เชิญเอาปัญญามาแลกเงินรัฐไป
กระนั้นก็ดีก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้ตั้งกองทุนเศรษฐกิจ พอเพียง จัดสรรงบประมาณโดยตรงไปยังหมู่บ้านและชุมชนทั่วประเทศเพิ่มเติมจากที่เคยจัดสรร เพื่อให้เข้าถึงงบประมาณของรัฐอย่างรวดเร็ว โดยให้ทุกภาคส่วนในชุมชนร่วมบริหารจัดการและพัฒนาศักยภาพของตนเอง สนับสนุน ส่งเสริมการสร้างงานสร้างรายได้ ลดต้นทุนทางการเกษตร เพื่อพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติให้มีมูลค่าเพิ่มและสร้างโอกาสการพัฒนาหรือเพิ่มขีดความสามารถการสร้างศักยภาพทางเศรษฐกิจในระดับชุมชน โดยมีคำขวัญประชาสัมพันธ์โครงการว่า เชิญเอาปัญญามาแลกเงินรัฐไป และเมื่อดำเนินไปได้ระยะหนึ่งก็มีข่าวความไม่ชอบมาพากลขึ้น
ปัญหาดังกล่าว ส.ส.จากพรรคเพื่อไทย อ้างว่า ได้ ลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการในเขตกรุงเทพมหานคร (กทม.) พบวี่แวว ส่อการทุจริตเพราะไม่ปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ที่ต้องจัดเวทีประชาคมรับฟังความเห็นของประชาชนโดยโครงการที่ได้รับคัดเลือกต้องมีผู้เข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่า 70% ของคนในชุมชน ต้องเป็นการรองรับผู้ด้อยโอกาส ผู้ว่างงาน อนุรักษ์ส่งเสริมหรือพัฒนาพลังงานทดแทน แต่พบว่าไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เช่นใช้วิธีนำเอกสารไปให้ชาวบ้านลงชื่อ เพื่อแสดงว่าได้รับความยินยอมจากชุมชน ขณะที่ชาวบ้านไม่ทราบว่ามีโครงการ และไม่เป็นไปตามความต้องการ นอกจากนี้ยังระบุว่าบางรายการราคาแพงเกินจริง
อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและผู้แทน ชุมชนบางแห่งยืนยันว่าโครงการดำเนินไปด้วยความโปร่งใส และคณะกรรมการบริหารโครงการชุมชนพอเพียงได้จัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบเรื่องร้องเรียน ทั้งกำชับให้นายอำเภอ นายกเทศมนตรีตรวจสอบการทำประชาคม และลดสัดส่วนประชาชนที่เข้าร่วมประชาคมจาก 70 เหลือ 50 คน เพื่อไม่ให้โครงการล่าช้า ซึ่งเป็นการวางกลไกป้องกันการทุจริตอีกชั้น อันเป็นการตอกย้ำว่า แม้ในโครงการที่ใช้งบประมาณไม่มาก มีหลักเกณฑ์ มีประชาคมพิจารณา ก็ยังเกิดปัญหา ดังนั้นโครงการขนาดใหญ่ไทยเข้มแข็งยิ่งต้องวางเกณฑ์การตรวจสอบให้เข้มงวดยิ่งขึ้น.