นักวิชาการด้านยา ชี้ สธ.กระจายยาโอเซลทามิเวียร์ให้คลินิกไม่มีระบบ หวั่นเชื้อดื้อยา

นักวิชาการด้านยา ชี้ กระทรวงสาธารณสุขกระจายยาโอเซลทามิเวียร์ให้คลินิกอย่างไม่มีระบบ หวั่นรักษาไม่หายทำให้เชื้อดื้อยา ผศ.ภญ.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการวิจัยเภสัชศาสตร์สังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้จัดการ แผนงานสร้างกลไกเฝ้าระวังและพัฒนาระบบยา (กพย.) กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงสาธารณสุขกระจายยาโอเซลทามิเวียร์ที่ใช้รักษาผู้ป่วยไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ให้กับคลินิก ว่า กระทรวงสาธารณสุข ควรส่งข้อมูลเรื่องการเก็บรักษาและรับประทานยาให้ประชาชนทราบ เพราะยาดังกล่าวเป็นยาควบคุมพิเศษต้องจ่ายในสถานพยาบาลเท่านั้น ทั้งนี้ การทานยาโอเซลทามิเวียร์ต้องปฏิบัติอย่างเคร่งครัด คือ วันละ 2 ครั้งเช้า-เย็น ติดต่อกัน 5 วัน ต้องทานจนยาหมด ไม่เช่นนั้นจะมีโอกาสดื้อยาสูงมาก เปรียบเทียบคล้ายกับการทานยาต้านไวรัสเอดส์ ซึ่งหากมีการดื้อยา จะต้องเปลี่ยนสูตรยาใหม่ที่มีราคาแพงมากมาใช้ ขณะที่ยาชนิดแคปซูลสำหรับผู้ใหญ่ก็ต้องเก็บรักษาที่อุณหภูมิ 15-25 องศาเซลเซียส หรือเก็บในตู้เย็นเหมือนยาน้ำ ไม่เช่นนั้นจะทำให้ยาเสื่อมประสิทธิภาพ ด้าน ผศ.ภญ.สำลี ใจดี ประธานคณะกรรมการกำกับทิศทางกพย. กล่าวว่า ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขให้คลินิก 150 แห่ง ที่ จ.ราชบุรี จ่ายยาโอเซลทามิเวียร์ได้ ซึ่งเป็นการผลักภาระเรื่องยาให้แก่แพทย์ ทั้งๆ ที่แพทย์ต้องใช้เวลามากในการตรวจวินิจฉัยโรคให้รอบคอบ และการทำยาตัวนี้ชนิดน้ำแบบฉุกเฉินสำหรับเด็กนั้นต้องปรุงยาโดยเภสัชกรในโรงพยาบาลของรัฐเท่านั้น วันนี้ กระทรวงสาธารณสุข ประกาศใช้เงื่อนไข 8 ข้อ ที่จะจ่ายยาโอเซลทามิเวียร์ให้คลินิกเพิ่มอีก 8,000 แห่ง ขอเตือนว่าเมื่อตรวจพบผู้ป่วยเด็ก ต้องรีบส่งต่อไปยังโรงพยาบาลโดยด่วน อย่าสร้างปัญหาโดยการจ่ายยาเอง เพราะจะทำให้เชื้อดื้อยาเพิ่มขึ้น