ธรรมนัส ลั่นคดีติดคุกในออสเตรเลีย ไม่ส่งผลต่อคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี

ธรรมนัส ลั่นคดีติดคุกในออสเตรเลีย ไม่ส่งผลต่อคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี

ธรรมนัส ลั่นคดีติดคุกในออสเตรเลีย ไม่ส่งผลต่อคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ช่วงกลางดึกของเมื่อคืนนี้ (26 ก.พ.) ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เพื่อพิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลนั้น นายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ อดีตพรรคอนาคตใหม่ อภิปรายไม่ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ กรณีเคยถูกจำคุกในคดียาเสพติด มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญในการเป็นรัฐมนตรีและ ส.ส.

ทั้งนี้ นายธีรัจชัย อภิปรายว่า ตนจะเปิดเผยความจริงเรื่องคดียาเสพติด เป็นคดีระดับที่ทั่วโลกไม่สามารถให้อภัยได้ แต่การนำคนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติดมาบริหารบ้านเมือง เป็นอันตรายต่อประเทศชาติเป็นที่น่ารังเกียจของประเทศทั่วโลก เคยมีกรณีหัวหน้าพรรคสามัคคีธรรมไม่สามารถเข้าเป็นนายกฯ ได้ เมื่อปี 2535 เพราะถูกท้วงติงจากสื่อมวลชนสิงคโปร์ว่าไม่สามารถเข้าประเทศสหรัฐฯ ได้ เพราะติดแบล็กลิสต์ จากการสงสัยว่าเกี่ยวพันกับยาเสพติด แต่สำหรับ ร.อ.ธรรมนัส ยิ่งกว่า เพราะเคยถูกศาลประเทศออสเตรเลียตัดสินว่ามีความผิดฐานนำเข้าและค้ายาเสพติด ถูกจำคุกที่ประเทศออสเตรเลีย และ ร.อ.ธรรมนัส มีคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญในการเป็นรัฐมนตรี รวมทั้งเคยเปลี่ยนชื่อตัวเองมาหลายครั้ง

"ท่านทำตัวเหมือนพินอคคิโอ แต่ท่านบอกได้อุทธรณ์ 4 ปี แม้ศาลจะเคยจำคุก 6 ปีที่ออสเตรเลีย อีกทั้งท่านก็เคยชี้แจงว่าเคยถูกจำคุก 6 ปี ท่านจำนนต่อหลักฐานเพราะเคยพูดเอง ผมเป็นประธานอนุ กมธ. ของ กมธ.ป.ป.ช. เคยพิสูจน์กรณีนี้ เคยตรวจสอบมา 5 เดือน และได้ติดต่อศาลอุทธรณ์จากรัฐนิวเซาเวลส์ ได้ส่งคดีของ ร.อ.ธรรมนัส มาให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส คำพิพากษารัฐนิวเซาท์เวลส์ เมื่อวันที่ 10 มี.ค. 2538" นายธีรัจชัย ระบุ

นายธีรัจชัย ยังอภิปรายต่อไปว่า กรณี ร.อ.ธรรมนัส พูดว่าไม่ได้เข้าสู่การไต่สวนพยาน ไม่เป็นความจริงขัดแย้งต่อคำพิพากษา ที่ท่านได้ชี้แจงต่อประธาน กมธ.ป.ป.ช. ว่าศาลได้ลดโทษ ร.อ.ธรรมนัส 10 ปีไม่เป็นความจริง เพราะการพิพากษาจำคุก 4 ปี เป็นคำพิพากษาของศาลแขวง อีกทั้งท่านไม่มีวีซ่าเข้าประเทศออสเตรเลียแน่นอน เมื่อปรากฏหลักฐานเช่นนี้ จะอยู่เฉยๆ และตั้งคนอย่างนี้มาบริหารประเทศได้อย่างไร หลักฐานชัดเจนจะอยู่ต่อได้หรือไม่ ซึ่งตนไม่ไม่วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ และ ร.อ.ธรรมนัส อีกทั้ง ร.อ.ธรรมนัสเคยโต้แย้งถึงประธาน กมธ.ป.ป.ช. ติดคุก 4 ปีจริง แต่ไม่ใช่คดียาเสพติด

โดยระหว่างการอภิปรายของนายธีรัจชัย ได้มีการพูดถึงคำพิพากษาของรัฐนิวเซาธ์เวลส์ ทำให้นายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ พรรคพลังประชารัฐ ประท้วงนายธีรัจชัยที่จะนำคำพิพากษามาอ่านกลางสภาฯ โดยขอให้ส่งคำพิพากษาให้ประธานสภาฯ ตรวจสอบก่อนว่ามีการแปลจากระทรวงการต่างประเทศหรือไม่ และขอให้ส่งให้ประธานฯ ก่อนอภิปราย ซึ่งนายธีรัจชัย แย้งว่า ข้อบังคับฯ ไม่อนุญาตให้ส่งเนื้อหาการอภิปรายให้ประธานสภาฯ

ขณะที่นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กทม. อดีตพรรคอนาคตใหม่ ประท้วงประธานว่าไม่เป็นกลาง ทำให้นายสุชาติ ตันเจริญ รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ซึ่งทำหน้าที่ประธานการประชุมอยู่ในขณะนั้น ตัดบทการประท้วงว่าตนไม่เป็นกลางอย่างไร และตนจะไม่อดทน โดยไม่อนุญาตให้นายณัฐชาได้ใช้สิทธิ และอนุญาตให้นายธีรัจชัยได้อ่านคำพิพากษาดังกล่าวได้

ต่อากนั้น ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ ชี้แจงว่า ตนแทบไม่น่าเชื่อว่าจะได้ยินคำอภิปรายจากนายธีรัจชัยที่มีประวัติการศึกษาและจบเนติบัณฑิตไทย เนติบัณฑิตยสภา ในเรื่องนี้เป็นอำนาจอธิปไตยเหนือดินแดน การปกครองระบอบประชาธิปไตยนั้นอำนาจอธิปไตยระบุชัดเจนว่าเป็นของปวงชนชาวไทยตามมาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญ 2560 ทั้งนี้ คำพิพากษารัฐใดต้องมีต่อรัฐนั้น ดังนั้นจะนำคำพิพากษาของรัฐใดมาใช้ในประเทศไทยไม่ได้ ตนฟังผู้อภิปรายว่าจะมีอะไรเด็ดหรือไม่ เพราะก่อนอภิปรายมีประชาชนส่งโซเชียลมีเดียมาให้ตน ซึ่งตนไม่ได้ตื่นเต้นอะไรเลย สิ่งที่ผู้อภิปรายได้อภิปรายนั้น เอกสารที่บอกว่าหมัดเด็ด ตนมีตั้งนานแล้ว อยากจะเรียนว่า ตนทำหนังสือเมื่อ 4 ต.ค. 2562 เรียนถึงปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เรื่องขอความร่วมมือตรวจสอบคำพิพากษาศาลแขวงและศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับการดำเนินคดีของตน ตนขอให้มอบหมายให้เอกอัครราชทูตคัดสำเนาคำพิพากษาศาลออสเตรเลีย โดยเป็นคำพิพากษาศาลแขวงนิวเซาธ์เวลส์เมื่อปี 2537 และคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ รัฐนิวเซาธ์เวลสต์ ลงวันที่ 10 มี.ค. 2538

"ผมไม่ได้ตื่นเต้นกับหลักฐานของผู้อภิปราย ผมได้รับคำตัดสินของสองศาล คือคำพิพากษาศาล ซึ่งตัดสินเมื่อวันที่ 31 มี.ค. 2537 สาระสำคัญท่านยังไม่มี สาระสำคัญแม้กระทั่งเรื่องข้อกฎหมายของกฎหมายอาญาของรัฐนิวเซาธ์เวลส์ที่ท่านพูดถึงนั้น ผมมีข้อกฎหมายชี้แจงว่าผมถูกดำเนินคดีในข้อกล่าวหาอะไร ข้อกล่าวหาเขาระบุชัดเจนว่าเป็นข้อกล่าวหาว่าผมรับสารภาพยังไง ท่านแปลว่าเจตนานำเข้ายาเสพติด ผมเคยแจ้งความผู้อภิปรายด้วย ท้ายที่สุดมาอ้อนวอนให้ผมถอนแจ้งความ ขณะนี้ผมตั้งวอร์รูมอยู่ จ.พะเยา ผมเห็นว่าเรื่องนี้ละเอียดอ่อน การแปลกฎหมายต่างประเทศให้เป็นภาษาไทยต้องใช้ผู้มีความรู้ทางกฎหมายด้วย ผมไม่ได้รับสารภาพว่านำเข้า ส่งออก จำหน่ายและผลิตสิ่งเสพติดให้โทษประเภทเฮโรอีน กฎหมายในออสเตรเลียว่าด้วยการกระทำความผิดฐานนำเข้า ส่งออก ขายและจำหน่ายมีโทษสถานเดียว คือ จำคุกตลอดชีวิต หรือทั้งจำทั้งปรับ" ร.อ.ธรรมนัส ระบุ

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวอีกว่า ตนเดินทางออกนอกประเทศไทยครั้งแรกเมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2536 ตนไปออสเตรเลีย นครซิดนีย์ เดินทางไปกับเพื่อนที่ถูกดำเนินคดี และการกระทำความผิดที่นำเข้าเฮโรอีนสู่ออสเตรเลียกระทำโดยผู้หญิงคนหนึ่งชื่อป้าหรือภา บุคคลดังกล่าวได้นำเข้าเฮโรอีน 3.2 กิโลกรัมและถูกจับเรียบร้อย ความผิดสำเร็จแล้วเมื่อวันที่ 8 เม.ย. 2536 อีกทั้งตนถูกหญิงคนดังกล่าวโยนความผิดให้

"ผมยอมรับว่านี่คือตราบาปติดตัวผมตลอดชีวิต หากผมได้มีโอกาสจะเข้าไปกำกับดูแลการปราบยาเสพติด ผมจะทำให้ดูว่า คนอย่างธรรมนัส เป็นอย่างไร"

ร.อ.ธรรมนัส ย้ำด้วยว่า การดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ไม่เข้าข่ายลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98 (10) โดยอ้างอิงถึงบันทึกข้อหารือระหว่างสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีกับสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ว่าการต้องคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาล ย่อมหมายถึงคำสั่งหรือคำพิพากษาของศาลไทยเท่านั้น ไม่อาจจะตีความให้รวมถึงคำสั่งหรือคำพิพากษาศาลต่างประเทศได้ เพราะจะขัดกับหลักการใช้อำนาจอธิปไตยของรัฐ

ขณะที่นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.กรุงเทพมหานคร อดีตพรรคอนาคตใหม่ อภิปรายไม่ไว้วางใจ ร.อ.ธรรมนัส เช่นเดียวกัน โดยชี้ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีความหลายคดี ทั้งถูกปลดจากราชการ คดีทำร้ายร่างกาย มีพฤติกรรมเป็นผู้มีอิทธิพล ใช้วุฒิการศึกษาปริญญาเอกไม่ได้มาตรฐาน สำแดงรายได้ต่อสรรพากร และ ป.ป.ช. ผิดปกติ โดยพบว่าเพียง 6 เดือน มีรายได้กว่า 36 ล้านบาท

นายณัฐชา ยังอภิปรายอีกด้วยว่า นางอริสรา พรหมเผ่า ภรรยา ร.อ.ธรรมนัส ถือหุ้นในบริษัทที่เป็นคู่สัญญาหรือสัมปทานของรัฐ กรณีเป็นคู่สัญญาเช่าพื้นที่ตลาดคลองเตยกับการท่าเรือแห่งประเทศไทย และโอนให้บุคคลอื่นหลังผ่านพ้นการเลือกตั้งไปแล้ว ซึ่งขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 184

จากนั้นประธานที่ประชุมได้สั่งพักการประชุมเมื่อเวลา 02.45 น. ของวันที่ 27 ก.พ. พร้อมนัดประชุมอีกครั้งในเวลา 09.30 น.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook