ผบ.ปส.เซ็นส.ต.ท.วรวุฒิผู้ต้องหายิงสนธิ ออก ขาดงานเกิน15วัน อธิบดีดีเอสไอปิดปากมือยิงช่วยราชการ

ผบ.ปส.เซ็นส.ต.ท.วรวุฒิผู้ต้องหายิงสนธิ ออก ขาดงานเกิน15วัน อธิบดีดีเอสไอปิดปากมือยิงช่วยราชการ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ผบ.ปส.ลงนามในคำสั่งให้ส.ต.ท.วรวุฒิ ผู้ต้องหายิงสนธิออกราชการแล้ว แจงผิดวินัยร้ายแรงขาดงานเกิน15วัน บิ๊กเหวียงโผล่โต้ข่าว ยันไม่เกี่ยวข้องอรทัย ฐานะจาโรรับจ.ส.อ.ปัญญาเคยมาทำงานที่โรงงาน ก่อนหายตัวไป อธิบดีดีเอสตอบคำถามมือยิงช่วยราชการ โยนโฆษกตอบแทน ผบ.ปส.ลงนามในคำสั่งให้ส.ต.ท.วรวุฒิออกราชการแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานวันที่ 17 กรกฎาคมว่า พลตำรวจโทวุฒิ ลิปตพัลลภ ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ได้ลงนามในคำสั่งให้สิบตำรวจโทวรวุฒิ มุ่งสันติ ที่ถูกออกหมายจับในคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยออกจากราชการแล้ว เนื่องจากผิดวินัยร้ายแรงจากการขาดราชการเกิน 15 วัน ความเป็นเจ้าพนักงานก็สิ้นสุดลง

ทวีหนีนักข่าวชิ่งคำถามส.ต.ท.ยิงสนธิอยู่ดีเอสไอ ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) วันที่ 17 ก.ค. พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในฐานะโฆษกดีเอสไอ กล่าวถึงกรณีนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม สั่งการให้ดีเอสไอช่วยติดตามตัวส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ ผู้ต้องหาตามหมายจับคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ว่า ส.ต.ท.วรวุฒิเพียงแต่เคยมีความประสงค์จะโอนย้ายมาทำงานที่ดีเอสไอ แต่ท้ายที่สุดไม่ได้ย้ายมา จึงมีเฉพาะการทำงานร่วมกันในบางคดี เช่นคดีจับกุมแก๊งแบนดีโดส ป็นต้น กรณีที่ส.ต.ท.วรวุฒิถูกออกหมายจับนั้น พนักงานสอบสวนดีเอสไอ ที่เคยรู้จักหรือปฏิบัติงานร่วมกับส.ต.ท.วรวุฒิ ก็พยายามที่จะติดตามตัวเพื่อขอให้มามอบตัว แต่ตั้งแต่ช่วงที่ส.ต.ท.วรวุฒิหายตัวไป ก็ยังไม่มีใครเคยพบหรือมีเบาะแส อย่างไรก็ตาม หากได้รับการประสานจากตำรวจให้ดีเอสไอช่วยติดตามตัว ดีเอสไอก็จะให้ความร่วมมือ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ ซึ่งเข้ามาถ่ายภาพร่วมกับของกลางที่ดีเอสไอยึดได้จากการจับกุมแก๊งไต้หวันตั้งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศไทย หลอกลวงผู้เสียหายชาวต่างชาติให้โอนเงินผ่านระบบเอทีเอ็ม ได้รีบเดินหนีผู้สื่อข่าวออกจากห้องแถลงข่าวในทันที เนื่องจากไม่ต้องการตอบข้อซักถามกรณี ส.ต.ท.วรวุฒิ โดยปล่อยให้โฆษกดีเอสไอทำหน้าที่ชี้แจงแทน

บิ๊กเหวียงโผล่โต้ข่าวคดีสนธิ ยันไม่เกี่ยวข้องแม้แต่นิด พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมและอดีตผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์กับไทยรัฐ ถึงกรณี จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา ผู้ต้องหาคดียิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ยังหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ว่า จ.ส.อ.ปัญญาเคยทำหน้าที่ติดตามตน สมัยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และเคยมาเยี่ยมบ้างเวลาที่ไปพักที่โรงงานที่ จ.ตราด เมื่อเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบที่โรงงงานผลิตน้ำหอมที่ จ.ตราดแล้วก็จบ อาจเป็นเพราะเห็นว่าจ.ส.อ.ปัญญาเคยไปที่โรงงานดังกล่าว แต่ไม่เคยไปใช้เป็นที่หลบซ่อนตัวจากตำรวจ เชื่อว่าจ.ส.อ.ปัญญาคงไม่นำความเดือดร้อนมาให้ตนแน่นอน

เมื่อถามว่า ส.อ.ปัญญาเป็นคนอย่างไร พล.อ.เชษฐา กล่าวว่า เป็นคนดี เรียบร้อยมาก นิ่งเฉย ตอนที่ได้ยินข่าวก็ยังตกใจ เขาเคยมาติดตามผม แต่ไม่ถือว่าใกล้ชิดมาก พล.อ.เชษฐา กล่าว

พล.อ.เชษฐา กล่าวถึงกรณีตั้งข้อสังเกตว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามหาแพะมาดำเนินคดีว่า เป็นเรื่องของตำรวจ เพราะความจริงก็ต้องเป็นความจริง ใช่ก็คือใช่ ไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ข้อเท็จจริงมันมีอยู่จริง จะมาผูกโยงกับตนได้อย่างไร ไม่เห็นมีชื่ออะไร เราไม่ได้ไปเกี่ยวข้องอะไรเลยแม้แต่นิดเดียว นอกจากเป็นคนเคยมาติดตาม เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาเท่านั้น

อรทัยป้องเชษฐายันอยู่กทม.ปัดชิ่งหลบหน้าสื่อ

นางอรทัย ฐานะจาโร อดีต ส.ส.เ ขตสัมพันธวงศ์ กทม. เปิดเผยผ่านสถานีวิทยุร่วมด้วยช่วยกัน ทาง FM 99.5 เมื่อเช้าวันที่ 17 กรกฏาคม ยืนยันไม่รู้สึกวิตกกังวลภายหลังถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกค้นบริษัทไม้กฤษณาฟ้าสยาม จำกัด และโรงงานผลิตน้ำหอมฐานะจาโร ซึ่งตั้งอยู่ในบริเวณเดียวกัน เพื่อค้นหา จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา ทหารสังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ ลพบุรี ผู้ต้องหาตามหมายจับ ในคดีลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพียงแต่ไม่เข้าใจว่า เพราะเหตุใดถึงมีการนำเรื่องดังกล่าว โยงไปถึง พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร เนื่องจากเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องระดับประเทศ

ได้คุยกับ พล.อ.เชษฐา แล้ว คุณพ่อไม่รู้สึกเครียดหรือวิตกกังวลอะไร เพียงแต่ว่า มันเป็นเรื่องที่พุ่งเป้ามาที่ท่าน ทั้งนี้ยืนยัน พล.อ.เชษฐา ยังอยู่ในกรุงเทพฯ และไม่ได้หลบหน้าสื่อมวลชน ไม่ใช่เรื่องพร้อมหรือไม่พร้อมที่จะให้สัมภาษณ์ หากแต่ออกมาแล้ว จะเล่าในมติอะไร เพราะโรงงานผู้รับผิดชอบคือ ตนเองนางอรทัย กล่าว

นางอรทัย กล่าวต่อว่าว่า จ.ส.อ.ปัญญา เคยเป็นหนึ่งในทีมชุดเฉพาะกิจรักษาความปลอดภัย พล.อ.เชษฐา เมื่อสมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แต่เมื่อ พล.อ.เชษฐา พ้นจากตำแหน่ง จ.ส.อ.ก็ไม่เคยติดต่อกับทั้งตนเองและ พล.อ.เชษฐา อีก จนมารับทราบว่า จ.ส.อ.ปัญญา มาสมัครทำงานอยู่ที่โรงงานประมาณ 1 เดือน ก่อนหายตัวไปโดยไม่ทราบสาเหตุ และก็ไม่ได้สอบถาม เพราะจ.ส.อ.ปัญญา ไม่ได้ทำงานในตำแหน่งที่สำคัญอะไร

ส่วนการที่มีความพยายามผูกโยงมาถึง พล.อ.เชษฐา นั้น นางอรทัย คาดว่า เป็นเพราะ จ.ส.อ.ปัญญา มีครอบครัวอยู่ที่ จ.ตราด แต่อย่างไรก็ตาม ตั้งข้อสังเกตุที่เกิดขึ้นว่า คดีดังกล่าวซึ่งถือเป็นคดีร้ายแรง หากจะมีการดำเนินการจะเป็นไปได้อย่างไรที่จะนำลูกน้องที่ใกล้ชิดมาดำเนินการ เพื่อให้สามารถโยงมาถึงได้อย่างง่ายดาย

เชษฐางงถูกโยงคดียิงสนธิเผยไม่สนิทจ.ส.อ.ปัญญา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา ทหารสังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) จ.ลพบุรี ผู้ต้องหาลอบยิงนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตร ถูกตั้งข้อสังเกตว่า เคยเป็นนายทหารติดตามพล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และอดีตู้บัญชาการทหารบก ทำให้ตลอดทั้งวัน ผู้สื่อข่าวพยายามโทรศัพท์ติดต่อ เพื่อขอทราบข้อเท็จจริงจากพล.อ.เชษฐา แต่ไม่สามารถติดต่อพล.อ.เชษฐาได้ เนื่องจากพล.อ.เชษฐา ปิดดทรศัพท์มือถือตลอดทั้งวัน

ด้านนายทหารใกล้ชิดพล.อ.เชษฐา เปิดเผยถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจบุกค้นบ้านพักลูกสะใภ้ของพล.อ.เชษฐา ที่จ.จันทบุรีว่า เรื่องนี้พล.อ.เชษฐา รู้สึกแปลกใจว่า ทำไมมีการโยงมาถึงคนใกล้ตัวท่าน ทั้งที่เรื่องนี้ท่านไม่รู้เรื่องอะไร และท่านเกษียณมานานคงไม่มีอำนาจไปสั่งทหาร ตำรวจได้ อีกทั้งท่านไม่ได้มาจากหน่วยรบพิเศษ ทำให้ท่านคงไปยุ่งอะไรในหน่วยไม่ได้ คงต้องไปดูว่าตำรวจมีข้อมูลอะไรถึงมาโยงใยกับคนใกล้ชิดท่าน ทั้งนี้ต้องดูเจตนาว่า เขาโยงมาเพื่ออะไร หากมองให้ดีๆคนที่มีอำนาจในการสั่งการขนาดนี้ได้ต้องไม่ธรรมดา

จ.ส.อ.ปัญญา น่าจะเคยทำงานกับท่านในช่วงที่ท่านเป็นรมว.กลาโหม ซึ่งตอนนั้นมีคนมาทำงานร่วมกันมาก ซึ่งทหารคนนั้นเป็นทหารที่ถูกส่งมาจากรบพิเศษให้มาดูแลความปลอดภัยตามระเบียบของทหารเท่านั้น และพล.อ.เชษฐาเป็นรมว.กลาโหมได้ประมาณ 7-8 เดือน เมื่อท่านออกจากตำแหน่ง ทหารคนนั้นก็ไม่ได้มาดูแลท่านอีก ทราบข่าวเพียงว่า เขาลงไปทำงานที่ภาคใต้ ซึ่งจ.ส.อ.ปัญญาไม่ได้สนิทอะไรกับท่านเป็นพิเศษ เพราะไม่ได้อยู่กับท่านมาตั้งแต่ต้น และเพิ่งมาอยู่ตอนเป็นรมว.กลาโหม พอจบงานต่างคนก็ต่างไป นายคนสนิทพล.อ.เชษฐา กล่าว

ตร.บุกล่าจ่าปัญญาในโรงงานไม้หอมลูกสะใภ้บิ๊กเหวียง

เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดคลี่คลายคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดย พล.ต.ต.สุเมธ เรืองสวัสดิ์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) พล.ต.ต.วีรศักดิ์ มีนะวนิช รองจเรตำรวจ เข้าประสานกับ พล.ต.ต.นิวัฒน์ รัตนาธรรมวัฒน์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 2 (รอง ผบช.ภ.2) นำกำลังเข้าตรวจค้นโรงงานน้ำหอม บริษัท กฤษณาฟ้าสยาม จำกัด เลขที่ 2/1 หมู่ 10 ต.ประณีต อ.เขาสมิง จ.ตราด เมื่อเวลา 04.00 น. วันที่ 16 กรกฎาคม เพื่อจับกุม จ.ส.อ.ปัญญา ศรีเหรา ทหารสังกัดหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ (นสศ.) จ.ลพบุรี ช่วยราชการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (กอ.รมน.) ภาค 4 ที่ถูกออกหมายจับพร้อม ส.ต.ท.วรวุฒิ มุ่งสันติ ตำรวจสังกัดกองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.)

จากการตรวจค้นเจ้าหน้าที่ไม่พบ จ.ส.อ.ปัญญา จึงสอบปากคำนายจารินทร์ วิสัยซื่อ ผู้จัดการโรงงาน นายอนุชาติ ช่างเกวียน และนายศุภกร สุทธิผ่อง เพื่อนของ จ.ส.อ.ปัญญา เบื้องต้นทราบว่า จ.ส.อ.ปัญญา มาทำงานที่โรงงานดังกล่าวประมาณ 1 เดือน แต่ไม่ได้พักที่บ้านพักคนงาน โดยไปพักอยู่กับภรรยา ที่บ้านช้างทูน อ.บ่อไร่ จ.ตราด ห่างจากโรงงานไปประมาณ 30-40 กิโลเมตร

พล.ต.ต.สุเมธกล่าวว่า การตรวจค้นครั้งนี้เพื่อหาตัว จ.ส.อ.ปัญญา ที่สืบทราบว่าหลบมาซ่อนตัวและทำงานอยู่ในโรงงานดังกล่าว จึงได้วางแผนเข้าจับกุม แต่ไม่พบตัวเนื่องจากหลบหนีไปก่อน

ทั้งนี้ จากการตรวจสอบข้อมูลของกระทรวงพาณิชย์ ระบุว่า บริษัท กฤษณาฟ้าสยาม จำกัด เลขทะเบียนธุรกิจเลขที่ 0105551115959 ประกอบกิจการผลิตน้ำหอมจากไม้กฤษณา เช่น สกัดน้ำมัน จดทะเบียนเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ.2551 มีชื่อนางอรทัย ฐานะจาโร ลูกสะใภ้ พล.อ.เชษฐา ฐานะจาโร อดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นกรรมการบริษัทเพียงคนเดียว

คนสนิทกลัวโยนบาปใส่เชษฐา

นายทหารยศนายพลคนหนึ่งที่ใกล้ชิด พล.อ.เชษฐา กล่าวถึงการโยง พล.อ.เชษฐา เข้าไปเกี่ยวข้องกับคดียิงนายสนธิ ว่า พล.อ.เชษฐา ไม่ได้มีท่าทีเคร่งเครียด และปฏิเสธว่าไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับ จ.ส.อ.ปัญญา รวมทั้งบอกว่าไม่กลัวเรื่องนี้ ความจริงก็คือความจริง แต่มีความเป็นห่วงว่า ตำรวจจะสามารถทำความจริงให้ปรากฏได้หรือไม่ว่าใครเป็นผู้บงการที่แท้จริง ถ้าไม่ได้ ก็กลัวว่าจะมีการโยนบาปมาถึงตัว พล.อ.เชษฐา

จ.ส.อ.ปัญญาเคยมาช่วยงาน พล.อ.เชษฐาจริง สมัยเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เมื่อปี 2547 โดยขอตัวมาจากกรมรบพิเศษที่ 3 โดยการจัดให้ของศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ (ศรภ.) เพื่อมาอยู่ในทีมรักษาความปลอดภัย แต่เมื่อ พล.อ.เชษฐา พ้นจากตำแหน่ง ก็แยกจากกัน และไม่ได้เกี่ยวข้องกันอีก นายทหารที่ใกล้ชิด พล.อ.เชษฐากล่าว และว่า ไม่มีมูลเหตุใดๆ ที่ พล.อ.เชษฐา จะไปอยู่เบื้องหลัง เพราะตลอดชีวิตราชการทหาร ไม่เคยมีศัตรู โดยเฉพาะศัตรูทางการเมือง อีกทั้งไม่เคยเลี้ยงมือปืนหรือโจร

โฆษกทบ.ชี้อย่าโยงกองทัพ

ด้าน พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงการดำเนินคดีกับ จ.ส.อ.ปัญญา ว่า ข้อกล่าวหามีการระบุว่ากระทำความผิดร่วมกับพลเรือน ดังนั้น คงต้องมีการดำเนินคดีแบบพลเรือนและขึ้นศาลพลเรือนตามขั้นตอน นอกจากนี้เห็นว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยไม่ควรตั้งธงหรือตั้งประเด็นว่าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. มีความเชื่อมโยงกับคดีนี้ แต่ควรปล่อยให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและพนักงานสอบสวนปฏิบัติหน้าที่

แหล่งข่าวทหารไม่เชื่อบิ๊กสงครามพิเศษมีเอี่ยว

พ.อ.ปริญญา ฉายดิลก โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 กล่าวยอมรับว่า จ.ส.อ.ปัญญา มาช่วยราชการ กอ.รมน.ภาค 4 จริง โดยช่วยราชการอยู่ที่กองร้อยทหารพรานที่ 44 อ.สายบุรี จ.ปัตตานี แต่ขณะนี้แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ส่งตัวให้ นสศ.ต้นสังกัดเดิมแล้ว

ด้านแหล่งข่าวที่เป็นนายทหารระดับสูงของกองทัพบก กล่าวถึงกระแสข่าวที่ระบุว่า ทหารยศ พล.ท.หน่วย นสศ.อยู่เบื้องหลังว่า นสศ.มีนายทหารยศ พล.ท.เพียงคนเดียว คือ พล.ท.ภุชงค์ รัตนวรรณ ผบ.นสศ. ซึ่งเมื่อเห็นข่าวก็หัวเราะและไม่ได้รู้สึกอะไร พูดเพียงว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เมื่อถามว่า มีการระบุว่านายทหารยศ พล.ท. ชื่อ สุนัย เกี่ยวข้องกับคดีนี้ นายทหารระดับสูง กล่าวว่า คงมีเพียง พล.ท.สุนัย สัปปัตตะวนิช อดีต ผบ.นสศ ที่ขณะนี้เป็นผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก และใกล้ที่จะเกษียณอายุราชการแล้ว ทั้งนี้ ไม่น่าจะเป็น พล.ท.สุนัย เพราะเป็นคนธรรมะธัมโม และเป็นคนสนิทกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ซึ่งรู้กันดีว่ามีความใกล้ชิดกับกลุ่มพันธมิตรและนายสนธิ ลิ้มทองกุล ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่จะลอบสังหารนายสนธิ

สุเทพยันไม่เปลี่ยนตัวธานี

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีลอบสังหารนายสนธิ ระบุว่า มีหนอนบ่อนไส้ในการทำคดีว่า พล.ต.อ.ธานี ก็เป็นรอง ผบ.ตร.อยู่แล้ว มีอำนาจบังคับบัญชาตำรวจได้ทุกระดับ รัฐบาลก็วางใจมอบหมายให้ทำคดีนี้ และสามารถทำได้เต็มที่ นอกจากนี้จะไม่มีการเปลี่ยนตัวคนทำคดีเพราะเห็นว่า พล.ต.อ.ธานีสามารถทำงานมาถึงขั้นรวบรวมหลักฐาน และไปขออนุมัติหมายจับจากศาลได้แล้ว ก็ต้องถือว่าทำได้ดี จึงยังเห็นว่าสามารถทำงานได้อยู่

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีทหารเข้ามาเกี่ยวข้องกับคดีจะทำให้เกิดความยุ่งยากขึ้นอีกหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า อย่าไปกังวลใจ จะเป็นสีเขียว สีเหลือง สีแดง หรือสีอะไร เมื่อทำความผิดก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่ต้องไม่ไปสร้างจินตนาการให้เกินเหตุ ถ้ามีพยานหลักฐานเกี่ยวพันถึงใครก็ดำเนินคดีกับคนนั้น เมื่อถามว่า จะทำเป็นคดีตัวอย่างที่ได้ให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่ายได้หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า อย่าเรียกว่าเป็นคดีตัวอย่างเลย เป็นเรื่องที่เจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำหน้าที่

นายกฯพร้อมจัดการไส้ศึกสีกากี

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณี พล.ต.อ.ธานี ระบุว่า มีไส้ศึกเป็นอุปสรรคในชุดสืบสวนสอบสวนคดี ว่า ได้คุยกับพล.ต.อ.ธานีแล้ว และบอกไปว่าถ้าตรงไหนมีปัญหาต้องการให้รัฐบาลไปช่วยแก้ ก็ให้บอกมา เพราะต้องการให้คดีเดินหน้าเต็มที่ โดย พล.ต.อ.ธานียืนยันว่าขณะนี้ทำงานได้

เมื่อถามว่า จำเป็นต้องมีการโยกย้ายนายตำรวจบางคนหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้ามีความชัดเจนว่ามีการไปขัดขวางหรือไปทำให้คดีไม่สามารถเดินได้ รัฐบาลก็จะทำให้มันเดินได้ เมื่อถามว่า มีคนระบุว่า ผบ.ตร.เป็นอุปสรรค คิดว่าเป็นไปได้หรือไม่ ที่ ผบ.ตร.เข้ามาแทรกแซงคดี นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ผมเรียนว่า คุณธานีต้องเป็นผู้ที่บอกผมเองว่าจะทำอย่างไร ถ้าหากว่าทำไม่ได้ ณ ขณะนี้ คุณธานียืนยันว่า มีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่ทำงานได้ และทำงานต่อ ถ้าทำไม่ได้ก็มาบอกผม เมื่อถามอีกว่ามีการตั้งคำถามว่า ถ้า ผบ.ตร.เป็นอุปสรรคจริง รัฐบาลกล้าที่จะเปลี่ยนตัว ผบ.ตร.หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เอาว่าผมจะต้องดูแลให้คดีนี้มันเดินต่อได้

ส่วนการสอบสวนจะสาวถึงคนที่อยู่เบื้องหลังหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า อยู่ที่การทำงานของเจ้าหน้าที่ อย่างที่เล่าให้ฟังว่า พล.ต.อ.ธานีต้องการที่จะทำคดีให้แน่น ไม่ต้องการทำคดีแบบออกมาเสร็จแต่สุดท้ายก็หลุด เมื่อถามว่า พล.ต.อ.ธานีบอกนายกฯหรือไม่ว่า ใครอยู่เบื้องหลัง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่ได้ว่าเป็นใคร คือบอกแต่ว่าที่ออกหมายจับเป็นใครอย่างไร และเคลื่อนไหวอย่างไร ส่วนจะมีการออกหมายจับใครเพิ่มเติมนั้น กำลังพยายามดำเนินการอยู่

อดีตคมช.จวกตร.อย่าทำคลุมเครือ

พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) ให้สัมภาษณ์กรณีมีข่าวว่า มีนายทหารยศ พล.ท. ซึ่งมีความสนิทสนมกับบิ๊ก คมช. อยู่เบื้องหลังการลอบยิงนายสนธิ ว่า สามารถคิดได้ทั้งนั้น แต่หน่วยงานที่จะสามารถพิสูจน์เรื่องนี้ให้เกิดความจริงได้มีเพียงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จะต้องเอาคนผิดมาลงโทษให้ได้ เพื่อให้สังคมลดปัญหาความสับสนลงไป

ตราบใดที่ตำรวจยังไม่สามารถจับตัวผู้บงการใหญ่มาลงโทษ ทุกคนก็จะถูกชี้ว่าเป็นคนอยู่เบื้องหลัง ซึ่งเป็นไปได้ทั้งหมด มีทางเดียวที่จะพิสูจน์ความจริงได้ คือใครเป็นคนทำ ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติมีหน้าที่จะต้องทำหลักฐานให้ปรากฏออกมาโดยเร็ว เมื่อยังไม่ปรากฏว่าใครเป็นคนทำ ทุกกลุ่ม พรรคการเมืองเก่าหรือพรรคการเมืองใหม่ ก็มีสิทธิเข้าข่ายทั้งนั้น ตำรวจอย่ามาบอกว่าเจอตอแล้ว ต้องบอกว่าตอนั้นคืออะไร ใครเป็นผู้ล็อบบี้ใคร อย่ามาพูดให้คลุมเครือ เพราะถ้ายิ่งพูดก็จะยิ่งทำให้เกิดความสับสนมากขึ้น พล.อ.สมเจตน์กล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook