ก.พ.ศึกษาปัญหากำลังคนภาครัฐ แพทย์ไทยไม่ขาดแคลน แต่มีปัญหากระจุกตัว

ก.พ.ศึกษาปัญหากำลังคนภาครัฐ แพทย์ไทยไม่ขาดแคลน แต่มีปัญหากระจุกตัว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ก.พ.จับมือศูนย์บริการวิชาการจุฬาฯศึกษาโครงการยุทธศาสตร์กำลังคนภาครัฐ พบปริมาณแพทย์-พยาบาลของไทยไม่ขาดแคลน แต่มีปัญหาบางส่วน ไม่มีการกระจาย แต่กระจุกในบางสังกัด สำนักงาน ก.พ. ร่วมกับศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมี ศ. ดร. ศุภชัย ยาวะประภาษ ศึกษาโครงการกำหนดยุทธศาสตร์กำลังคนภาครัฐ ในกลุ่มข้าราชการครู ตำรวจ และบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งเป็นกลุ่มข้าราชการที่มีจำนวนมาก คิดรวมกันเป็นประมาณร้อยละ 70 ของข้าราชการในฝ่ายพลเรือนทั้งหมด เพื่อให้การกำหนดยุทธศาสตร์การบริหารจัดการกำลังคนมีขนาดและคุณภาพที่เหมาะสม สอดคล้องกับการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลภาครัฐ และทิศทางการพัฒนาประเทศ

จากการศึกษากรณีบุคลากรทางการแพทย์ ซึ่งได้แก่ แพทย์และพยาบาล พบว่ามีข้อสรุปดังนี้คือ จำนวนแพทย์ที่สามารถทำเวชปฏิบัติได้ของประเทศไทย มีจำนวน 31,939 คน โดยสัดส่วนแพทย์ต่อประชากรของประเทศไทยคือ 1: 1,985 คน แบ่งเป็น แพทย์ภาครัฐ 21,500 คน คิดเป็นสัดส่วนต่อประชากรของประเทศไทย 1 : 2,948 คน แพทย์ ของกระทรวงสาธารณสุขจำนวน 11,025 คน คิดเป็นสัดส่วนต่อประชากรในประเทศไทย 1: 5,750 คน

เมื่อเปรียบเทียบกับสัดส่วนมาตรฐานขององค์การอนาลกที่กำหนดสัดส่วนแพทย์ต่อผู้ป่วยไว้ที่ 1: 5,000 คน และสัดส่วนแพทย์ต่อประชากรของประเทศต่างๆ แล้ว แพทย์ไทยยังอยู่ในสัดส่วนที่ดีกว่า สัดส่วนของแพทย์ทั้งระบบต่อจำนวนประชากร แม้ยังมีการขาดแคลนอยู่แต่ไม่ถึงขั้นวิกฤติ

อย่างไรก็ตาม การขาดแคลนแพทย์ของกระทรวงสาธารณสุขมีปัญหามากกว่าแพทย์ในสังกัดอื่น โดยมีปัญหาขาดแคลนมากในโรงพยาบาลชุมชนขนาดเล็ก และ/หรือพื้นที่ห่างไกล จึงสะท้อนว่าอุปทานไม่เป็นปัญหาแต่กระทรวงสาธารณสุขต้องหาวิธีดึงให้แพทย์เข้าทำงานและอยู่ต่อไปในระบบ

สำหรับแนวโน้มในอนาคต ปัญหาการขาดแคลนแพทย์ในระบบจะบรรเทาลงไปเนื่องจากกำลังการผลิตแพทย์ที่เพิ่มขึ้น รวมทั้งยังมีแพทย์กำลังทยอยเติมเข้าสู่ระบบอย่างต่อเนื่องจนอาจส่งผลการมีแพทย์ในระบบมากเกินฐานะทางการเงินของประเทศในอนาคต

สำหรับกรณีพยาบาล พบว่า ปัจจุบันจำนวนพยาบาลที่มีใบประกอบวิชาชีพพยาบาลและผดุงครรภ์ มีจำนวน 118,087 คน โดย สัดส่วนของพยาบาลต่อจำนวนประชากรคือ 1: 532 คน ซึ่งอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับ เกณฑ์ขององค์การอนามัยโลกที่กำหนดมาตรฐานไว้ 1: 500 คน ซึ่ง การขาดแคลนพยาบาลเกิดขึ้นเฉพาะในกรณีพยาบาลของกระทาธารณสุข

ขณะเดียวกัน ภาพอนาคตชี้ว่าปัญหาการขาดแคลนพยาบาลในประเทศจะบรรเทาลงไป เนื่องจากการไหลของพยาบาลไทยออกไปทำงานต่างประเทศเริ่มลดลง มีทางเลือกในประเทศไทยมากขึ้น กำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้น องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมีแนวโน้มจะเข้ามามีส่วนร่วมในการจัดบริการสาธารณสุขเพิ่มมากขึ้น และการหมุนกลับของพยาบาลอายุมากที่ออกจากภาคเอกชนจะเร็วขึ้นและถี่ขึ้น

คณะผู้ศึกษา ได้เสนอเป้าหมายการบริหารจัดการกำลังคนกลุ่มแพทย์และพยาบาล เพื่อเป็นยุทธศาสตร์ในการกำกับดูแลกำลังคนกลุ่มแพทย์และพยาบาล ไว้ว่า ในปี พ.ศ. 2555 ประเทศไทยจะมีกำลังคนที่เป็นแพทย์ และการกระจายตัวของแพทย์ที่เพียงพอกับความต้องการด้านสาธารณสุขของประเทศ และมีกำลังคนพยาบาลที่มีคุณภาพเพียงพอกับความต้องการด้านการสาธารณสุขของประเทศ ด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook