''ชวรัตน์'' เปิดใจห่วงเชื้อหวัด บั่นทอนเสถียรภาพรัฐบาล

''ชวรัตน์'' เปิดใจห่วงเชื้อหวัด บั่นทอนเสถียรภาพรัฐบาล

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เปิดใจกับฐานเศรษฐกิจ เกี่ยวกับแนวทางการทำงาน ภายใต้รัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โดยเจ้าของรหัส มท.1 ยอมรับว่า ปัจจัยภายนอกที่อยู่เหนือการควบคุมของรัฐบาล คือ ปัญหาการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพรัฐบาล หากไม่สามารถสกัดกั้นการลุกลามของโรคร้ายได้ ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลได้พยายามป้องกันและแก้ไขอย่างเต็มที่

นายชวรัตน์ ขยายความถึงการสกัดการแพร่เชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ว่า บางมาตรการที่รัฐบาลนำออกมานั้น ในฐานะที่สวมหมวก 2 ใบ คือ เคยเป็นทั้งนักธุรกิจ และนักการเมือง มองว่า มาตรการบางข้อของรัฐบาลที่ออกมาเป็นระยะๆ มีความยากลำบากในเชิงของการปฏิบัติ โดยเฉพาะในกลุ่มนักธุรกิจ เช่น การที่รัฐบาลจะมีมาตรการให้ปิดโรงงาน เพื่อล้างและทำความสะอาด เนื่องจากมีสาวโรงงานติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เพราะมองว่าเป็นการสกัดกั้นสถานการณ์ ที่กำลังเกิดขึ้นได้ ซึ่ง มท.1 กล่าวว่า หากมองในมุมของนักธุรกิจแล้วคงไม่เห็นด้วย

ผมกล่าวในฐานะที่เป็นนักธุรกิจคนหนึ่ง ซึ่งหากรัฐบาลจะมีมติออกมาให้ถึงกับต้องปิดโรงงาน ผมคงไม่เห็นด้วย เนื่องจากไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกจุด ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่า ผู้ที่ได้รับความเสียหาย คือ นักธุรกิจที่ต้องยอมเสียรายได้ ลองคิดดู การปิดโรงงานหนึ่งวันเสียรายได้เท่าไหร่ ขณะเดียวกันเขาต้องจ่ายค่าตอบแทนกับพนักงานโดยที่ไม่ได้ทำงานให้อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม มท.1ได้ให้ความเห็นว่า เรื่องนี้รัฐบาลพยายามทำงานอย่างเต็มที่ เพราะถ้าไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงไปได้ ปัญหาดังกล่าวจะสั่นสะเทือนเสถียรภาพและความมั่นคงของรัฐบาลชุดนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ผมว่าปัญหาส่วนหนึ่งมาจาก ฝ่าย R & D ของเรายังเข้าไปไม่ถึงข้อมูลในเชิงลึก ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะรัฐบาลให้งบส่วนนี้ค่อนข้างน้อย เพียงแค่ 5 % ของงบประมาณทั้งหมดเท่านั้น ฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ควรให้ผู้เชี่ยวชาญหรือผู้ที่เกี่ยวข้องมีบทบาทในการทำงานเชื่อมโยงกันมากขึ้น

ส่วนการแก้ปัญหาเศรษฐกิจนโยบายของรัฐบาลที่ออกมาอย่างถูกทางแล้วที่เน้นไปที่ความเป็นอยู่ของประชาชน ไม่เป็นหนี้เป็นสิน ยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง แต่ปัจจุบันรากหญ้ามีหนี้สินเยอะ ทำอย่างไรจะช่วยให้พี่น้องในชนบทยืนอยู่ได้ด้วยตัวเองก่อน ซึ่งรัฐบาลต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการบริหารราชการแผ่นดิน และให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจก่อน

ส่วนข้อถามที่ว่า การเมืองไทยที่มีการแบ่งสีแบ่งข้างกันในปัจจุบันนี้จะมีแนวทางใดที่จะแก้ไขได้บ้าง นายชวรัตน์กล่าวด้วยสีหน้าค่อนข้างหนักใจ โดยให้ความเห็นว่า เป็นสิ่งที่ทุกๆฝ่ายจะต้องร่วมกันแก้ไข และคงไม่สามารถที่จะแก้ปัญหาได้ภายในเร็ววัน

มันมืด แปดด้าน ทุกฝ่ายต้องช่วยกันนำการเมืองเข้ามาอยู่ในสภา ไม่พอใจต้องมาถกกันในสภา แทนที่จะเป็นการเมืองนอกสภาอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน

เมื่อถามว่า ถ้ามีการยุบสภาจริง พรรคภูมิใจไทย อาจจับมือกับพรรคประชาธิปัตย์ได้หรือไม่นั้น มท.1 กล่าวว่า ในวงการการเมืองทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นได้ ทุกอย่างมีความเป็นไปได้ทั้งนั้นในการเมือง ตามสโลแกนที่ว่า ไม่มีมิตรแท้และศัตรูถาวรในการเมือง ซึ่งผมก็เชื่อแบบนั้น เมื่อถามถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีว่าอยู่ในระดับไหน มท.1 ออกตัวกล่าวสั้นๆว่า

เราเดินกันคนละทาง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook