เปิดผลประกอบการแบงก์6เดือน ส่วนต่างดอกเบี้ยหดฉุดกำไร รอสัญญาณฟื้นครึ่งปีหลัง

เปิดผลประกอบการแบงก์6เดือน ส่วนต่างดอกเบี้ยหดฉุดกำไร รอสัญญาณฟื้นครึ่งปีหลัง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์ไทย 6 เดือนแรก (ม.ค.-มิ.ย.2552) ของปี 2552 ที่ทยอยแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) อาจเป็นหนึ่งในดัชนีสะท้อนภาพเศรษฐกิจครึ่งปีแรกและแนวโน้มครึ่งปีหลัง

แม้ว่าภาพรวมส่วนใหญ่มีกำไรลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ก็ยังมีกำไรสุทธิจากการดำเนินงานอยู่ โดยสาเหตุหลักที่ทำให้กำไรสุทธิลดลง มาจาก รายได้ดอกเบี้ยลดลงเพราะส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิที่ลดลง การชะลอตัวของการปล่อยสินเชื่อ และอีกส่วนหนึ่งมาจากภาระค่าใช้จ่ายหนี้สูญที่เพิ่มขึ้น

ในกลุ่มของธนาคารพาณิชย์ใหญ่นั้น ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) รายงานผลประกอบการสำหรับงวดแรก ปี 2552 ลดลงจากงวดแรก ปี 2551 ทั้งในด้านกำไรก่อนสำรองและภาษีเงินได้ และกำไรสุทธิ โดยลดลงจำนวน 805 ล้านบาท หรือ 4.2 % และลดลงจำนวน 1,062 ล้านบาท หรือ 10 % ตามลำดับ เนื่องจากธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิลดลงจำนวน 945 ล้านบาท ส่งผลให้ส่วนต่างดอกเบี้ยสุทธิ ( Net Interest Margin) ลดลงจาก 3.36 % ในงวดแรก ปี 2551 เป็น 3.05 % ในงวดแรกปีนี้ (ขณะที่ส่วนต่างดอกเบี้ยไตรมาส 2 อยู่ที่ 3.04%)

หากเปรียบเทียบไตรมาสที่ 2 ปี 2552 กับไตรมาสที่ 2 ปี 2551 ธนาคารมีกำไรก่อนสำรองและภาษีเงินได้เพิ่มขึ้น 17 ล้านบาท หรือ 0.2 % แต่กำไรสุทธิลดลงจำนวน 213 ล้านบาท หรือ4.2 % เนื่องจากค่าใช้จ่ายหนี้สูญเพิ่มขึ้น 538 ล้านบาท ขณะที่ค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้นิติบุคคลลดลง 308 ล้านบาท

ธนาคารไทยพาณิชย์ ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2552 (งบการเงินรวม) แสดงกำไรสุทธิจำนวน 5,234 ล้านบาท ลดลง 5.6 % เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิของไตรมาสที่ 1/2552 ซึ่งอยู่ที่ 5,547 ล้านบาท และลดลง10 % เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิของไตรมาสที่ 2/2551 ซึ่งอยู่ที่ 5,818 ล้านบาท โดยที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ลดลง จากการลดลงอย่างรวดเร็วของอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในไตรมาส 2/2552 สืบเนื่องจากนโยบายของธนาคารในระบบที่ต้องการช่วยกระตุ้นการบริโภคและการลงทุนในประเทศ ตลอดจนเป็นการช่วยเหลือลูกค้า ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิของธนาคารลดลงจาก 3.9 % ในไตรมาส 2/2551 และ 3.6 % ในไตรมาส 1/2552 มาอยู่ที่ร้อยละ 3.4 ในไตรมาสนี้

ซึ่ง ''ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย'' ประธานกรรมการบริหาร ชี้ว่าผลประกอบการของไตรมาส 2/2552 แม้ลดลง แต่ถือได้ว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีท่ามกลางสภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยของประเทศ แสดงให้เห็นถึงความถูกต้องในยุทธศาสตร์การดำเนินงานของธนาคารและส่งสัญญาณการเริ่มฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย

ผลประกอบการที่ดีของธนาคารอาจถือเป็นสัญญาณเบื้องต้นว่าจุดต่ำสุดของเศรษฐกิจถดถอยกำลังจะผ่านพ้นไปและการฟื้นตัวกำลังเริ่มต้นขึ้นประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์กล่าว

ปัจจัยหลักที่ส่งผลบวกต่อผลประกอบการในไตรมาส 2/2552 มาจากการขยายตัวของสินเชื่อ ที่เพิ่มขึ้น 0.5 %จากไตรมาสที่แล้ว และเพิ่มขึ้น 2.8 จากไตรมาส 2/2551 การเติบโตอย่างต่อเนื่องของรายได้ค่าธรรมเนียม ที่เพิ่มขึ้น 7.4 %จากไตรมาสที่แล้ว และเพิ่มขึ้น9.4 %จาก ไตรมาส 2/2551 ในขณะเดียวกันธนาคารสามารถควบคุมสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) ไว้ได้คงที่ โดย ณ สิ้นไตรมาส 2/2552 สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) คงที่ในระดับ 4.7 % เท่ากับไตรมาส 1/2552 และลดลงอย่างเห็นได้ชัดจาก 5.3 % ณ สิ้นไตรมาส 2/2551

เช่นเดียวกับ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 2/2552 โดยธนาคารและบริษัทในเครือมีกำไรจากการดำเนินงาน (ก่อนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญและภาษี) รวม 4,622 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% และ 41% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2551 และไตรมาส 1/2552 ตามลำดับ และเมื่อหักสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญจำนวน 2,536 ล้านบาท ซึ่งเป็นการสำรองในจำนวนที่สูงตามนโยบายเน้นความมั่นคงและรอบคอบในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจยังมีความไม่แน่นอน และรวมการหักภาษีเงินได้จำนวน 330 ล้านบาทแล้ว ธนาคารมีกำไรสุทธิตามงบการเงินรวมจำนวน 1,756 ล้านบาท เปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ลดลง 12% แต่เพิ่มขึ้น 71% จากไตรมาสแรกปีนี้

ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ผลการดำเนินงานของธนาคารปรับตัวดีขึ้น ได้แก่ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 39% และ 45% ในขณะที่รายจ่ายที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นเพียง 8% และ 9% เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนและไตรมาสก่อนตามลำดับ ต้นทุนทางการเงินก็มีการปรับตัวดีขึ้นเช่นกันซึ่งส่งผลให้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 12% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2552 นอกจากนี้ ในไตรมาสนี้สินเชื่อของธนาคารเติบโตสุทธิ 21,000 ล้านบาท

นายตัน คอง คูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่หดตัว ธนาคารพอใจกับผลงานที่ทำได้ในไตรมาสนี้ ความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้น สินเชื่อที่เพิ่มขึ้นสุทธิ พร้อมกับการมีงบดุลที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสะท้อนให้เห็นว่าเราได้ดำเนินกลยุทธ์ทางธุรกิจที่เหมาะสมในภาวะแวดล้อมทางธุรกิจที่ยากลำบาก กลยุทธ์การเติบโตจากภายนอกของเรากำลังให้ดอกผลโดยเฉพาะในช่วงเวลาที่การเติบโตโดยปกติอาจเป็นเรื่องยาก

ทางด้าน นายบุญทักษ์ หวังเจริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในไตรมาสที่ 2 ส่วนต่างดอกเบี้ยเริ่มทรงตัวจากไตรมาสแรก จากกลยุทธ์ของธนาคารในการลดเงินฝากที่มีต้นทุนสูง ธนาคารยังคงรักษาความแข็งแกร่งด้านสภาพคล่อง และมีสัดส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากที่ 83.5% สัดส่วนเงินฝากประเภทกระแสรายวันและออมทรัพย์ (CASA) ของธนาคารปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็น 50.3 % และเป็นตัวบ่งชี้ที่ชัดเจนว่าธนาคารมีโครงสร้างเงินฝากที่ดีขึ้น อันเป็นผลมาจากกลยุทธ์ของธนาคารที่มุ่งเน้นเงินฝากเป็นหลัก (Deposit-led Strategy) และผลจากการออกผลิตภัณฑ์เงินฝากใหม่ๆ ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า

ในกลุ่มของแบงก์กลางและเล็ก นายศุภเดช พูนพิพัฒน์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานครึ่งปี 2552 ของบริษัท มีกำไรสุทธิ 2,934 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,157 ล้านบาท หรือ 65.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อน รายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิเพิ่มขึ้น 1,114 ล้านบาท หรือ 18.7% จากการขยายตัวของสินเชื่อและการปรับตัวสูงขึ้นของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของเงินให้สินเชื่อ (Loan Spread) จาก 4.1% เป็น 4.5% ประกอบกับรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้น 3,886 ล้านบาท หรือ 60.3% และจากการขายหุ้นธนาคารธนชาตให้กับสโกเทียแบงก์ รวมถึงค่าธรรมเนียมการรับประกันภัย และประกันชีวิต

ส่วนผลการดำเนินงานในไตรมาสที่ 2 ปี 2552 นั้น แม้ว่าสัดส่วนการถือหุ้นใน TBANK ลดลงจาก 75% เหลือ 51% แต่ TCAP ยังมีกำไรสุทธิ 744 ล้านบาท ลดลงเพียง 17 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันปีก่อน เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยและเงินปันผลสุทธิเพิ่มขึ้น 783 ล้านบาท จากการปรับตัวสูงขึ้นของส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของเงินให้สินเชื่อ (Loan Spread) จาก 4.2% เป็น 4.8% อีกทั้งรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 868 ล้านบาท จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของบริษัทในกลุ่มทั้ง ธุรกิจประกันภัย และ ธุรกิจหลักทรัพย์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook