Sanook คลุกข่าวเช้า 22 ม.ค. 63 มาตรการแก้ฝุ่น PM 2.5 พร้อมเฝ้าระวังไวรัสโคโรนา

Sanook คลุกข่าวเช้า 22 ม.ค. 63 มาตรการแก้ฝุ่น PM 2.5 พร้อมเฝ้าระวังไวรัสโคโรนา

Sanook คลุกข่าวเช้า 22 ม.ค. 63 มาตรการแก้ฝุ่น PM 2.5 พร้อมเฝ้าระวังไวรัสโคโรนา
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เปิดศักราชใหม่มาได้ยี่สิบกว่าวันแล้ว ถ้าจะสวัสดีปีใหม่กับผู้อ่านที่ติดตาม sanook.com กันอีกซักรอบคงไม่น่าจะสายเกินไปเนอะ

ปีนี้ทีมงานของ Sanook เตรียมแผนพัฒนาการนำเสนอข่าวสาร เนื้อหาสาระ ความบันเทิง วาไรตี้ และไลฟ์สไตล์ เอาไว้แบบอัดแน่นจัดเต็ม แต่จะเป็นอะไรบ้างนั้นขออุบไว้ก่อน เอาเป็นว่าคอยติดตามพวกเรากันเอาไว้นะครับ

เอาล่ะ แต่อย่างน้อยๆ สิ่งหนึ่งที่อยากชวนคุณผู้อ่านที่กำลังเข้ามาอ่านเนื้อหาสรุปข่าวยามเช้าในชื่อ Sanook คลุกข่าวเช้า กันอยู่นี้ อยากให้ทุกท่านลองมองหาสัญลักษณ์รูปลำโพงเหนือตัวหนังสือของเนื้อหา ที่มีคำว่า กดฟัง แล้วลองจิ้มกันดูนะครับ ระบบ AI ที่บริษัทของเราพัฒนาขึ้นมาจะอ่านเนื้อหาในบทความตั้งแต่บรรทัดแรกให้ฟังกันเพลินๆ ซึ่งเทคโนโลยีแบบนี้เรียกว่า Text to Speech 

ยังไงก็อยากให้ลองใช้งานกันดูนะครับ ระบบ AI จะพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ ต่อไปจังหวะการอ่าน น้ำเสียง คลังคำศัพท์ รูปประโยค ก็จะมีบรรจุอยู่ในฐานข้อมูล จนซักวันหนึ่งถ้าไม่บอกเนี่ยเราอาจจะเผลอนึกไปว่าเป็นคนจริงๆ มาพูดให้เราฟัง

มาเริ่มต้นเนื้อหากันก่อนเลย เมื่อวานนี้ (21 ม.ค. 2563) มีคดีที่อยู่ในความสนใจของสังคมอยู่ 2 คดี และมีบทสรุปออกมาเป็นที่เรียบร้อย คดีแรกราว 10 โมงเช้า ศาลฎีกานัดอ่านคำพิพากษาคดีที่ สรยุทธ สุทัศนะจินดา และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ในคดียักยอกเงินโฆษณาเกินเวลาจาก อสมท.

ซึ่งผลปรากฏว่า ศาลฎีกาพิพากษาแก้ให้เป็นจำคุก 6 ปี 24 เดือน โดยไม่รอลงอาญา จากที่ก่อนหน้านี้ทั้งศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตัดสินยืนตามกันให้จำคุก 13 ปี 4 เดือน โดยไม่รอลงอาญาเช่นกัน เนื่องจากศาลให้เหตุผลว่า นายสรยุทธ เป็นสื่อมวลชนอาวุโสทำคุณงามความดี แต่ย่อมต้องทำตัวเป็นแบบอย่างแก่สื่อมวลชนอื่น และประพฤติปฏิบัติตัวให้ดี

อย่างไรก็ตาม หลังรับทราบผลการตัดสิน ทีมงานใกล้ชิด กรรมกรข่าว นำโน้ตที่เป็นการเปิดเผยความในใจของเจ้าตัวมาโพสต์ผ่านบัญชีสื่อโซเชียล ซึ่งเนื้อหาใจความเป็นเรื่องการยอมรับคำตัดสินที่แม้ตัวเขาจะไม่เห็นด้วยในบางประเด็นแต่ก็ถือว่าได้ใช้สิทธิต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมแล้ว พร้อมระบุมีการเตรียมตัวเตรียมใจใช้ชีวิตต่อจากนี้ อย่างน้อยก็ถือว่าชีวิตได้เริ่มต้นใหม่เสียที หลังจากติดคุกสังคมมาแล้ว 4 ปี

ปฏิกิริยาของบรรดาทีมงาน เพื่อนร่วมงาน คนเด่ง คนดัง ในหลากหลายแวดวงต่างพากันมาให้กำลังใจอดีตคนข่าวที่ในช่วงเวลาหนึ่งเคยทรงอิทธิพลที่สุดในประเทศ ก็ขอถือโอกาสนี้ส่งกำลังใจให้ พี่ยุทธ เช่นกันนะครับ

อีกคดีเป็นคดีในวงการเมือง เมื่อศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยกรณีที่มีผู้ร้องให้ยุบพรรคอนาคตใหม่ เนื่องจากมีพฤติกรรมล้มล้างการปกครอง ซึ่งศาลใช้เวลาอ่านคำวินิจฉัยเพียงสิบกว่านาทีว่ามีมติยกคำร้องดังกล่าว เพราะพิจารณาแล้วเห็นว่าพฤติกรรมของผู้ถูกร้องไม่มีพฤติกรรมล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขแต่อย่างใด

แต่ศาลรัฐธรรมนูญมีความเห็นว่า ข้อบังคับพรรคอนาคตใหม่ พ.ศ. 2561 ข้อ 6 วรรคสอง อาจก่อให้เกิดความแตกแยกระหว่างคนในชาติ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (สำนักงาน กกต.) อยู่ระหว่างศึกษาและเตรียมเสนอให้ กกต. พิจารณาดำเนินการในขั้นตอนต่อไป

ลองเลียบๆ เคียงๆ ดูแล้ว กกต.อาจจะส่งเรื่องไปที่พรรคอนาคตใหม่ให้ปรับเปลี่ยนข้อบังคับ ข้อ 6 วรรคสอง ให้สอดคล้องกับกฎหมายพรรคการเมือง หลีกเลี่ยงการถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในอนาคต

ขณะที่ปฏิกิริยาในฝั่งพรรคอนาคตใหม่หลังทราบผลคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็ประกาศเดินหน้าทำกิจกรรมทางการเมืองต่อไป และไม่หวั่นใจกับคดีที่ยังมีค้างคาถูกร้องให้ยุบพรรคอีก 4 คดี ซึ่งบรรดาเกจิ กูรู และนักวิเคราะห์ในวงการต่างพากันแนะนำให้จับตาไปที่คดีเงินกู้พรรค เพราะมีความสุ่มเสี่ยงที่จะถูกยุบพรรคได้มากที่สุด

พ้นจากเรื่อง 2 คดีใหญ่ๆ ของเมื่อวานไปแล้ว มาวันนี้เรื่องที่ยังคงต้องติดตามก็คือ ปัญหาฝุ่นพิษ ฝุ่นจิ๋ว ฝุ่น PM 2.5 ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนๆ ในสังคม ถึงขนาดที่ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครสั่งปิดโรงเรียนในสังกัดทั้ง 437 แห่ง เป็นเวลา 1 วัน ขณะที่มีบางโรงเรียน เช่น เซนต์ดอมินิก ประกาศปิด 3 วันตั้งแต่พุธถึงศุกร์นี้ สาธิตจุฬาฯ ฝ่ายประถม ประกาศปิด 2 วันคือ พุธและพฤหัสบดี

นอกจากนี้ บรรดานักวิชาการต่างก็เริ่มออกมาเรียกร้องมาตรการอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรมจากรัฐกันมากขึ้น แม้ฝั่งรัฐบาลจะประสานเสียงว่ามีแผนรับมือไม่ต้องวิตกกังวลไป รวมถึง "ลุงตู่" ที่เมื่อวานนี้ส่งเสียงมาจากนราธิวาสที่ลงไปประชุม ครม.สัญจรว่า อึดอัดกับปัญหานี้จนถึงขั้นนอนไม่หลับเลยทีเดียว พร้อมกับสำทับว่าให้ประชาชนที่ออกมาตำหนิ ฟังรัฐบาลบ้าง

อีกเรื่องที่เริ่มน่าวิตกกังวลก็คือ ไวรัสโคโรนา ซึ่งจีนออกมายอมรับว่าสามารถแพร่เชื้อจากคนสู่คนได้ พร้อมกับที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อป่วยปอดอักเสบก็มีจำนวนที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้น ขณะที่เมื่อวานนี้ที่เชียงใหม่ก็มีการกักตัวชายชาวจีนที่บินมาจากอู่ฮั่น เพื่อตรวจสอบว่ามีอาการติดเชื้อไวรัสโคโรนามาหรือไม่ เพราะฉะนั้นช่วงนี้พวกเราก็คงต้องระมัดระวังและดูแลสุขภาพกันอย่างเต็มที่

ประเด็นการเมืองที่ต้องติดตามก็คือ มีการออกมาเปิดเผยว่า ส.ส.พรรคภูมิใจไทย เสียบบัตรแทนกันเพื่อออกเสียงลงมติในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 ที่ผ่านมา ถึงขั้นมีการออกมาแฉว่าบุคคลที่ให้เพื่อนอีกคนเสียบบัตรแทน ในช่วงเวลาที่มีการโหวตนั้นอยู่ระหว่างเดินทางอยู่ต่างประเทศเลยทีเดียว

งานนี้ร้อนกันหลายฝ่าย ทั้งประธานสภาฯ ชวน หลีกภัย สั่งการให้เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรตรวจสอบข้อเท็จจริง ขณะที่ "เสี่ยหนู" อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ก็ส่งเสียงหนักแน่นถ้าสมาชิกพรรคทำผิดจริงจะต้องถูกลงโทษ

ปิดท้ายกันที่เรื่องร้อนๆ ในแวดวงกีฬาที่ยังคงต้องติดตามกันต่อหลังจากมีการกำหนดวันเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ในวันที่ 12 ก.พ. ที่จะถึงนี้ แต่ปรากฏว่าเกิดเรื่องวุ่นขึ้น เมื่อมีการตัดสิทธิการลงสมัครชิงตำแหน่งประมุขลูกหนังไทยของ "บังยี" วรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคม จนเจ้าตัวต้องออกมาตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงแก้ต่างประเด็นต่างๆ ว่าตนเองไม่ได้ขาดคุณสมบัติอย่างที่สมาคมใช้เป็นเหตุผลในการตัดสิทธิ

ทั้งหมดนี้ก็คือ สรุปข่าวประจำเช้านี้ให้ทุกท่านได้ติดตามกัน แล้วพบกันใหม่วันพรุ่งนี้ครับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook