ธปท.ทบทวนตัวเลขเศรษฐกิจใหม่
ทั้งนี้เห็นว่าดอกเบี้ยนโยบายระดับ 1.25% เป็นอัตราที่เหมาะสม เพราะสภาพคล่องในระบบมีปริมาณสูงกว่าที่ธปท.กำหนดถึง 5 เท่าจึงไม่เป็นปัญหาการปล่อยสินเชื่อ แม้ว่าจะมีแรงกดดันของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอล โดยในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมาเอ็นพีแอลเพิ่มขึ้น 5.5% แต่เป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นไม่มากนัก และธปท.พร้อมใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายหากพบว่ามีปัจจัยเสี่ยงที่เป็นแรงกดดันเศรษฐกิจให้ชะลอตัวลง โดยเห็นว่าเศรษฐกิจไทยปีนี้ถึงจุดต่ำสุดแล้ว และในวันที่ 24 ก.ค.นี้ ธปท.จะประกาศทบทวนตัวเลขเศรษฐกิจใหม่ จากเดิมที่คาดว่าเศรษฐกิจปีนี้ติดลบ 1.5-3.5% ส่วนปี 53 คาดว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวเป็นบวก แต่แรงกดดันเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น
ธปท.พยายามที่จะดูแลเศรษฐกิจในประเทศ และจะดำเนินนโยบายที่เอื้อต่อการปรับตัวของเอกชน แต่ต้องรักษาวินัย เพื่อไม่ให้สร้างปัญหาในอนาคต พร้อมทั้งจะดูแลให้ธนาคารพาณิชย์มีอัตราดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝากสอดคล้องกัน เพื่อช่วยลดต้นทุนให้กับผู้ประกอบการและให้เข้าถึงสินเชื่อเพิ่มขึ้น ส่วนการแข็งค่าของค่าเงินบาทในช่วงนี้ มาจากเงินทุนไหลเข้า โดยเฉพาะในตลาดหุ้น และดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลในระดับสูง ซึ่ง ธปท.จะดูแลค่าเงินบาทไม่ให้ผันผวนและกระทบความสามารถการแข่งขัน
สำหรับผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ในไตรมาส 2/52 ลดลง เป็นผลมาจากการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ลดลง และมีการตั้งสำรองเพิ่มขึ้น ส่วนการที่กระทรวงการคลังให้ธนาคารรัฐปล่อยสินเชื่อ 1.25 ล้านล้านบาทนั้น เห็นว่าสภาพคล่องของธนาคารรัฐมีเพียงพอในการปล่อยกู้ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ.