มาร์คเห็นชอบลงทะเบียนผู้สูงอายุ

วันนี้ (24 ก.ค.)นายกิตติ สมานไทย ผอ.สำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ(สท.) กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ(กผส.) เมื่อวันที่ 23 ก.ค. มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ เป็นประธาน กระทรวงได้รายงานผลความก้าวหน้าการดำเนินงานแจกเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ และเสนอให้มีการเปิดรับลงทะเบียนรอบใหม่ ให้กับผู้ที่จะมีอายุครบ 60 ปีในปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 17-31ส.ค. 52 เพื่อจะได้รับเบี้ยยังชีพตามนโยบายรัฐบาล คาดว่าผู้ที่จะเข้าสู่วัย 60 ปี แต่ละปีมีประมาณ 1-3 แสนคน ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบ และพิจารณาจัดสรรงบประมาณเพิ่มเมสำหรับจ่ายเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุทั้งที่ลงทะเบียนไว้แล้วและที่จะลงทะเบียนใหม่รวม 5.4 ล้านคน โดยสำนักงบประมาณ กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น และกทม.จะประชุมหารือในการเสนอของบประมาณปี 2553 จำนวน 27,000 ล้านบาท เพื่อดำเนินการตามนโยบายรัฐบาลต่อไป

นายกิตติ กล่าวอีกว่า ที่ประชุมได้เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอตั้งกองทุนการออมเพื่อชราภาพ หรือ กอช. เพื่อรองรับผู้ทำงานนอกระบบประกันสังคม ที่มีอยู่ถึง 24 ล้านคน ให้มีระบบการออมระยะยาวเพื่อรองรับเมื่อเกษียณอายุ เหมือนกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) เนื่องจากแต่ละปีจะมีผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น รูปแบบที่กระทรวงการคลังเสนอมา คือ ช่วงอายุ 20-31 ปี ควรออมเงินเดือนละ 100 บาท รัฐสมทบให้อีก 50 บาท เมื่อเกษียณอายุจะมีรายได้ต่อเดือน 3,260 บาท ช่วงอายุ 31-50 ปี ควรออมเงินเดือนละ 250 บาท รัฐสมทบอีก 80 บาท จะมีรายได้ต่อเดือน 2,042 บาท ช่วงอายุ 51-60 ปี ควรออมเงินเดือนละ 500 บาท รัฐสมทบอีก 100 บาท จะมีรายได้ต่อเดือน 576 บาท เป็นต้น ซึ่งที่ประชุมเห็นชอบ คาดว่าจะเสนอเข้าครม.ได้ในเดือนก.ย.นี้และออกเป็นกฎหมายมีผลบังคับใช้โดยเร็ว.