สดศรีแฉส.ว.พยายามล็อบบี้กกต.ทบทวนคำวินัจฉัยถือหุ้นฯ

สดศรีแฉส.ว.พยายามล็อบบี้กกต.ทบทวนคำวินัจฉัยถือหุ้นฯ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นางสดศรี สัตยธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่ามีวุฒิสมาชิกบางคนในกลุ่ม 16 ส.ว.ที่ถูกคำวินิจฉัยให้สิ้นสภาพ จากกรณีถือหุ้นบริษัทที่ได้รับสัมปทานรัฐ อาศัยช่วงที่ประธานวุฒิสภายังไม่ส่งคำวินิจฉัยของ กกต.ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ พยายามวิ่งเต้นล็อบบี้ให้ กกต.ทบทวนคำวินิจฉัยดังกล่าวอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม กกต.ได้แจ้งกลับไปแล้วว่า จะไม่มีการทบทวนคำวินิจฉัยดังกล่าวอีกแล้ว และหากต้องการจะให้ทบทวน ก็ควรจะนำหลักฐานไปต่อสู้ในชั้นการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมากกว่า เพราะในส่วนของ กกต.นั้นถือว่าได้ทำงานจบกระบวนการแล้ว

ส่วนการที่ประธานวุฒิสภายังไม่ส่งคำวินิจฉัยของ กกต.ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ โดยอ้างว่าต้องการตรวจสอบเอกสารให้ถูกต้อง ภายหลังพบว่ามีเอกสารเกินมา 5 แผ่นนั้น นางสดศรี กล่าวว่า ควรจะต้องเป็นหน้าที่ของผู้ที่ร้อง คือนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ที่ควรจะไปดำเนินการร้องเรียนการทำงานของประธานวุฒิสภาฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่มากกว่า

นางสดศรี ยังได้ยืนยันว่า กกต.จะยังคงใช้มาตรฐานเดิมที่ใช้ในการพิจารณากรณี 16 ส.ว.และ 13 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ มาใช้ในการพิจารณากรณี 44 ส.ส.แน่นอน และเชื่อว่าการเข้ามาทำหน้าที่ กกต.คนใหม่ของนายวิสุทธิ์ โพธิแท่น จะไม่ทำให้มาตราฐานดังกล่าวเปลี่ยนแปลงได้แน่นอน เพราะการวินิจฉันเดิมได้ผูกพันทั้ง 3 กกต.ไปแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ว่านายวิสุทธิ์ จะอยู่ในกลุ่ม 3 หรือ 1 ก็ไม่ทำให้การวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงไปได้

นางสดศรี สัตยธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวว่ามีวุฒิสมาชิกบางคนในกลุ่ม 16 ส.ว.ที่ถูกคำวินิจฉัยให้สิ้นสภาพ จากกรณีถือหุ้นบริษัทที่ได้รับสัมปทานรัฐ อาศัยช่วงที่ประธานวุฒิสภายังไม่ส่งคำวินิจฉัยของ กกต.ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ พยายามวิ่งเต้นล็อบบี้ให้ กกต.ทบทวนคำวินิจฉัยดังกล่าวอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม กกต.ได้แจ้งกลับไปแล้วว่า จะไม่มีการทบทวนคำวินิจฉัยดังกล่าวอีกแล้ว และหากต้องการจะให้ทบทวน ก็ควรจะนำหลักฐานไปต่อสู้ในชั้นการพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญมากกว่า เพราะในส่วนของ กกต.นั้นถือว่าได้ทำงานจบกระบวนการแล้ว

ส่วนการที่ประธานวุฒิสภายังไม่ส่งคำวินิจฉัยของ กกต.ไปยังศาลรัฐธรรมนูญ โดยอ้างว่าต้องการตรวจสอบเอกสารให้ถูกต้อง ภายหลังพบว่ามีเอกสารเกินมา 5 แผ่นนั้น นางสดศรี กล่าวว่า ควรจะต้องเป็นหน้าที่ของผู้ที่ร้อง คือนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ที่ควรจะไปดำเนินการร้องเรียนการทำงานของประธานวุฒิสภาฐานละเว้นการปฎิบัติหน้าที่มากกว่า

นางสดศรี ยังได้ยืนยันว่า กกต.จะยังคงใช้มาตรฐานเดิมที่ใช้ในการพิจารณากรณี 16 ส.ว.และ 13 ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ มาใช้ในการพิจารณากรณี 44 ส.ส.แน่นอน และเชื่อว่าการเข้ามาทำหน้าที่ กกต.คนใหม่ของนายวิสุทธิ์ โพธิแท่น จะไม่ทำให้มาตราฐานดังกล่าวเปลี่ยนแปลงได้แน่นอน เพราะการวินิจฉันเดิมได้ผูกพันทั้ง 3 กกต.ไปแล้ว เพราะฉะนั้นไม่ว่านายวิสุทธิ์ จะอยู่ในกลุ่ม 3 หรือ 1 ก็ไม่ทำให้การวินิจฉัยเปลี่ยนแปลงไปได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook