ดูสุริยคราส 7โมงเช้าวันนี้

ดูสุริยคราส 7โมงเช้าวันนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
สธ.เตือนวิธีชม ห้ามแว่นกันแดด

เกิดสุริยคราสทั่วประเทศ วันนี้ เริ่มดูได้ตั้งแต่ 7โมงเช้าไปจนถึง 9 โมง แต่จะไม่เต็มดวงเหมือนในอินเดีย และจีน ที่ดวงจันทร์บังมิดนานถึง 6 นาที สาธารณสุขย้ำอีกรอบถึงวิธีการดู ห้ามใช้แว่นกันแดด หรือกล้องส่องทางไกล แนะควรดูไม่เกิน 5 วินาที ชี้แสงและรังสีจากดวงอาทิตย์ทำให้จอประสาทตาเสื่อม ถึงขั้นบอดได้ ยิ่งผู้ที่เป็นโรคต้อกระจก โรคตาแห้ง เยื่อบุตาอักเสบ ห้ามดูเด็ดขาด แม้จะใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานก็ตาม จะทำให้โรคที่เป็นอยู่รุนแรงขึ้นกว่าเดิม

เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าของวันที่ 22 ก.ค. นี้ จะเกิดปรากฏการณ์ทางธรรมชาติในระบบสุริยจักรวาล ครั้งสำคัญ คือ สุริยุปราคา หรือ สุริยคราส เนื่องจากดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์ และโลก โคจรมาอยู่ในแนวเส้นตรงเดียวกัน มีดวงจันทร์อยู่ตรงกลาง เมื่อมองจากพื้นโลกจะเห็นดวงจันทร์เป็นเงาดำเคลื่อนบดบังดวงอาทิตย์ สำหรับในครั้งนี้มีความพิเศษตรงที่เป็นการเกิดสุริยคราสเต็มดวงนานที่สุดในคริสต์ศตวรรษที่ 21 หรือในรอบ 1,000 ปี โดยดวงจันทร์จะบดบังนานเต็มดวงถึง 6 นาที 39 วินาที แนวคราสจะเริ่มที่มหาสมุทรอินเดีย เนปาล ภูฏาน บังกลาเทศ ตอนเหนือสุดของพม่า เข้าสู่ตอนกลางของจีน เคลื่อนไปจรดชายฝั่งตะวัน ออกของจีน ก่อนไปจบลงที่มหาสมุทรแปซิฟิก

สำหรับประเทศไทย ก็สามารถมองเห็นปรากฏการณ์นี้ได้เช่นกันทั่วทุกภาคของประเทศ แต่จะไม่บดบังเต็มดวง โดยในภาคเหนือและอีสานตอนบน จะเห็นเงามืดบังดวงอาทิตย์มากกว่าภาคอื่นๆ โดยเฉพาะที่ จ.เชียงราย จะเห็นได้ถึง 69 เปอร์เซ็นต์ เริ่มบังเวลา 07.02 น. บังมากสุดเวลา 08.04 น. และสิ้นสุดการบังในเวลา 09.14 น. ส่วนในจังหวัดอื่นๆ อาทิ เชียง ใหม่ เวลา 07.02 น., พิษณุโลก เวลา 07.04 น., อุดรธานี เวลา 07.05 น., ขอนแก่น เวลา 07.06 น., อุบลราชธานี เวลา 07.09 น., นครราชสีมา เวลา 07.07 น., กรุงเทพฯ เวลา 07.06 น., ฉะเชิงเทรา เวลา 07.07 น., ประจวบคีรีขันธ์ เวลา 07.08 น., ภูเก็ต เวลา 07.13 น. และสงขลา เวลา 07.16 น.

ผู้สื่อข่าวรายงานต่อว่า จากปรากฏการณ์สุริย คราสในครั้งนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปยังนครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน เพื่อทอดพระเนตรด้วย โดยที่นครเซี่ยงไฮ้เป็นอีกจุดหนึ่งที่สามารถมองเห็นสุริยคราสเต็มดวงนานประมาณ 6 นาที ขณะที่ในประเทศไทยเอง ทางสถาบันวิจัยดารา ศาสตร์แห่งชาติ ก็จัดกิจกรรมตั้งกล้องดูสุริย คราส โดยร่วมมือกับ 8 มหาวิทยาลัยทั่วประเทศ คือ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, จุฬาลงกรณ์มหา วิทยาลัย, มหาวิทยาลัยเทคโลโนยีสุรนารี, มหา วิทยาลัยนเรศวร, มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงราย, มหาวิทยาลัยราชภัฏภูเก็ต, มหาวิทยา ลัยราชภัฏสงขลา และมหาวิทยาลัยราชภัฏอุดรธานี

อย่างไรก็ตาม ในการดูสุริยคราสไม่สามารถมองได้ด้วยตาเปล่า ต้องมีอุปกรณ์สำหรับการชมที่ถูกต้อง เพราะความเข้มและรังสีของแสงอาทิตย์ทำให้เกิดอันตรายต่อดวงตา ถึงขั้นทำให้ตาบอดได้ โดยทางสถาบันวิจัยดาราศาสตร์ฯ แนะนำอุปกรณ์การดูอย่างง่ายสุดคือ ใช้แผ่นดีวีดี หรือซีดี ที่ไม่มีสกรีนลาย ปิดช่องรูตรงกลาง เพื่อไม่ให้แสงลอดผ่านเข้ามาได้ แล้วนำมาส่องดู โดยใช้ด้านอ่านเข้าหาตัว มองดูเงาที่เกิดขึ้นบนแผ่นดีวีดี

ล่าสุด น.พ.สุพรรณ ศรีธรรมมา โฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเตือนถึงการดูสุริยุปราคาด้วยว่า หากดูไม่ถูกวิธี ผลของแสงอาทิตย์ที่มีความร้อนสูง และมีรังสีอัลตราไวโอ เลต จะทำลายเซลล์จอประสาทตาบริเวณจุดรับภาพได้ การดูที่ถูกต้อง จะต้องมองผ่านแผ่นฟิล์มชนิดพิเศษ ที่ใช้มองดวงอาทิตย์โดยเฉพาะ หาซื้อได้ตามร้านขายกล้องทั่วไป หรือร้านขายอุปกรณ์ดาราศาสตร์ แผ่นฟิล์มที่ดีจะต้องมืดสนิท สามารถกรองแสงได้ดี จะต้องไม่มีรู หรือรอยขีดข่วน เนื่องจากจะเป็นช่องให้ลำแสงผ่าน เป็นอันตรายต่อเซลล์จอประสาทตาได้

น.พ.สุพรรณ กล่าวต่อว่า ส่วนการดูสุริยุปรา คาผ่านฟิล์มเอกซเรย์ขาวดำ หรือกระจกรมควัน ถือว่ายังไม่มีความปลอดภัยเพียงพอ แต่หากจะใช้ขอแนะนำให้เพิ่มเป็น 2 ชั้น เพื่อกรองแสงให้ได้มากที่สุด ส่วนอุปกรณ์ที่ไม่ควรนำมาใช้ดูสุริยุ ปราคาเลย ได้แก่ แว่นตากันแดด เพราะมีความดำไม่เพียงพอ รวมทั้งกล้องส่องทางไกล ก็ไม่ควรนำมาใช้เช่นกัน เนื่องจากกล้องชนิดนี้จะรวมแสงเข้าสู่ตาโดยตรง ยิ่งเป็นอันตรายมาก อย่าง ไรก็ตาม หลังชมปรากฏการณ์สุริยุปราคาแล้ว เริ่มมีอาการผิดปกติเกี่ยวกับดวงตา ขอให้รีบไปพบแพทย์โดยด่วน

ด้าน น.พ.ฐาปนวงศ์ ตั้งอุไรวรรณ จักษุแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญ ร.พ.พระนั่งเกล้า จ.นนทบุรี กล่าวว่า การดูสุริยุปราคาให้ปลอดภัยต่อดวงตา ควรดูเฉพาะตอนที่เกิดสุริยุปราคาเต็มดวงเท่านั้น เพราะเป็นช่วงที่แสงจ้าน้อยที่สุด และใช้เวลาไม่เกิน 5 วินาที โดยหยุดมองก่อนสิ้นสุดการเกิดสุริยุปราคาเต็มดวงเล็กน้อย ไม่ควรดูสุริยุปราคาในขณะที่กำลังคลายออก เนื่องจากดวงตามีโอกาสได้รับคลื่นความร้อน และรังสีอัลตราไว โอเลตจากแสงอาทิตย์ได้มาก ทำให้จอประสาทตาเสื่อมได้ อาการที่ปรากฏคือ ตาพร่ามัว เห็นภาพบิดเบี้ยว หรือมองเห็นจุดดำอยู่ตรงกลางภาพ สู้แสงไม่ได้ หรือปวดศีรษะบริเวณหว่างคิ้วหรือหลังลูกตา อาการเหล่านี้จะเกิดหลังจากจ้องดูสุริยุปราคาไปแล้ว 1 ชั่วโมง แต่จะดีขึ้นภายใน 1 เดือน หรืออาจนานถึง 6 เดือน

จักษุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ กล่าวต่อว่า การที่ดวงตาได้รับรังสีอัลตราไวโอเลตโดยตรง จะส่งผลเสียในระยะยาว ทำให้จอประสาทตาเสื่อมไวกว่าคนทั่วไป หรืออาจถึงขั้นตาบอดได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาเรื่องสายตาอยู่แล้ว เช่น โรคต้อกระจก โรคตาแห้ง เยื่อบุตาอักเสบเรื้อรัง ห้ามดูสุริยุปราคาเด็ดขาด แม้จะใช้อุปกรณ์ที่ได้มาตรฐานก็ตาม เพราะจะทำให้อาการของโรคที่เป็นอยู่ รุนแรงขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากคลื่นความร้อนจากรังสีอัลตราไวโอเลต จะทำลายที่จอประสาทรับภาพโดยตรง เรียกว่า เรติน่า เบิร์น (Retina burn) ส่งผลให้อาการของโรครุนแรงมากขึ้น

ด้าน พระเทพภาวนาวิกรม หรือเจ้าคุณธงชัย ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า ในช่วงเช้าวันที่ 22 ก.ค. เป็นวันเกิดสุริยคราส หรือราหูอมพระอาทิตย์ ในทางโหราศาสตร์เชื่อว่า จะส่งผลกระทบในทางร้ายของมนุษย์ ดังนั้น วัดไตร มิตรวิทยาราม จัดพิธีสวดมนต์ครั้งใหญ่ โดยนิมนต์พระเกจิหลายร้อยรูปมาร่วมสวดมนต์สะเดาะเคราะห์ ที่พระอุโบสถวัดไตรมิตรฯ เริ่มตั้งแต่เวลา 06.58-08.00 น. สวดมหาสมัยสูตร เป็นการสวดชุมนุมเทวดา ในสมัยพุทธกาล ต่อมาเวลา 08.00-09.00 น. สวดบทมหาราช เป็นบทสวดชุมนุมท้าวจตุโลกบาลทั้ง 4 ทิศ ที่เป็นจอมเทพ 4 องค์ ผู้รักษาคุ้มครองโลกใน 4 ทิศ เพื่อความเป็นสิริมงคล และเวลา 09.00-11.00 น. สวดนพเคราะห์ เป็นบทสวดให้เทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ตลอดถึงอำนาจแห่งพุทธคุณ ธรรมคุณ และสังฆคุณ คุ้มครองดวงชะตาชีวิต

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook