เด็กไทยติดเกมขั้นรุนแรง เพิ่มขึ้นถึง2เท่าในรอบ3ปี แนะพ่อแม่พูดคุย-กอด-เล่นกับลูก40นาทีต่อวัน

เด็กไทยติดเกมขั้นรุนแรง เพิ่มขึ้นถึง2เท่าในรอบ3ปี แนะพ่อแม่พูดคุย-กอด-เล่นกับลูก40นาทีต่อวัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
สธ.ห่วงเด็กไทยติดเกมขั้นรุนแรง เพิ่มขึ้น2เท่ารอบ3ปี หวั่นเลียนแบบเกมฆ่าตัวตาย อธิบดีกรมสุขภาพจิต ชี้พ่อแม่ขาดความรู้ทักษะดูแล ส่งผลให้ลูกมีโอกาสติดเกมเพิ่มขึ้น 7.5 เท่า แนะ พูดคุย กอด เล่นกับลูก มากกว่า 40 นาที/วัน นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเมื่อวันที่ 29 กรกฏาคม โดยแสดงความกังวล ต่อสถานการณ์เด็กติดเกมที่รุนแรงขึ้น โดยเฉพาะเกมลูกเต๋าที่มีลักษณะคล้ายไฮโลในโทรศัพท์มือถือหรือเกมอื่น ๆ ที่สามารถเล่นพนันได้ว่า จะนำเรื่องเข้าหารือกับกระทรวงวัฒนธรรมและกระทรวงไอซีที ซึ่งจากการสำรวจของกรมสุขภาพจิต พบว่า มีเด็กติดเกมขั้นรุนแรงมากถึงร้อยละ 9 ของนักเรียนประถมและมัธยมต้น เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่า ในรอบ 3 ปี ซึ่งหากปล่อยไปจะเกิดปัญหาเด็กติดเกมจนเสียชีวิตหน้าคอมพิวเตอร์ เลียนแบบเกมฆ่าตัวตาย หรืออาจติดมากจนเกิดเด็กกล่องขอบริจาคเงินไปเล่นเกม หรือแม้กระทั่งการฆ่าตัวตายจากการที่พ่อแม่ห้ามไม่ให้เล่นเกม

ทั้งนี้กระทรวงสาธารณสุขได้มอบหมายให้ สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กรมสุขภาพจิต พัฒนาหลักสูตรพ่อแม่ดูแลลูกยุคไซเบอร์ เป็นหลักสูตร 1 วัน โดยได้ทดลองหลักสูตรนี้มาแล้ว 4 ปี และจากการติดตามผู้ปกครองที่เข้าอมรมพบว่าปัญหาเด็กติดเกมลดลงร้อยละ 79 และในส่วนของผู้ปกครองที่เด็กมีปัญหาการติดเกมลดลงนี้ พบว่าร้อยละ 100 เกิดจากการเปลี่ยนแปลงตนเองของผู้ปกครอง นอกจากนี้การที่พ่อแม่แนะนำให้เด็กรู้จักทำกิจกรรมสร้างสรรค์ ทำให้เด็กที่มีปัญหาดีขึ้นถึงร้อยละ 91 โดยจะขยายหลักสูตรให้ความรู้กับพ่อแม่ทั่วประเทศในเดือนสิงหาคมนี้ต่อไป

ด้าน นายแพทย์ชาตรี บานชื่น อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า การที่พ่อแม่ขาดความรู้ทักษะในการดูแล ส่งผลให้ลูกมีโอกาสติดเกมเพิ่มขึ้น 7.5 เท่า ซึ่งหากพ่อแม่ดูแลอย่างถูกวิธี พูดคุย กอด และเล่นกับลูก มากกว่า 40 นาทีต่อวัน จะสามารถลดโอกาสที่ลูกติดเกมลดลงถึงร้อยละ 50 จะเป็นการลดปัญหาการแสวงหาความภาคภูมิใจจากการเล่นเกมลงได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook