ไขข้อข้องใจฟ้าทะลายโจรกับไข้หวัด

ไขข้อข้องใจฟ้าทะลายโจรกับไข้หวัด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ลดไข้ ต้านการอักเสบ ลดอาการจากการหวัด ลดการแบ่งตัวของเชื้อไวรัส ทำให้ความสามารถของเชื้อไวรัสในการเกาะติดกับผนังเซลล์ลดลง จึงทำให้เชื้อไวรัสเข้าสู่เซลล์ได้ยากขึ้น และฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ทำให้มีร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ดีขึ้น ฟ้าทะลายโจรเป็นยาจากสมุนไพรในบัญชียาหลักแห่งชาติของประเทศไทย มีข้อบ่งใช้ในการบรรเทาอาการของโรคหวัด (Common cold) เช่น เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ น้ำมูกไหล และบรรเทาอาการท้องเสียไม่ติดเชื้อ

คำถาม: ฟ้าทะลายโจรมีความปลอดภัยมากน้อยเพียงใดในการใช้เพื่อการรักาอาการเนื่องจากหวัด

คำตอบ: ฟ้าทะลายโจรมีการทดสอบความเป็นพิษที่ครบถ้วนทั้ง 3 ระยะ กล่าวคือ พิษเฉียบพลัน พิษกึ่งเรื้อรังและพิษเรื้อรัง พบว่าฟ้าทะลายโจรมีความปลอดภัยในการรับประทานในระยะยาว

คำถาม: ฟ้าทะลายโจรควรใช้เมื่อใด

คำตอบ: ฟ้าทะลายโจรควรใช้เมื่อมีอาการของหวัดอาการใดอาการหนึ่ง เช่น เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรือมีน้ำมูก โดยอาการเจ็บคอรับประทานครั้งละ 3-6 กรัมวันละ 4 ครั้ง ส่วนการบรรเทาอาการหวัดให้รับประทานครั้งละ 1.5-3 กรัมวันละ 4 ครั้ง โดยแนะนำให้รับประทานติดต่อกันไม่เกิน 7 วัน หากอาการไม่ดีขึ้นควรรีบไปพบแพทย์

คำถาม: ฟ้าทะลายโจรออกฤทธิ์อย่างไรในการต้านหวัด

คำตอบ: ฟ้าทะลายโจรมีกลไกการออกฤทธิ์ 3 กลไกล่าวคือ ฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์ลดไข้ ต้านการอักเสบ (Ant-inflammation) และลดอาการจากการหวัด มีฤทธิ์ลดการแบ่งตัวของเชื้อไวรัสและทำให้ความสามารถของเชื้อไวรัสในการเกาะติดกับผนังเซลล์ลดลง จึงทำให้เชื้อไวรัสเข้าสู่เซลล์ได้ยากขึ้น และสุดท้ายฟ้าทะลายโจรมีฤทธิ์กระตุ้นภูมิคุ้มกัน ทำให้มีร่างกายสามารถต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ดีขึ้น

คำอไม่

คำตอบ: ฟ้าทะลายโจรมีการใช้เพื่อการป้องกันหวัดมาอย่างยาวนานในประเทศจีน และมีรายงานการวิจัยว่าฟ้าทะลายโจรช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้ทั้งแบบจำเพาะ คือ การสร้างแอนตี้บอดี้ (Antibody) เพื่อต่อต้านสิ่งแลกปลอมที่เข้ามาในร่างกาย และภูมิคุ้มกันแบบไม่เฉพาะเจาะจง คือ การกระตุ้นให้เม็ดเลือดขาวชนิดแมคโคฟาจ (Macrophage) ให้จับกินเชื้อโรคได้ดีขึ้น มีการวิจัยในต่างประเทศที่ทำในเด็กนักเรียน 107 ราย ให้รับประทานฟ้าทะลายโจรที่ควบคุมสารสำคัญ คือ แอนโดรกราฟโฟไลด์ (Andrographolide) ให้มีความเข้มข้น 4% ต่อวัน ในฤดูหนาวนาน 3 เดือน พบว่าอัตราการเกิดหวัดในกลุ่มที่ได้รับฟ้าทะลายโจรน้อยกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ (30%) เทียบกับ 62% ในกลุ่มยาหลอก ดังนั้นจึงแนะนำให้รับประทานฟ้าทะลายโดยเทียบกับปริมาณสารสำคัญคือ แอนโดรกราฟโฟไลด์ (Andrographolide) ประมาณ 8% ต่อวัน หรือประมาณ 1-2 แคปซูลต่อวัน

คำถาม: ฟ้าทะลายโจรมีข้อห้ามหรือข้อควรระวังในการใช้อะไรบ้าง

คำตอบ: ห้ามใช้ในสตรีตั้งครรภ์และให้นมบุตร เนื่องจากมีการศึกษาในหนูทดลองพบว่าน้ำต้มฟ้าทะลายโจรมีผลทำให้หนูแท้งได้ และห้ามใช้ในการบรรเทาอาการไข้หรือเจ็บคอจาการติดเชื้อแบคทีเรีย Streptococcus group A ซึ่งมีอาการรุนแรง ซึ่งการติดเชื้อแบคทีเรียกลุ่มนี้อาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมา เช่น ไข้รูห์มาติค โรคหัวใจรูห์มาติคและไตอักเสบ

คำถาม: รับประทานฟ้าทะลายโจรและทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือทำให้โลหิตจางจริงหรือไม่

คำตอบ: ตามทฤษฏีการแพทย์แผนไทยและแผนจีนจัดฟ้าทะลายโจรเป็นยารสเย็น หมายถึง เมื่อรับประทานฟ้าทะลายโจรแล้วทำให้อุณหภูมิในร่างกายลดลง จึงนำมาใช้เป็นยาลดไข้ ซึ่งเมื่อรับประทานยาเย็นติดต่อกันนาน ๆ (แต่นานเท่าใด ในทางการแพทย์ไม่สามารถระบุได้เนื่องจากขึ้นกับธาตุพื้ถ้าร่างกายมีความเย็นมากก็อาจเกิดได้เร็ว แต่ถ้าร่างกายมีความร้อนสะสมมากก็อาจจะเกิดช้า) ก็อาจจะทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตต่ำ แขนขาชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง หรือความเข้มข้นของเลือดลดลง อาการต่าง ๆ เหล่านี้สามารถกลับมาสู่ปกติได้เมื่อหยุดรับประทานยารสเย็น ซึ่งจากรายงานการวิจัยต่าง ๆ ของฟ้าทะลายโจรก็ไม่พบผลข้างเคียงดังกล่าว แต่อย่างไรก็ตามเพื่อความปลอดภัยของผู้บริโภคจึงขอแนะนำให้รับประทานฟ้าทะลายโจรดังนี้

การรับประทานเพื่อการป้องกันหวัดให้รับประทานเพียงวันละ 1-2 แคปซูลเท่านั้น และรับประทานได้ติดต่อกันไม่นานเกิน 3 เดือน

การรับประทานเพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอรับประทานครั้งละ 3-6 กรัมวันละ 4 ครั้ง ส่วนการบรรเทาอาการหวัดให้รับประทานครั้งละ 1.5-3 กรัมวันละ 4 ครั้ง โดยรับประทานติดต่อกันไม่เกิน 7 วัน

ที่มาศูนย์ข้อมูลสมุนไพร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร

ต.ท่างาม อ.เมือง จ.ปราจีนบุรี 037-211-289

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook