''ทิก้า''แจงไมซ์ต่างชาติลด50% สสปน.จับมือ5พันธมิตรเพิ่มยอด

''ทิก้า''แจงไมซ์ต่างชาติลด50% สสปน.จับมือ5พันธมิตรเพิ่มยอด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ทิก้า แจงไมซ์จากต่างประเทศ ลดลงกว่า 50% แต่โชคดีที่ได้ตลาดแต่งงานจากอินเดียและเอเชียใต้มาพยุงตลาด คาดรอต้นปีหน้ากระเตื้อง ขณะที่สสปน.จับมือ 5 พันธมิตรธุรกิจ ตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษา สำหรับการจัดงานธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ ยกระดับไทยสู่ผู้นำการจัดงานระดับโลก หวังเพิ่มยอดการใช้จ่ายในไทยเพิ่มขึ้น 20%

นายสุเมธ สุทัศน์ ณ อยุธยา กรรมการผู้จัดการ บริษัท ครีเอทีฟ เดสติเนชั่น แมเนจเม้นท์ จำกัด และนายกสมาคมส่งเสริมการประชุมนานาชาติ (ไทย) หรือ ทิก้า เปิดเผยกับ ฐานเศรษฐกิจว่าจากสารพัดปัจจัยลบด้านการท่องเที่ยวที่เกิดขึ้น นับจากการปิดสนามบินสุวรรณภูมิเมื่อปลายปี 2551 ต่อมาถึงวิกฤติเศรษฐกิจโลก และการระบาดของไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ส่งผลให้ภาพรวมธุรกิจการจัดประชุม สัมมนาและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล หรือ ไมซ์ จากต่างประเทศลดลงกว่า 50% แต่ในวิกฤติครั้งนี้ไทยก็ยังมีตลาดแต่งงานจากอินเดียและ เอเชียใต้เข้ามาบ้าง ทำให้ไมซ์ไทยยังพออยู่ได้

ส่วนตลาดไมซ์ในประเทศที่ผ่านมายังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก โดยสัดส่วนกว่า 60% มาจากการจัดประชุม สัมมนา และการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลจากภาครัฐและ 40% มาจากกลุ่มองค์กรเอกชน และส่วนใหญ่จะนิยมจัดอบรมสัมมนาในพื้นที่จังหวัดใกล้กรุงเทพฯ เช่น พัทยา ชะอำ หัวหิน กาญจนบุรี เป็นต้น

สำหรับสถานการณ์ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ คิดว่าน่าจะดีกว่าครึ่งปีแรก เพราะภาครัฐทั้งสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(สสปน.)และองค์กรอื่นๆ มีแผนกระตุ้นไทยช่วยไทยมากมาย อีกทั้งในเดือนกันยายนนี้เป็นช่วงที่องค์กรรัฐจะต้องปิดงบประมาณ จึงน่าเป็นช่วงที่ภาครัฐบริหารงบหรือใช้งบเพื่ออบรม สัมมนา การไปดูงาน หรือการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัลจำนวนมากเช่นเดียวกับปีที่ผ่านๆ มา

รวมทั้งยังจะมีการจัดงานใหญ่ เช่น งานประชุมของไลอ้อน งานประชุมของสภาสมาคมประกันชีวิตเอเชีย แปซิฟิก กว่า 2 หมื่นคน ที่จะจัดขึ้นในเมืองพัทยา รวมถึงงานใหญ่อื่นๆ ที่ยืนยันจะจัดในไทย โดยไม่มีการยกเลิกก็น่าจะทำให้ธุรกิจไมซ์ของไทยดีขึ้นได้ช่วงต้นปี 2553

ด้านนางมาลินี กิตะพาณิชย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการประชุมและการท่องเที่ยวเพื่อเป็นรางวัล สสปน. เปิดเผยว่าจากวิกฤติต่างๆที่เกิดขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมไมซ์ ครึ่งปีแรกอยู่ในภาวะติดลบ 20% จากเดิมที่ประเมินไว้ว่าจะเติบโต 20% ทำให้ภาพรวมขณะนี้ลดลงถึง 40% จากที่ตั้งเป้ารายได้ตลาดไมซ์ปีนี้ 7.7 หมื่นล้านบาท น่าจะเหลือเพียง 4.1 หมื่นล้านบาท จากตลาดไมซ์จากต่างประเทศ 5 แสนคน หรือสูญรายได้กว่า 3.6 หมื่นล้านบาท

ดังนั้นแผนกระตุ้นตลาดไมซ์ภายใต้งบในโครงการไทยเข้มแข็ง ที่สสปน.ได้รับงบ 325 ล้านบาท สำหรับฟื้นฟูภาพลักษณ์ และเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับประเทศ สสปน.จึงได้ร่วมกับพันธมิตร 5 องค์กรด้านการจัดประชุมและท่องเที่ยวทั้งภาครัฐและเอกชนของประเทศไทย ได้แก่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ทิก้า สมาคมธุรกิจสร้างสรรค์การจัดงาน (EMA) สมาคมการตลาดแห่งประเทศไทย (MAT) และองค์กรที่ปรึกษาโดยบริษัท บัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จัดตั้ง คณะกรรมการที่ปรึกษาสำหรับการจัดงานธุรกิจเชิงสร้างสรรค์ หรือ ซีอีเอพีCreative Event Advisory Panel-CEAP อย่างเป็นทางการ

สำหรับบทบาทของซีอีเอพี จะดำเนินกิจกรรมการตลาดร่วมกัน นำความรู้และผลการวิจัยต่างๆ มาพัฒนาศักยภาพการจัดงานในประเทศ เพื่อยกระดับการจัดการประชุมในไทย โดยนำร่องด้วยการจัดประกวดผลงานการจัดงานธุรกิจเชิงสร้างสรรค์เป็นครั้งแรกในช่วงต้นปีหน้า ก่อนนำผลงานที่ชนะการประกวดไปร่วมแข่งขันในงานระดับโลก เช่น Site Crystal Award และ Evento Plus เป็นต้น

เบื้องต้น สสปน.จะใช้งบประมาณ 16 ล้านบาท จากงบดำเนินงานไทยเข้มแข็ง เพื่อดำเนินโครงการ 2 ปี ผลักดันเรื่องการจัดงานที่สร้างสรรค์ผ่านเวทีไทยและเวทีโลกจะใช้ไปทำตลาดเพื่อแข่งขันในการ(ประมูล)บิดงานกับประเทศอื่นๆ ได้ และสามารถดึงกลุ่มองค์กรเข้ามาจัดงานในประเทศมากขึ้น ตั้งเป้าปีหน้าจะดึงดูดให้กลุ่มไมซ์ในตลาดท่องเที่ยวและการประชุมเพื่อเป็นรางวัล เพิ่มยอดใช้จ่ายในไทยเพิ่มขึ้น 20% จากเดิมมีการใช้จ่าย 12,000 บาทต่อวันเป็น 14,000 บาทต่อวัน และหากสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติอัตราการเติบโตตลาดไมซ์น่าจะอยู่ที่ปีละ15-20% ในปี 2554 ตามเป้าหมาย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook