ตร.รอวุฒิเรียกประชุมหลังพธม.ไม่มารับทราบข้อกล่าวหา
พล.ต.ต.พงษ์สันต์กล่าวอีกว่า ในส่วนของข้อหาก่อการร้ายที่กลุ่มพันธมิตรไม่ยอมรับนั้น ยังต้องมีการต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรมอีกหลายขั้นตอน รวมถึงข้อหาอื่นที่มีการแจ้งไว้ด้วย ซึ่งในส่วนของข้อหาอื่นก็ไม่มารับทราบข้อหาเช่นกัน ที่สำคัญได้แจ้งข้อหาก่อการร้ายกับผู้ที่ไปชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิเท่านั้น ส่วนผู้ที่มาชุมนุมที่สนามบินดอนเมืองโดนข้อหาอื่น แต่ก็ไม่มีผู้ใดมารับทราบข้อกล่าวหาตามหมายเรียกทั้งหมด ซึ่งในส่วนของพนักงานสอบสวนก็อยากให้ผู้ถูกออกหมายเรียกเข้ามาพิสูจน์ตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม เพราะการพิจารณาว่าเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงหรือไม่ยังยังมีอีกหลายขั้นตอนในการพิสูจน์และต่อสู้
รายงานข่าวแจ้งว่า พนักงานสอบสวน บช.น.และบช.ภ.1 ได้มีการลงมติทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นแตกต่างกันในความผิดข้อหาการก่อการร้าย โดยทางด้านสนามบินสุวรรณภูมิ ได้มีการบุกรุกไปยังหอบังคับการบิน เพื่อไม่ให้เครื่องบินขึ้น-ลง ซึ่งเป็นความผิดชัดเจน ส่วนที่สนามบินดอนเมืองยังไม่พบผิดรุนแรงถึงขั้นก่อการร้าย ซึ่งข้อหาสนามบินทั้ง 2 แห่งแตกต่างกัน แต่บางคนถือมีความผิดทั้ง 2 แห่ง เนื่องจากขึ้นปราศรัยบนเวทีทั้งสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ ส่วนนายกษิต ภิรมย์ รมต.ต่างประเทศ ไปขึ้นปราศรัยและร่วมชุมนุมที่สนามบินสุวรรณภูมิเพียงแห่งเดียว และเดินทางมารับทราบข้อหาก่อนหน้านี้แล้ว