalist หรือกษัตริย์นิยมล้นเกิน และ Ultra-royalist หรือผู้เกินกว่าราชา ก็บั่นทอนและทำลายสถาบันกษัตริย์เช่นเดียวกัน 

จากประสบการณ์ในหลายประเทศบอกว่าพวกที่เหนี่ยวรั้งการเปลี่ยนแปลง เพื่อรักษาอำนาจของตนจะทำลายสถาบัน บางสื่อและนักการเมืองบางคนตั้งลัทธิชังชาติ ทำให้ตนและนายธนาธรเป็นวายร้าย และเป็นวิธีที่ใช้กันมาตั้งแต่ในอดีต จนนำมาสู่การฆ่ากันกลางเมืองเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม เป็นการแบ่งแยกประชาชน เช่น หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ที่พาดหัวว่าพรรคอนาคตใหม่อยู่ตรงข้ามสถาบัน ซึ่งเป็นการบิดเบือนถ้อยคำ ก่อนที่ตนจะแถลงปิดคดีในวันนี้ ทั้งที่การยุบพรรคเป็นการใช้สถาบันมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง

ทั้งที่พวกตนต้องการประชาธิปไตย เสรีภาพ เสมอภาค ต้องการลดความเหลื่อมล้ำ ทลายรัฐราชการรวมศูนย์ ต้องการปฏิรูปกองทัพให้ทันสมัยและกลับกรมกองไม่มายุ่งเกี่ยวการเมือง ต้องการสิ่งแวดล้อมที่ดี ฯลฯ ตนจึงถามกลับว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องปกติที่ทุกประเทศอยากจะมี เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนอยากจะได้ไม่ใช่หรือ เราเป็นคนปกติที่ถูกมองว่าพวกที่เป็นซ้ายสุดโต่ง พวกเขาต่างหากที่เป็นขวาตกขอบ ในช่วงที่สังคมกำลังเปลี่ยนแปลง แต่คนเหล่านี้กลับเหนี่ยวรั้งไม่ให้เปลี่ยนแปลงและจะยิ่งเป็นอันตรายกับประเทศไทย และแช่แข็งประเทศ ที่ผ่านมาประเทศไทยเคยผ่านการปฏิรูปประเทศร่วมกันมาแล้วหลายครั้ง และตนก็เชื่อว่าจะสามารถผ่านไปได้

เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวต่อว่า 21 มกราคมนี้ ศาลรัฐธรรมนูญจะขึ้นบัลลังก์เพื่อพิจารณาตัดสิทธิ์ตนและนายธนาธร พร้อมยุบพรรคอนาคตใหม่ แม้ตนจะเชื่อว่าจากหลักฐานที่มีไม่สามารถที่จะยุบพรรคได้ แต่ปากกาไม่ได้อยู่ที่ตน ที่ผ่านมามีแต่กระแสว่ายุบแน่ มันแสดงให้เห็นว่าการยุบพรรคไม่ใช่เรื่องของกฎหมายอย่างเดียว แต่เป็นเรื่องการเมือง เพราะเขาวิเคราะห์ว่าตนและนายธนาธรเป็นอันตรายต่อการเมืองในปัจจุบัน

เขาหวังว่า ส.ส. จะย้ายค่ายไปอยู่ฝ่ายรัฐบาลเพื่อให้มีเสถียรภาพอยู่ครบ 4 ปี เขาหวังว่าความคิดของพรรคจะสูญสลาย และหวังว่าแกนนำจะหายไปจากการเมืองระยะหนึ่ง เมื่อปากกาไม่ได้อยู่ที่เรา เราจึงทำได้อย่างเดียวให้อาวุธที่เรียกว่าการยุบพรรคเป็นกระสุนที่ด้าน ตนขอเรียกร้องให้ ส.ส. อนาคตใหม่ทั้งหมด ย้ายไปอยู่พรรคการเมืองใหม่ที่มีแนวทางแบบอนาคตใหม่พร้อมเพรียงกัน และขอให้สมาชิกพรรคอนาคตใหม่ 6 หมื่นคนไปพร้อมเพรียงกันสมัครสมาชิกพรรคที่มีแนวทางเหมือนพรรคอนาคตใหม่ 

ตนและนายธนาธรคุยกันแล้วว่าวันนี้ไม่ช้าก็เร็วต้องมาถึง ตนและนายธนาธรจะรณรงค์ทางการเมืองต่อเนื่องและเดินทางไปอภิปรายต่อหน้าประชาชนทั่วประเทศ ถ้าเป็นแบบนี้อาวุธที่ชื่อว่าการยุบพรรคที่เอาความเชื่อถือศรัทธาในระบบยุติธรรมทั้งหมดมาใช้จะกลายเป็นกระสุนด้านทันที การยุบพรรคจะไม่เป็นอันตรายต่ออนาคตใหม่เลย แต่ตรงกันข้ามจะส่งผลร้ายต่อสังคมไทย และหากมีการยุบพรรคจริง ต่อไปนี้คนในประเทศก็จะมีแต่คนที่คอยสอดส่องโลกโซเชียลของคนอื่น และรอวันที่จะตัดแปะเพื่อไปร้องศาล

เมื่อก่อนตนก็เคยเป็นคนที่อยู่ให้เป็นแต่วันนี้ตนเห็นว่ามีความหวังแล้วช่วยกันดึงความหวังของประชาชนขึ้นมาอีกครั้ง พรรคพยายามทำการเมืองแบบใหม่อย่างที่คนครองอำนาจอยู่ต้องการให้เป็น พรรคกำลังทำเรื่องที่เขาต้องการแล้วจะยุบพรรคไปทำไม และการยุบพรรคจะยิ่งผลักให้คนหนุ่มสาวเห็นถึงความอยุติธรรมและหลักให้เกิดรอยแตกแยกระหว่างรุ่นกับรุ่น และเป็นการนำประเด็นสถาบันพระมหากษัตริย์มาเป็นเครื่องมือทางการเมืองกำจัดศัตรู

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook