สมุทรสาครจัดหนัก! ออกจากบ้านไม่สวมหน้ากากอนามัย เสี่ยงโทษปรับ 2 หมื่น

สมุทรสาครจัดหนัก! ออกจากบ้านไม่สวมหน้ากากอนามัย เสี่ยงโทษปรับ 2 หมื่น

สมุทรสาครจัดหนัก! ออกจากบ้านไม่สวมหน้ากากอนามัย เสี่ยงโทษปรับ 2 หมื่น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

สมุทรสาคร เตรียมจับปรับ 2 หมื่นบาท ออกนอกบ้านไม่ใส่หน้ากาก เริ่มมีผลวันแรก 3 เมษายนนี้

นายวีระศักดิ์  วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ลงนามออกประกาศเรื่อง มาตรการลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 โดยเนื้อหาระบุว่า 

ตามที่จังหวัดสมุทรสาครได้มีประกาศคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร (ฉบับที่ 1) เรื่อง การป้องกันโรคโควิด-19 ลงวันที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2563 ไปแล้ว นั้น

เนื่องจากขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ยังคงพบการเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว ประกอบกับยังมีประชาชนที่ไม่ปฏิบัติตามมาตรการการป้องกันโรคโควิด-19 ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาครโดยความเห็นชอบของคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร ตามมติที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดสมุทรสาคร ครั้งที่ 17/2563 วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2563

อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 34 (6) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ประกอบกับประกาศกระทรวงสาธารณสุขเรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการดำเนินการหรือออกคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ พ.ศ. 2560 ข้อ 11 กรณีมีเหตุจำเป็นเร่งด่วนหรือมีกรณีฉุกเฉินอย่างยิ่งที่เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อต้องเข้าดำเนินการป้องกันหรือควบคุมโรค เพื่อไม่ให้เกิดการกระทำที่ฝ่าฝืนมาตรา 34 แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ซึ่งเป็นการกระทำที่ก่อหรืออาจก่อให้เกิดอันตรายอย่างร้ายแรงแก่ชีวิต ร่างกาย หรือทรัพย์สินของประชาชน หรือเป็นการกระทำที่ก่อหรืออาจก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงต่อความปลอดภัยสาธารณะหรือประโยชน์สาธารณะ ให้เจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อเข้าดำเนินการโดยไม่ต้องออกคำสั่งตามข้อ 2 หรือคำเตือนตามข้อ 9 ก็ได้

โดยเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อชอบที่จะขอให้พนักงานฝ่ายปกครองหรือตำรวจที่มีเขตอำนาจเหนือท้องที่นั้นไปร่วมดำเนินการด้วยก็ได้ และข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 1) ลงวันที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2563 จึงขอออกคำสั่งจังหวัดสมุทรสาคร (ฉบับที่ 2) เรื่อง มาตรการลดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 3-30 เมษายน พ.ศ. 2563 ดังนี้

1. ให้ประชาชนทุกคนภายในจังหวัดสมุทรสาคร เมื่อออกจากบ้านต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ปฏิบัติงานในร้านค้า ร้านอาหาร ตลาด สถานประกอบการ ฯลฯ

2. ให้สถานที่ที่มีประชาชนไปใช้บริการ เช่น ร้านค้า ร้านอาหาร ตลาด สถานประกอบการ ฯลฯ มีมาตรการลดการแพร่เชื้อ โดยกำหนดให้ประชาชนต้องสวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า หากประชาชนไม่สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า สามารถปฏิเสธการให้บริการ รวมทั้งต้องมีจุดคัดกรองอุณหภูมิก่อนเข้าอาคาร การวางแอลกอฮอล์เจลไว้ให้บริการ เว้นระยะห่างตามมาตรการทางสังคม (Social Distancing)

กรณีผู้ใดฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามคำสั่งฉบับนี้ มีบทกำหนดโทษตามนัยมาตรา 51 ผู้ใดฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อตามมาตรา 34 (6) แห่งพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 ต้องระวางโทษปรับไม่เกิน 20,000 บาท อนึ่ง ด้วยเหตุที่เป็นกรณีมีความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อคุ้มครองสวัสดิภาพของประชาชนและประโยชน์สาธารณะ หากปล่อยให้ดำเนินช้าไป จะก่อผลเสียหายร้ายแรงต่อส่วนรวม จึงไม่อาจให้คู่กรณีใช้สิทธิโต้แย้งตามนัยมาตรา 30 วรรค 2 (1) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 3 เมษายน 2563 เป็นต้นไป

นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงศรี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการแชร์ข้อความผ่านทางกลุ่มไลน์ ว่า ขออย่าให้พนักงานเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ ในสมุทรสาคร เพราะเป็นจุดเสี่ยงติดโควิด-19 ว่า สถานที่ที่มีการแชร์ในกลุ่มไลน์ หากติดตามข้อมูลสถานการณ์ของโควิด-19 สมุทรสาครอย่างต่อเนื่องจะทราบดีว่าคือสถานที่ที่ปรากฏในไทม์ไลน์ของผู้ที่ติดเชื้อโควิด-19 ของสมุทรสาคร ที่ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ที่เอามาพิมพ์ และยังเพิ่มเติมเนื้อหาบางสถานที่เข้าไปทั้งๆ ที่ยังไม่ปรากฏในไทม์ไลน์ด้วยซ้ำ จึงถือว่ามีความผิด เพราะความจริงแล้ว สถานที่เหล่านั้นน่าจะมีความปลอดภัยมากกว่าสถานที่อื่นๆ ทั่วไป เนื่องจากเมื่อเป็นสถานที่ที่ผู้ติดเชื้อเคยเดินทางไปหรืออาศัยอยู่ จะมีการควบคุมสถานที่อย่างเข้มข้นและต่อเนื่อง ทั้งการพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อ มีการสังเกตกันตามระบบ

แต่ในทางกลับกันสถานที่อื่นๆ ที่ไม่ปรากฏในไทม์ไลน์ตอนนี้น่าจะอันตรายมากกว่าด้วยซ้ำ เพราะไม่มีใครรู้เลยว่าจะมีเชื้อโรคแพร่กระจายอยู่หรือไม่ หรือจะมีผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงอยู่ตรงนั้นหรือไม่ จึงเป็นที่มาของคำว่า "อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ" และป้องกันตัวเองด้วยการการสวมใส่หน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกมาจากบ้าน 

ทั้งนี้ ทางจังหวัดจะเริ่มใช้มาตรการจับปรับผู้ที่ไม่ยอมใส่หน้ากากอนามัยเมื่อออกนอกบ้านโดยมีโทษปรับสูงถึง 20,000 บาท โดยจะเริ่มตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย. 2563

ด้าน นายแพทย์อนุกูล ไทยถานันดร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสมุทรสาคร เพิ่มเติมว่า ไทม์ไลน์ที่ได้มีการเผยแพร่นั้น มีประโยชน์เพื่อให้คนทั่วไปได้สังเกตตัวเอง ว่าสถานที่นั้น ช่วงเวลานั้น ตนเองได้ไปมาหรือไม่ ซึ่งจะมีผลก็ต่อเมื่อตัวเราอยู่ตรงนั้นพร้อมกับผู้ป่วย แต่ในช่วงเวลาหลังจากนั้น สถานที่ต่างๆ สามารถเดินทางไปได้ในกรณีที่จำเป็นต้องไป แต่ก็ต้องไปพร้อมกับมาตรการที่ต้องป้องกันตนเอง เพราะอาจมีเชื้อใหม่จากคนใหม่เพิ่มเติมเข้ามา อย่างเช่นที่โรงพยาบาลต่างๆ ที่มีผู้ป่วยโควิด-19 รักษาตัวอยู่ ผู้ใช้บริการอื่นๆ ก็ยังไปได้ แต่จะต้องป้องกันตนเองด้วย

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook