อัยการแถลงแจงเหตุไม่สั่งฟ้อง "ชัยวัฒน์" ฆ่าอำพราง "บิลลี่ พอละจี" เหตุหลักฐานไม่พอ

อัยการแถลงแจงเหตุไม่สั่งฟ้อง "ชัยวัฒน์" ฆ่าอำพราง "บิลลี่ พอละจี" เหตุหลักฐานไม่พอ

อัยการแถลงแจงเหตุไม่สั่งฟ้อง "ชัยวัฒน์" ฆ่าอำพราง "บิลลี่ พอละจี" เหตุหลักฐานไม่พอ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายประยุทธ เพชรคุณ อัยการพิเศษสำนักงานคดีอาญา 3 ในฐานะรองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เปิดเผยถึงกรณีที่อัยการไม่สั่งฟ้องคดีที่ นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร อายุ 56 ปี ผอ.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัด (ผอ.ทสจ.) จังหวัดปัตตานี อดีตหัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ระหว่างปี 2551-2557 กับลูกน้องอีก 3 คน ที่ตกเป็นผู้ต้องหาคดีร่วมกันกักขังหน่วงเหนี่ยวทำร้าย และร่วมกันฆ่าอำพรางศพ นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ อายุ 31 ปี นักเคลื่อนไหวชาวกะเหรี่ยงบ้านโป่งลึก-บางกลอย จ.เพชรบุรี ที่หายตัวไปตั้งแต่ปี 2557 แต่ฟ้องเพียงข้อหาเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 กรณีจับกุมนายบิลลี่ลักของป่าหรือน้ำผึ้ง แต่ปล่อยตัวไปทั้งที่ต้องนำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดี

โดย นายประยุทธ กล่าวว่า คณะทำงานได้ตรวจสำนวนอย่างละเอียดแล้ว เห็นว่าในชั้นนี้พยานหลักฐานไม่เพียงพอจะฟ้องผู้ต้องหาทั้ง 4 คน โดยมีเหตุผลประกอบว่า นายพอละจี ถูกคุมตัวพร้อมน้ำผึ้ง และมีพยานเห็นว่านายชัยวัฒน์ ปล่อยตัวนายบิลลี่ ออกมาแล้ว

ซึ่งภรรยาและแม่ได้ทำคำร้องขอศาลจังหวัดเพชรบุรีให้ปล่อยตัวนายบิลลี่ เพราะเชื่อว่านายบิลลี่ยังถูกควบคุมตัวโดยมิชอบด้วยกฎหมายอยู่ ซึ่งศาลจังหวัดเพชรบุรียกคำร้องเพราะนายชัยวัฒน์ปล่อยตัวแล้ว ขณะที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน และศาลฎีกายืนตามศาลจังหวัดเพชรบุรีและศาลอุทธรณ์

ขณะที่พยาน 2 ปาก กลับคำให้การกับดีเอสไอว่าไม่เห็นนายชัยวัฒน์ปล่อยตัว ซึ่งอัยการมองว่าคำให้การกับศาลมีน้ำหนักมากกว่า ส่วนการตรวจพิสูจน์กระดูก ใช้การตรวจแบบไมโทคอนเดรีย ซึ่งเป็นเพียงการพิสูจน์ทราบให้เห็นถึงความเชื่อมโยงในสายของมารดากับยายเท่านั้น ไม่สามารถพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลได้ เหมือนการตรวจนิวเคลียส

นอกจากนี้ พยานหลักฐานยังไม่สามารถหาความเชื่อมโยงและพิสูจน์ได้ว่าผู้ต้องหาฆ่านายบิลลี่เมื่อใด ที่ไหน อย่างไร ซึ่งส่วนนี้เป็นประเด็นสำคัญที่อัยการต้องทำความเห็นสั่งฟ้อง และคดีอาญาฟ้องได้เพียงครั้งเดียว อัยการต้องมั่นใจว่าสามารถพิสูจน์ได้ว่า นายชัยวัฒน์กับพวกกระทำผิดจริง เพราะหากอัยการไม่สามารถพิสูจน์ให้ศาลปราศจากข้อสงสัยได้ ศาลจะยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้จำเลย ซึ่งโอกาสที่ศาลจะยกฟ้องมีสูง แต่หากมีพยานหลักฐานใหม่ อัยการสามารถหยิบยกขึ้นมาพิจารณาสั่งฟ้องได้ตามอายุความ 20 ปี

ขณะที่นางพิณนภา พฤกษพรรณ หรือมึนอ ภรรยาของนายบิลลี่ กล่าวว่า หลังฟังคำชี้แจงของอัยการก็พอเข้าใจเหตุผล แต่มีคำศัพท์บางอย่างที่ไม่เข้าใจอยู่บ้าง ส่วนตัวเชื่อมั่นในนิติวิทยาศาสตร์ที่ดีเอสไอพิสูจน์ เพราะปกติชาวกะเหรี่ยงจะไม่นำศพไปลอยน้ำ และการตรวจกระดูกก็พบว่าตรงกับแม่ของบิลลี่ จึงมั่นใจว่าต้องเป็นบิลลี่แน่นอน พร้อมกับยืนยันว่าหากอัยการสูงสุดมีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ก็จะพิจารณาสำนวนและเป็นโจทก์ยื่นฟ้องด้วยตนเอง

จากนั้น นางมึนอทำหนังสือถึงอัยการขอให้ชี้แจงเหตุผลที่สั่งไม่ฟ้องผู้ต้องหาเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งอัยการจะลงรับเอกสารและคืนสำเนาให้แก่ผู้เสียหายต่อไป

ทั้งนี้ ตามขั้นตอนหลังส่งสำนวนกลับไปยังกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอ หากอธิบดีดีเอสไอมีความเห็นแย้ง ต้องส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุดเพื่อพิจารณาชี้ขาดต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook