เรืองไกรจี้กกต.สอบนายกฯ ก้าวก่ายงานผบ.ตร.-จุ้นขรก. ส่อผิดรธน.
นายเรืองไกรกล่าวต่อว่า จากข้อเท็จจริงที่พบทำให้เข้าใจได้ว่า นายอภิสิทธิ์ อาจมีพฤติการณ์หรือการกระทำอันต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 268 ประกอบมาตรา 266 (1) อันจะมีผลทำให้สมาชิกภาพของความเป็นนายกรัฐมนตรี อาจต้องสิ้นสุดลงตามมาตรา 106 (6) หรือมาตรา 119 (5) ได้ โดยที่รัฐธรรมนูญมาตรา 268 บัญญัติว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีจะกระทำการใดที่บัญญัติไว้ในมาตรา 266 มิได้ เว้นแต่เป็นการกระทำตามอำนาจหน้าที่ในการบริหารราชการแผ่นดินตามนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภาหรือตามที่กฎหมายบัญญัติ ซึ่งรัฐธรรมนูญมาตรา 266 (1) บัญญัติว่า นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต้องไม่ใช้สถานะหรือตำแหน่งการเป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรี เข้าไปก้าวก่ายหรือแทรกแซงเพื่อประโยชน์ของตนเอง ของผู้อื่น หรือของพรรคการเมือง ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม ในเรื่องการปฏิบัติราชการหรือการดำเนินงานในหน้าที่ประจำของข้าราชการ พนักงาน หรือลูกจ้างของหน่วยราชการ หน่วยงานของรัฐ รัฐวิสาหกิจ กิจการที่รัฐถือหุ้นใหญ่ หรือราชการส่วนท้องถิ่น ประกอบกับอำนาจหน้าที่คณะกรรมการการเลือกตั้งตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2550 มาตรา 10 (11) กำหนดให้คณะกรรมการการเลือกตั้งมีอำนาจหน้าที่ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญในกรณีที่เห็นว่าความเป็นรัฐมนตรีของรัฐมนตรีคนใดคนหนึ่งสิ้นสุดลง
นายเรืองไกรกล่าวว่า ตนจึงขอใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญมาตรา 62 ร้องขอให้มีการตรวจสอบการกระทำของนายอภิสิทธิ์ ว่ามีพฤติการณ์หรือกระทำการอันต้องห้ามตามมาตรา 268 ประกอบมาตรา 266 (1) อันอาจจะมีผลให้สมาชิกภาพความเป็นนายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงตามความในรัฐธรรมนูญมาตรา 106 (6) หรือมาตรา 119 (5) หรือไม่ โดยขอให้กกต. ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานที่มีอำนาจหน้าที่ ได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่เพื่อพิจารณาส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยต่อไป