องคมนตรี ชี้ถวายฎีกา-ทำไม่ไดf

องคมนตรี ชี้ถวายฎีกา-ทำไม่ไดf

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
แดงไม่สน-3ล.แล้ว รบ.จี้หยุดดึงฟ้าต่ำ พท.บี้รมต.ซุกงาช้าง

องคมนตรีประชุมหารือกรณีเสื้อแดง ล่าชื่อประชาชนเตรียมยื่นถวายฏีกาช่วยทักษิณระบุไม่เคยมีมาก่อนและทำไม่ได้ เพราะไม่เป็นไปตามขั้นตอนกระบวนการทางกฎหมาย แกนนำเสื้อแดงเดินหน้า อ้างรวบรวมได้กว่า 3 ล้านรายชื่อแล้ว แต่อาจเลื่อนการยื่นถวายฎีกาไปเป็นวันที่ 8 ส.ค. หลังถูกวิจารณ์จงใจใช้วันเสียงปืนแตก 7 ส.ค.เป็นสัญลักษณ์ ปชป.โยงได้อีกเสื้อแดงเตรียมจัดกิจกรรมวันเสรีไทย 16 ส.ค. มาร์คนัดถกหัวหน้าพรรคร่วม หารือการแถลงผลงาน 6 เดือน กับข้อเสนอแก้รธน.ของกรรม การสมานฉันท์ฯ เพื่อไทยยื่นป.ป.ช.สอบโสภณ ซุกงาช้าง พร้อมมีมติส่งสมพล วิชัยดิษฐลงซ่อมเขต 1 สุราษฎร์ สู้กับน้องเทือกจากปชป. ชวน ปลอบอภิสิทธิ์ กระแสความนิยมมีขึ้นมีลง หลังโพลระบุคะแนนตกเป็นรองทักษิณ

มาร์คนัดถกหน.พรรคร่วม

เมื่อวันที่ 28 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า วันที่ 29 ก.ค. เวลา 13.00 น. นายกฯนัดหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาล อาทิ นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายชาญชัย ชัยรุ่งเรือง ว่าที่หัวหน้าพรรคเพื่อแผ่นดิน และนายสุวิทย์ คุณกิตติ แกนนำพรรคกิจสังคม หารือผลงาน 6 เดือนของรัฐบาล และพูดคุยถึงรายงานของสภาเกี่ยวกับการปฏิรูปการเมืองและแนวทางการสร้างความสมานฉันท์

นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงว่า ก่อนเข้าสู่วาระการประชุม ครม. นายกฯแจ้งให้ทราบว่าวันที่ 3 ส.ค. จะมีการประชุมวุฒิสภาเพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ จึงขอให้รัฐมนตรีทุกคนเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้อนุมัติแต่งตั้งนายปรีชา สุวรรณทัต ตำแหน่งกรรมการตุลา การศาลปกครองผู้ทรงคุณวุฒิ แทนนายสุชาติ ไตรประสิทธิ์ ที่จะครบวาระ 2 ปี และรับทราบการโอนย้าย พล.ท.สุรพล เผื่อนอัยกา เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มาดำรงตำ แหน่งที่ปรึกษานายกฯฝ่ายข้าราชการประจำด้านความมั่นคง และแต่งตั้งนายถวิล เปลี่ยนสี รองเลขาธิการ สมช. ให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการสมช.แทน

เผยสาเหตุเลื่อนเยือนพม่า

รายงานข่าวแจ้งว่า นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายฯ แจ้งต่อครม.ว่า วันที่ 29 ก.ค. นายกฯได้เชิญหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลมาร่วมหารือกัน ซึ่งนายกฯกล่าวว่ามีหลายเรื่องที่ต้องคุยกัน โดยเฉพาะการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่คณะกรรมการสมานฉันท์ฯเสนอมา พร้อมย้ำว่าในสมัยประชุมสภานี้ รัฐบาลต้องเร่งพิจารณากฎหมายที่ค้างอยู่ 33 ฉบับให้แล้วเสร็จ

เวลา 16.20 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกฯ ให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังการประชุมเตรียมการ เยือนสหภาพพม่า ในวันที่ 31 ก.ค.ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ว่า ระหว่างการประชุม เอกอัครราชทูตไทยประจำสหภาพพม่าแจ้งว่า สหภาพพม่าขอเลื่อนการให้การต้อนรับนายกฯ และคณะในวันที่ 31 ก.ค.นี้ เนื่องจากรัฐบาลพม่าติดภารกิจสำคัญซึ่งเป็นเรื่องกิจการภายในประเทศ จะมีการตัดสินคดีบางคดีคาดว่าจะตัดสินคดีของนางออง ซาน ซู จี ในวันดังกล่าว ส่วนจะเลื่อนไปเป็นเมื่อใดนั้นจะต้องหารือร่วมกันอีกครั้ง คาดว่าอย่างน้อยประมาณ 2-3 สัปดาห์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตามกำหนดการเดิมนายอภิสิทธิ์และคณะจะเดินทางไปเยือนสหภาพพม่า อย่างเป็นทางการในวันที่ 31 ก.ค.นี้ โดยมีกำหนดเข้าหารือและร่วมรับประทานอาหารกับผู้นำทหารพม่า

เทือกไม่หวั่นแดงยกระดับ

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ประกาศยกระดับการชุมนุมเป็นการขับไล่รัฐบาล ว่า เขามีจุดยืนชัดเจนอยู่แล้ว แต่ไม่ควรคาดการณ์ในทางร้ายว่าจะเพิ่มความเข้มข้น และนำไปสู่ปัญหาบานปลาย ประชาชนส่วนใหญ่อาจไม่เอากับเขาก็ได้ ในระบอบประชาธิปไตยจะแสดงออกทางการเมืองอย่างไรก็ได้ แต่อย่าทำให้เสียหายต่อประเทศชาติและประชาชน อย่าทำอะไรผิดกฎหมาย

เมื่อถามว่าวิเคราะห์หรือไม่ว่าคนเสื้อแดงต้องการส่งสัญญาณอะไรกับสังคมกรณีใช้วันเสียงปืนแตก 7 ส.ค.2508 เป็นสัญลักษณ์เคลื่อนไหวถวายฎีกา นายสุเทพ กล่าวว่า ตนคงไม่พูดอะไรในทำนองนั้น การเข้าชื่อถวายฎีกาตนยืนยันว่าไม่เหมาะสม ไม่ถูกต้อง แต่คงไม่พูดลงลึกมากกว่านี้เพราะเป็นเรื่องอ่อนไหว แต่เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่เห็นว่าไม่ถูกต้อง ไม่เหมาะสม ไม่บังควร การใช้วันเสียงปืนแตกมาเคลื่อนไหวนั้น สื่อก็ช่วยติดตามต่อไปว่าเขาต้องการส่งสัญญาณอะไร

ส่วนที่คนเสื้อแดงระบุจะมีการเปลี่ยนแปลงยิ่งใหญ่กว่าปี 2475 นายสุเทพ กล่าวว่า คนไทยคงไม่ยอม และตนที่รับหน้าที่นี้ก็ไม่ยอมเด็ดขาด แต่จะสกัดกั้นอย่างไรค่อยติดตามดูตามสถานการณ์ เมื่อถามว่าประเมินว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่ประชา ชนจะหยิบปืนลุกขึ้นมาต่อสู้กับอำนาจรัฐเพราะมีความพยายามปลุกระดม รองนายกฯ กล่าวว่า ใครทำอะไรผิดกฎหมาย ตนก็ใช้กฎหมายดำเนินคดี

ยันไม่เต้นตามเกมทักษิณ

นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย รมต.ประจำสำนักนายกฯ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ประกาศจะเปิดสถานีโทรทัศน์ ว่า ความจริงแล้วหากพ.ต.ท.ทักษิณจะทำอะไรไม่เห็นต้องประกาศ อยากเปิดทีวีดาวเทียมมีเงินก็ทำได้อยู่แล้ว การเปิดทีวีดาวเทียมในต่างประเทศ จะเปิดเมื่อไหร่ก็ทำได้ ส่วน 3 ช่องที่จะเปิดในไทยนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่ เช่น เรื่องการศึกษาก็มีโครงการต้นแบบอยู่แล้ว คือการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมโรงเรียนวังไกลกังวล ที่ดำเนินการมากว่า 10 ปี ทีวีโอท็อปมีคนคิดมานานแล้วและรัฐบาลได้จัดสมัชชาโอท็อปเรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีอะไรต้องกังวล หากพ.ต.ท.ทักษิณคิดว่าทำประโยชน์กับประเทศชาติก็ควรทำและจะไม่ขัดขวาง

เมื่อถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณเปิดทีวี 3 ช่องในไทยจะส่งผลกระทบต่อความนิยมของรัฐบาลหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ถ้าแข่งกันทำดีก็ไม่เป็นไร รัฐบาลมีงานต้องทำอีกหลายเรื่อง จะไปเต้นตามเกมของพ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้ บางงานพ.ต.ท. ทักษิณก็ไม่เคยคิดมาก่อน เช่น เรื่องสวัสดิการชุมชน ยืนยันรัฐบาลไม่กังวลเรื่องนี้ ขณะนี้มีดาวเทียมที่ครอบคลุมน่านฟ้าประเทศไทยหลายสิบดวงและมีรายการนับพันรายการ เคเบิลมีกว่า 300 ช่องที่รับดาวเทียมมาออกอากาศ จึงไม่ใช่เรื่องที่ต้องตามเป็นพิเศษ แต่ถ้าเนื้อหาเป็นเรื่องการเมืองเราต้องเข้าไปดูแล

ประชดส่งให้เปิดทีวีพันช่อง

นายสาทิตย์ กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.) ประกาศรับรองระเบียบว่าด้วยการจัดระเบียบวิทยุชุมชนแล้ว จากนี้จะจัดระเบียบสถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียม ดังนั้น ผังรายการที่ไม่เข้ากับระเบียบก็ไม่สามารถดำเนินการได้ เช่น สถานีใดเกี่ยวกับการเมืองและทำให้เกิดความวุ่นวายหรือกระทบสถาบัน เราสามารถจัดการได้ตามระเบียบกทช. ซึ่งมีบทลงโทษตั้งแต่ปิดสถานี ยึดใบอนุญาต เมื่อมีระเบียบส่วนนี้แล้วเชื่อว่าการปลุกระดมมวลชนจะลดน้อยลงหรือไม่มีแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าประเมินหรือไม่ว่าการที่พ.ต.ท. ทักษิณเปิดทีวีผ่านดาวเทียม 100 ช่อง เป็นการใช้ยุทธศาสตร์โลกล้อมประเทศไทย เพื่อโจมตีรัฐบาล นายสาทิตย์ กล่าวว่า ล้อมไปเถอะ จะเอาดาวล้อมโลกก็ยังได้ ถ้าจะคิดพูดกันสนุกๆ แต่ข้อเท็จจริงรัฐบาลยังอยู่ในหน้าที่ ต้องทำงานและมีนโยบายต้องแก้ไขปากท้องของประชาชน จะเปิดทีวีร้อยช่องพันช่องก็เปิดไป

นายสาทิตย์ กล่าวว่า ส่วนการจัดงานแซยิดของพ.ต.ท.ทักษิณเมื่อวันที่ 26 ก.ค.นั้น เกิดขึ้นเพราะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯไปลงพื้นที่บุรีรัมย์ และได้รับการตอบรับที่ดี ความหวั่นไหวจากบุรีรัมย์จะทำให้เกิดกิจกรรมอีกมาก ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณไม่ได้โจมตีรัฐบาลอย่างเดียว แต่เคย โจมตีกระบวนการยุติธรรมและพาดพิงถึงสถาบัน ซึ่งเราดำเนินการไปแล้ว

ลั่นสงครามสื่อเพิ่งเริ่มต้น

นายสาทิตย์ กล่าวว่า ส่วนการจัดทำเว็บไซต์ ทวิตเตอร์ของนายกฯนั้น มีคนรับผิดชอบ 2-3 ราย พบว่ามีอาสาสมัครคนหนึ่งที่มาช่วยงานโดยไม่หวังผลตอบแทน ปรากฏว่าเนื้อหาที่ลงไปไม่ได้ประสานรัฐบาล จึงหารือกับนายกฯ ว่าจะเปลี่ยนรูปแบบใหม่ให้เป็นทางการและเป็นของนายกฯโดยตรง โดยตนทำหนังสือไปยังศูนย์ทวิตเตอร์ที่อเมริกาว่าต่อไปจะเปิดผู้รับผิดชอบโดยตรงของนายกฯ คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 วัน จากนั้นทีมงานของตนจะเป็นผู้ดูแล เมื่อจะใส่ข้อความอะไรจะเรียนให้นายกฯทราบก่อนทุกครั้ง ซึ่งรัฐบาลทำมากว่า 3 เดือนแล้ว สัปดาห์หน้ารัฐบาลจะเปิด อินเตอร์เน็ตที่สร้างการมีส่วนร่วมของประชาชน

ส่วนที่ว่าพ.ต.ท.ทักษิณเปิดใช้ทวิตเตอร์หลังนายกฯแต่ได้รับความนิยมมากกว่า รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า นายอภิสิทธิ์มีคนสมัครเข้าไปดูกว่า 3 พันคน หากจะเปรียบเทียบต้องดูที่อื่นด้วย อย่างนายบารัก โอบามา ประธานาธิบดี สหรัฐ มีคนเข้าไปดูกว่าล้านคน ซึ่งคนไทยเข้าถึงอินเตอร์เน็ต 16 ล้านคน แต่มีคนที่เข้าถึงบรอดแบนด์ 3 ล้านคน ทั้งนี้ การทำงานของรัฐบาล ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมายอมรับว่ารัฐบาลมีคะแนนนิยมขึ้นลง ไม่นิ่ง แต่รัฐบาลยังมั่นใจในการทำงาน ต่อให้พ.ต.ท.ทักษิณได้ผลโพลร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้ายังไม่กลับประเทศไทยก็ไม่มีผลใดๆ ผู้สื่อข่าวถามว่าการที่พ.ต.ท.ทักษิณชิงเกมรุกด้านสื่อ เพราะเห็นเป็นจุดอ่อนของรัฐบาลหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ไม่ สงครามเพิ่งเริ่มต้น สงครามยังไม่จบอย่าเพิ่งนับศพทหาร ยังต้องสู้กันอีกยาว

แถลงผลงาน-วันเกิดมาร์ค

นายสาทิตย์ ให้สัมภาษณ์ว่า รัฐบาลได้จัดทำสื่อเพื่อเผยแพร่ผลงานรัฐบาลในรอบ 6 เดือนในหลายรูปแบบ เช่น สื่อหนังสือพิมพ์จะเริ่มเผยแพร่วันที่ 28 ก.ค. และเผยแพร่ต่อไปอีก 1 เดือน ส่วนบิลบอร์ดที่จะเผยแพร่ทั่วประเทศ จะบอกประชาชนว่าความสุขของคนไทยคือเป้าหมายของรัฐบาล และจะประชาสัมพันธ์ผ่านวิทยุชุมชนด้วย ซึ่งจะเชิญผู้จัดรายการวิทยุชุมชนมาพูดคุย รวมทั้งทำหนังสือผลงานรัฐบาลฉบับเต็ม โดยจะพิมพ์ 1 หมื่นเล่มแจกส.ส. ส.ว. สื่อมวล ชนและฉบับย่อจะพิมพ์ 2 แสนเล่ม แจกจ่ายให้ห้องสมุดโรงเรียนทุกหมู่บ้าน

รมต.ประจำสำนักนายกฯ กล่าวว่า เท่าที่หารือกับนายกฯ จะแถลงผลงานรัฐบาลในวันที่ 3 ส.ค. ตรงกับวันเกิดของนายกฯ พอดีโดยจะใช้ วิธีแถลงแบบเรียบง่ายและเปิดตัวหนังสือ พร้อมทั้งชี้แจงว่า 6 เดือนที่ผ่านมารัฐบาลทำอะไรและจะทำอะไรต่อไปในอนาคต วันนี้เชื่อว่านโยบายที่เป็นไปตามเป้าหมายชัดเจน คือ นโยบายเรียนฟรี 15 ปี เพราะมีคนได้ประโยชน์ถึง 12 ล้านคน ใช้เงิน 1.9 หมื่นล้านบาท บางนโยบายยังต้องปรับ ปรุง เช่น นโยบายชุมชนพอเพียงที่การกำหนดเป้าหมายยังไม่ครอบคลุมเท่าที่ควร ส่วนนโยบายใดของรัฐบาลเดิมทำไว้ดี รัฐบาลนี้จะสานต่อ เช่น โอท็อป ส่วนมาตรการลดรายจ่าย 5 มาตร การ 6 เดือนที่รัฐบาลดำเนินการต่อนั้น เพราะเห็นว่าประชาชนได้ประโยชน์ เช่น น้ำประปาฟรี มีประชาชนได้รับประโยชน์ 12 ล้านคนในช่วง 6 เดือน การใช้ไฟฟรีมีคนได้ประโยชน์ 35 ล้านคน

เร่งตีปี๊บแผนไทยเข้มแข็ง

เมื่อถามว่าการแถลงผลงานจะทำให้ประชา ชนภาคอีสานเข้าใจรัฐบาลมากขึ้นหรือไม่ รมต. สำนักนายกฯ กล่าวว่า นโยบายของรัฐบาลประชาชนในทุกพื้นที่ได้รับประโยชน์ อย่างเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ หากเทียบเป็นเปอร์เซ็นต์แล้วประชาชนพื้นที่อีสานได้รับประโยชน์มากที่สุด และช่วงกลางเดือนส.ค.รัฐบาลจะเปิดตัวโครงการไทยเข้มแข็งอย่างเป็นทางการ

รัฐบาลไม่ได้กังวลเรื่องที่พ.ต.ท.ทักษิณออกมาประกาศอะไร เพราะรัฐบาลมีหน้าที่ทำงานต่อไป อย่างวันอาทิตย์ที่ 2 ส.ค.นี้ นายกฯจะไปประกาศสนับสนุนสวัสดิการชุมชน ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่ จะเป็นรัฐบาลแรกที่ตัดสินใจทำเรื่องนี้ คือเดินตามที่ชุมชนเสนอมา และวันที่ 8 ส.ค. นายกฯจะประกาศนโยบายการปรับปรุงสายพันธุ์ข้าว ซึ่งอยู่ในโครงการไทยเข้มแข็ง นายสาทิตย์กล่าว

เมื่อถามว่าโครงการชุมชนพอเพียงที่ยังไม่สำเร็จเพราะมีปัญหาทุจริตหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ปัญหานี้ได้หารือกับนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ มาตลอด ปัญหาคือฝ่ายการเมือง หรือฝ่ายราชการไม่สามารถชี้นำหรือตัดสินใจแทนชุมชนได้ว่าต้องซื้ออะไร ชุมชนต้องเป็นผู้ตัดสินใจเอง และเราต้องจัดการคนที่ไปหาประ โยชน์จากโครงการนี้ หากมีเรื่องทุจริตไม่ว่าจะเป็นพรรคใด ถ้ายิ่งเป็นพรรคประชาธิปัตย์ต้องจัดการให้เด็ดขาด จะไปหากินบนประโยชน์ชาวบ้านไม่ได้ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานอะไรที่ชัดเจน

ปชป.แห่อวยพรชวน 71 ปี

เมื่อเวลา 17.00 น. ที่ชั้น 3 อาคารควง อภัยวงศ์ พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯและหัวหน้าพรรค นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกฯ นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง นายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ รมช.ศึกษาธิการ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค พร้อมด้วยแกนนำพรรคจำนวนหนึ่ง เข้ามอบกระเช้าดอกไม้พร้อมของขวัญเนื่องในวันครบรอบวันคล้ายวันเกิด 71 ปีให้กับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค

จากนั้นนายชวน ได้หารือกับนายกฯ และแกนนำพรรค นาน 20 นาที น่าสังเกตว่าระหว่างนั้นนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ เพิ่งเลิกประชุมคณะกรรมการคัดเลือกผู้สมัครส.ส. และยังคงอยู่ที่ชั้น 2 อาคารควง อภัยวงศ์ ไม่ได้เข้าไปร่วมหารือด้วยแต่อย่างใด

ทั้งนี้ นายบัญญัติ กล่าวว่า นายสุเทพไม่ได้งอนนายกฯ แต่ที่ไม่ได้เข้าไปร่วมด้วย เพราะนายสุเทพ พาเจ้าหน้าที่พรรคเข้าอวยพรนายชวน ก่อนหน้านี้แล้ว ส่วนที่โพลระบุคะแนนนิยมนายอภิสิทธิ์เป็นรองพ.ต.ท.ทักษิณ นั้น เรื่องคะแนนนิยมถือเป็นความรู้สึกของประชาชนเป็นช่วงๆ ช่วงนี้นายกฯ มีปัญหารุมเร้ามากเกินไป อีกทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณทำการตลาดมาก คาดว่าอีกสักระยะ ความนิยมของประชาชนคงจะเปลี่ยน เพราะผลงานของรัฐบาลคงเป็นรูปธรรมมากขึ้น

ปลอบมาร์คคะแนนวูบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ช่วงบ่าย นายสุเทพ พร้อมแกนนำพรรค อาทิ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รองหัวหน้าพรรค นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ที่ปรึกษานายกฯ เข้ามอบดอกไม้อวยพรให้กับนายชวน

นายชวน กล่าวถึงพ.ต.ท.ทักษิณเตรียมทำทีวีผ่านดาวเทียม ว่า ไม่ทราบรายละเอียด ที่สำคัญต้องให้ข้อมูลความจริง หากพ.ต.ท.ทักษิณให้ข้อมูลที่เป็นจริง ไม่เบี่ยงเบนบิดเบือน จะทำอะไรก็ได้ ไม่มีปัญหา รวมถึงการเรียกร้องกลับประเทศก็ไม่มีใครห้าม แต่ไม่กลับเอง จะด้วยกลัวคดีหรืออะไรก็ตาม ขณะนี้ความน่าเชื่อถือในกระบวนการยุติธรรมไม่ใช่สองมาตรฐาน คนทำผิดต้องรับผิดตามกฎหมาย เหมือนที่กกต.วินิจฉัยเรื่องส.ส.ถือหุ้น ตนเห็นด้วย ผิดต้องว่าตามผิดแม้ไม่มีเจตนาทุจริต อาจเจ็บปวดหน่อย ช่วงนี้สำคัญที่สุดที่บ้านเมืองต้องอยู่ในกรอบ ส่วนที่มองว่ากระทบเสถียรภาพรัฐบาลนั้น เรื่องเสียงมากเสียงน้อยกับกฎหมายเป็นคนละเรื่อง ต้องถือหลักเคารพกฎเกณฑ์ก่อน

นายชวน กล่าวถึงเอแบคโพลระบุคะแนนนิยมพ.ต.ท.ทักษิณสูงกว่านายอภิสิทธิ์ ว่า ความ นิยมมีขึ้นและลงทุกสมัย รัฐบาลไม่ต้องหวั่นไหว อาสาเข้ามาทำงานต้องทำสิ่งถูกต้อง ถ้าทำสิ่งที่ถูกต้องแล้วคนไม่ชอบ กับทำสิ่งที่ไม่ถูกต้องแล้วคนชอบ เราต้องเลือกทำในสิ่งที่ถูกต้อง แม้กระทบความต้องการของคนบางส่วนบ้างก็ตาม

กมธ.จี้ยกเลิกรถเมล์ 4 พันคัน

ที่รัฐสภา นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ รองประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติไม่ชอบ สภาผู้แทนฯ แถลงว่า กรรมาธิการสรุปผลการตรวจสอบการเช่ารถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน พบว่าผิดกฎหมาย ทำให้เกิดความเสียหายต่อรัฐ 5 ประเด็นคือ 1.ผิดพ.ร.บ. องค์กรหน่วยงานรัฐ มาตรา 3, 4 และ 11 เกิดความเสียหายต่อองค์กร 2.กฎหมายอาญามาตรา 157 จงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยนำข้อมูล อันเป็นเท็จเสนอต่อผู้บังคับบัญชา 3.ผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดต่อพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 และมีความผิดตามประกาศองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) เรื่องประมวลจริยธรรมและจรรยาบรรณของ ขสมก. 4.มีความผิดตามระเบียบสำนักนายกฯว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 และระเบียบสำนักนายกฯว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอ นิกส์ พ.ศ. 2549 5.ผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 หรือพ.ร.บ.ฮั้ว มาตรา 11 เนื่องจากล็อก สเป๊กบริษัทที่ได้รับการประมูล

นายชาญชัย กล่าวว่า กรรมาธิการจึงเสนอให้รัฐบาลศึกษาโครงการนี้อย่างรอบคอบ ถ้าเป็นไปได้ควรยกเลิกโครงการ ทั้งนี้พบผู้กระทำผิดเบื้องต้น ได้แก่ บอร์ดขสมก.ทั้งหมด คณะกรรมการจัดทำทีโออาร์ และคณะอนุกรรมการบริหารที่ศึกษาเรื่องนี้ 6 คนซึ่งตั้งโดยบอร์ดขสมก. ผู้เกี่ยวข้องที่เป็นนักการเมือง เช่น รมว.และรมช. คมนาคม กรรมาธิการจะส่งให้ป.ป.ช.พิจารณาชี้มูลความผิดต่อไป กรรมาธิการจะส่งข้อสรุปทั้งหมดให้นายกฯ สภาผู้แทนฯ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ และป.ป.ช.พร้อมกันวันที่ 30 ก.ค.

บิ๊กภท.แถลงค้านถวายฎีกา

ที่พรรคภูมิใจไทย นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทยและหัวหน้าพรรค นำรัฐมนตรีและส.ส.ของพรรค อาทิ นายบุญจง วงศ์ไตร รัตน์ รมช.มหาดไทยและรองหัวหน้าพรรค นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์และเลขาธิการพรรค แถลงจุดยืนคัดค้านการล่ารายชื่อถวายฎีกาเพื่อขอพระราชทานอภัยโทษให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ โดยนายชวรัตน์กล่าวว่า ขอถามว่าวิธีการที่ให้ประชาชนร่วมลงชื่อถวายฎีกา เป็นไปตามกฎหมายและจารีตประเพณีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่ คำนึงแล้วหรือยังว่าสร้างความระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาทหรือไม่ หากการถวายฎีกาเป็นสิ่งมิชอบด้วยกฎหมาย ผู้ใดจะรับผิดชอบ

จากนั้นนายบุญจงอ่านแถลงการณ์ของพรรค เนื้อหาสรุปว่า ที่ผ่านมากระทรวงยุติธรรมและกรมราชทัณฑ์ชี้แจงแล้วว่าเป็นการกระทำไม่ถูกต้องตามกฎหมาย แต่คณะผู้ดำเนินการกลับไม่สนใจ ยิ่งรณรงค์ให้ประชาชนร่วมลงชื่อในฎีกามากขึ้น แสดงถึงเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ พรรคจะคัดค้านการถวายฎีกาครั้งนี้ให้ถึงที่สุด จะให้สมาชิกรณรงค์ให้ข้อมูลความรู้แก่ประชาชนทั่วประเทศว่า การถวายฎีกาครั้งนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลกระทบต่อสถาบัน กดดันพระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอย่างมิบังควร พสกนิกรผู้จงรักภักดีไม่พึงกระทำ การล่ารายชื่อเป็นการแบ่งแยกประชาชนในชาติ

จี้หยุดดึงฟ้าต่ำ-ทำหินแตก

พรรคขอเรียกร้องคณะผู้ดำเนินการ 4 ประการ คือ 1.หยุดดึงฟ้าต่ำ คือ หยุดดึงสถาบันพระมหากษัตริย์เข้ามาเกี่ยวข้องกับการเมือง 2.หยุดทำหินแตก หมายถึงหยุดสร้างความแตกแยกให้กับแผ่นดินไทย หยุดทำลายความเป็นปึกแผ่นความสามัคคี ของชาติไทย 3.หยุดแยกประชาชน หมายถึงหยุดสร้างเงื่อนไขเพื่อแบ่งแยกประชาชนในชาติออกเป็น 2 ฝ่าย และ 4.หยุดล่ารายชื่อถวายฎีกา หมายถึงหยุดล่ารายชื่อและหยุดกิจกรรมสนับสนุนการชักชวนให้ประชาชนมาร่วมลงชื่อ ฝากถึงพ.ต.ท. ทักษิณ ถ้าประสงค์ให้ประเทศไทยปรองดอง ประ ชาชนสามัคคี พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระพลานามัยแข็งแรงตามที่กล่าวอ้างไว้ในจด หมายที่เขียนในวันเกิด ต้องสั่งสมาชิกพรรคเพื่อไทย และคณะรวบรวมรายชื่อถวายฎีกา หยุดดำเนินการทันทีเพราะเป็นการกระทำที่ไม่บังควร ขอเชิญชวนสื่อมวลชนและประชาชนผู้จงรักภักดีปกป้องสถาบัน ให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชนทั่วไปและคนรู้จัก การชักชวนให้ร่วมลงชื่อในฎีกานอกจากสร้างความระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท ยังทำลายกระบวนการยุติธรรมของไทย

เมื่อถามการกระทำดังกล่าวผิดกฎหมายอาญาหรือไม่ นายบุญจงกล่าวว่า การขอพระราชทานอภัยโทษระบุไว้ในรัฐธรรมนูญปี50 มาตรา 191 และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 259-267 มีข้อกำหนดว่าคดีต้องถึงที่สุด ผู้นั้นต้องได้รับโทษมาแล้ว และต้องเป็นคู่สมรสและบุตรที่มีสิทธิยื่นขอ

แจกสติ๊กเกอร์-ขึ้นป้ายต้าน

ผู้สื่อข่าวถามว่าพรรคจะดำเนินการตามกฎ หมายกับคณะผู้ล่ารายชื่อหรือไม่ นายบุญจงกล่าวว่า จุดยืนของพรรคไม่ต้องการดำเนินคดีกับประ ชาชน อยากทำความเข้าใจว่าเป็นเรื่องมิบังควรเท่านั้น ต่อข้อถามว่าลำบากใจหรือไม่ว่าการแสดงจุดยืนครั้งนี้จะกระตุ้นให้กลุ่มคนเสื้อแดงเคลื่อน ไหวโจมตีพรรคภูมิใจไทย นายบุญจงกล่าวว่า ไม่ลำบากใจ คนเสื้อแดงมีความเห็นอย่างไรก็ไม่เป็นไร ยืนยันว่าจะคัดค้านต่อไป ไม่ได้ท้าทายเสื้อแดงเพราะความจริงประจักษ์ว่าทำสิ่งฝ่าฝืนกฎหมาย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคภูมิใจไทยยังได้จัดทำสติ๊กเกอร์รณรงค์ เป็นข้อความ 2 บรรทัด บรรทัดแรกพื้นสีน้ำเงินข้อความว่า หยุดดึงฟ้าต่ำ หยุดทำหินแตก หยุดแยกประชาชน บรร ทัดที่สองเป็นพื้นสีขาว ตัวอักษรสีแดงขนาดใหญ่ หยุดล่ารายชื่อถวายฎีกา ทั้งนี้ นายบุญจง ระบุว่าพรรคจัดทำสติ๊กเกอร์ดังกล่าวจำนวนทั้งสิ้น 64 ล้านแผ่น เท่ากับจำนวนประชาชนทั้งประเทศ และในวันที่ 29 ก.ค. พรรคจะติดป้ายผ้าขนาดใหญ่ใน 4 มุมเมืองทั่วกรุงเทพฯ ทั้งนี้ หลังการแถลงข่าวนายชวรัตน์และนางพรทิวานำลูกพรรคร่วมกันเปิดป้ายผ้าขนาดใหญ่ที่มีข้อความเดียวกับสติ๊กเกอร์ โดยขึงพาดบริเวณผนังตึกด้านหน้าพรรค

พท.ยื่นสอบโสภณซุกงาช้าง

เวลา 10.00 น. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการ ป.ป.ช. ขอให้ตรวจสอบการยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของนายโสภณ ซารัมย์ รมว.คม นาคม ในฐานะส.ส.พรรคภูมิใจไทย

นายพร้อมพงศ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินที่นายโสภณยื่นไว้ต่อป.ป.ช.เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ส.ส. และเมื่อครั้งเข้าดำรงตำแหน่งรมว.คมนา คม มีรายการไม่ครบถ้วน เพราะนายโสภณยังคงมีทรัพย์สินเป็นงาช้าง 1 คู่ ราคาน่าจะมีมูลค่าเกินกว่า 2 แสนบาท ซึ่งอยู่ในหลักเกณฑ์ที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินด้วย เรื่องนี้นายโสภณ ยอม รับข้อเท็จจริงว่างาช้างดังกล่าวเป็นของตนเอง ดังนั้น จึงมีหน้าที่ต้องยื่นแสดงรายการทรัพย์สินดังกล่าวไว้ในบัญชีเมื่อเข้าดำรงตำแหน่งส.ส. และรัฐมนตรี เมื่อไม่ได้ยื่นจึงเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 259 และพ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการทุจริต มาตรา 32 กรณีนี้น่าจะถือได้ว่าจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ หากป.ป.ช.ชี้มูลความผิด และส่งเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย หากศาลวินิจฉัยว่ามีความผิด นายโสภณต้องพ้นจากตำแหน่งและห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง 5 ปี และต้องถูกดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 119 ของกฎหมายป.ป.ช.ด้วย

จับตารัฐบาลซื้อเวลาแก้รธน.

ต่อมาเวลา 13.30 น. ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ แถลงถึงการที่รัฐบาลใช้วันเกิดของนายอภิสิทธิ์ วันที่ 3 ส.ค. เป็นวันแถลงผลงานรัฐบาลรอบ 6 เดือนว่า คิดว่าเป็นวาระซ่อนเร้น พยายามสร้างกระแสหลังจากเสร็จสิ้นงานแซยิดของพ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามดูผลงานของรัฐบาล ทั้งเรื่องเศรษฐกิจที่ไปกู้เงินมาใช้ และเรื่องสังคม อย่างการแพร่ระบาดของ ไข้หวัดใหญ่ 2009 ที่ไม่สามารถยับยั้งได้ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 6 ประเด็นที่กรรมการ สมานฉันท์ฯ เสนอ ว่ารัฐบาลจะเร่งดำเนินการหรือจะหวังซื้อเวลาไปเรื่อยๆ และหลังจากรัฐบาลแถลงผลงาน ทีมโฆษกพรรคจะแถลงตอบโต้อีกครั้ง

นายพร้อมพงศ์ กล่าวถึงนายอภิสิทธิ์ยื่นฟ้องร้องดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทต่อนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทยว่า นายอภิสิทธิ์ต้องเข้าใจว่าตัวเองเป็นบุคคลสาธารณะ หากใครพูดไม่ถูกใจหรือคิดไม่ตรงก็ฟ้องร้องดำเนินคดี จะทำให้บรรยากาศการสมานฉันท์เกิดขึ้นไม่ได้ จึงอยากเรียกร้องให้นายอภิสิทธิ์เป็นผู้ใหญ่และใจกว้างกว่านี้

เลื่อนถวายฎีกาเป็น 8 ส.ค.

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง กล่าวถึงการรวบรวมรายชื่อเพื่อถวายฎีกาให้พ.ต.ท.ทักษิณว่า ขณะนี้รายชื่อมีกว่า 3 ล้านคน ภายในสัปดาห์นี้จะถ่ายเอกสารตรวจรายชื่อ ที่อยู่เลขบัตรประชา ชน ส่งรายชื่อทั้งหมดลงซีดีให้พ.ต.ท.ทักษิณ 1 ชุด การชุมนุมคนเสื้อแดงที่ท้องสนามหลวงวันที่ 31 ก.ค. จะมีพิธีรับรายชื่อ แต่ละจังหวัดจะนำกลองยาว แตรวงมาสร้างสีสัน ปิดใบฎีกาในช่วงเที่ยงคืน ยืนยันว่าวันนัดยื่นรายชื่อยังสำนักพระราชวังวันที่ 7 ส.ค. ไม่เกี่ยวกับวันเสียง ปืนแตกของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย แต่เป็นวันรพี บิดานักกฎหมายไทย แต่อาจเลื่อนการยื่นถวายฎีกาเป็นวันที่ 8 ส.ค. ทั้งนี้ เนื่องจากต้องตรวจสอบใบฎีกาให้รอบคอบ เกรงจะมีคนเขียนถ้อยคำหยาบคายในใบฎีกาเพราะมีพวกสอดแนมแกล้งเอาชื่อมาส่งแล้วจะถอนชื่อภายหลัง เป็นวิชามารเด็กๆ คงเป็นพวกแก๊งฟันดำทำ ส่วนที่ไม่มีญาติพ.ต.ท.ทักษิณลง ชื่อเพราะขอร้องไปเอง อยากให้เป็นเรื่องของภาคประชาชน

ขู่เนวินไม่รอดคดีกล้ายาง

นายจตุพร กล่าวถึงพ.ต.ท.ทักษิณทำทีวีผ่านดาวเทียม 100 ช่องว่า ไม่ใช่เรื่องยากและไม่แพงเหมือนฟรีทีวี หรือที่นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย บอกว่าใช้งบถึงพันล้านบาท แต่ใช้เพียงไม่กี่สิบล้าน โดยถ่ายจากสตูดิโอและผลิตเพียงไม่กี่ช่องแล้วเชื่อมดาวเทียมดวงอื่นโดยเฉพาะไทยคม และเอ็นเอส 6 ที่เอเอสทีวีใช้เผยแพร่ไปทั่วโลก การทำดาวเทียมของพ.ต.ท.ทักษิณเหมือนทำรายการพีเพิล แชนแนลของคนเสื้อแดง ตรงนี้ได้ต้นแบบมาจากทีวีเพื่อการศึกษาของวังไกลกังวล วันนี้เทคโนโลยีมาไกล ไม่มีกฎหมายบังคับ ใครสามารถเปิดทีวีดาวเทียมได้หมด ผู้รับผิดชอบกำลังดำเนินการอยู่โดยมีทีมงานจากเครือชินวัตรที่มีความเชี่ยวชาญด้านนี้มาช่วย เมื่อพร้อมจะแถลงให้ทราบ

นายจตุพร ยังกล่าวถึงการอ่านคำพิพากษาคดีกล้ายางในวันที่ 17 ส.ค.ว่า ขอให้ดูว่านาย เนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ในฐานะเจ้าพ่อสีน้ำเงิน จะเดินทางออกนอกประ เทศหรือไม่ ถึงวันนั้นสีน้ำเงินจะกำพร้าแน่ เพราะหากย้อนดู เขาคงไม่ไว้ชีวิตแน่นอน

กกต.เลื่อนชี้ชะตา 44 ส.ส.

ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง น ายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. แถลงหลังการประชุมกกต.ว่า ที่ประชุมมีมติขยายเวลากรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ให้กกต. ตรวจสอบการขาดสมาชิกภาพของ 44 ส.ส. ที่อาจกระทำการเข้าข่ายต้องห้ามมาตรา 48 ประ กอบ มาตรา 265 (2) (4) ของรัฐธรรมนูญ เนื่อง จากถือหุ้นในกิจการสื่อและหุ้นในบริษัทที่รับสัมปทานรัฐ ตามที่คณะอนุกรรมการไต่สวนได้ร้องขอไปอีก 15 วัน ซึ่งจะครบในวันที่ 7 ส.ค.นี้

นายสุทธิพล กล่าวว่า คณะอนุกรรมการไต่สวน ชี้แจงว่ายังขาดข้อมูลในส่วนของตลาด หลักทรัพย์ และกรมธุรกิจการค้าที่ยังต้องตรวจสอบในเรื่องการถือครองหุ้นของบุตรและคู่สมรส ในอีก 4 หน่วยงาน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหน่วยงานราชการ และกรณีการสัมปทานกับหน่วยงานของรัฐ ทั้งนี้ ที่ประชุมให้ขยายเวลาออกไป และได้กำชับคณะอนุกรรมการไต่สวนว่า ให้หาเอกสารข้อมูลด้วยตัวเอง ไม่ต้องรอให้หน่วยงานต่างๆ ส่งมาเพื่อไม่ให้เกิดความล่าช้า เพราะกกต.จะให้ขยายเวลาครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย

นายสุทธิพล กล่าวว่า กกต.ยังขยายเวลาให้กับคณะอนุกรรมไต่สวนพิจารณาการขาดคุณสม บัติความเป็นรัฐมนตรีของ นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย และนางพรทิวา นาคาศัย รมว. พาณิชย์ ที่ถือหุ้นต้องห้าม ซึ่งขอขยายเวลาเป็นครั้งแรกอีก 15 วัน จะครบในวันที่ 9 ส.ค. ซึ่งในสำนวนดังกล่าวอนุกรรมการไต่สวนฯ ได้ส่งหนัง สือให้ทั้ง 2 รัฐมนตรี และอธิบดีกรมสรรพากรมาชี้แจงแล้ว แต่นางพรทิวา มีหนังสือขอเลื่อนเพราะยังติดภารกิจ

ขยายเวลาไต่สวนยุบปชป.

นายสุทธิพล กล่าวว่า ที่ประชุมกกต.ยังขยายเวลาการไต่สวนคำร้องของนายพิชา วิจิตรศิลป์ ประธานชมรมกฎหมายภิวัฒน์และเครือข่าย เสนอให้กกต.ยุบพรรคประชาธิปัตย์กรณีจัดตั้งรัฐบาล โดยนายพิชาระบุร้องเฉพาะรัฐมนตรีและกรรมการบริหารพรรคในส่วนของพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งอนุกรรมการไต่สวนฯ ทำหนังสือแจ้งให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มาให้ถ้อยคำ แต่ยังไม่ได้รับคำตอบว่าจะมาเมื่อใด ซึ่งจะครบกำหนดการสอบสวนในวันที่ 7 ส.ค. ตามที่ขอขยายเวลาไว้ 15 วัน

ทั้งนี้ กรณีดังกล่าว นายพิชา ร้องขอให้ กกต.เสนอยุบพรรคประชาธิปัตย์ จากกรณีการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากให้ผู้ที่ถูกเพิกถอนสิทธิ์เลือกตั้งเข้ามามีส่วนร่วม น่าจะเป็นก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook