เอกชนไม่เชื่อมั่นผลงานรอบ 6 เดือนของรบ.

เอกชนไม่เชื่อมั่นผลงานรอบ 6 เดือนของรบ.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
วันนี้(4 ส.ค.) นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจผู้ประกอบการทั่วประเทศ 800 ตัวอย่างเกี่ยวกับทัศนะของผู้ประกอบการต่อผลงานด้านเศรษฐกิจรัฐบาลช่วง 6 เดือนว่า ภาคธุรกิจส่วนใหญ่ยังไม่เชื่อมั่นต่อมาตรการเศรษฐกิจของรัฐบาล โดยผลงานในรอบ 6 เดือนมองว่าสามารถแก้ปัญหาได้ในระดับปานกลางที่ 54.9% สำเร็จน้อย 34.2% และไม่สำเร็จเลย 10.8% เนื่องจากเศรษฐกิจแย่เกินกว่าแก้ไขได้โดยเร็ว และมองว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจยังไม่เป็นผล รวมถึงมาตรการไม่ดี ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ

ทั้งนี้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรกผ่านงบ 1 แสนล้านบาทที่ได้ผลน้อย ได้แก่ การขึ้นภาษีน้ำมันสรรพสามิต การออกพรก.และ พรบ. เงินกู้ 800,000 ล้านบาท การให้สินเชื่อผ่านธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม เบี้ยยังชีพคนชรา โครงการธงฟ้าลดค่าครองชีพ ส่วนมาตรการที่ได้ผลดี ได้แก่ เรียนฟรี 15 ปี ต้นกล้าอาชีพ โครงการชุมชนพอเพียง นอกจากนี้ผู้ประกอบการกว่า 55.3% ยังไม่แน่ใจต่อการเร่งเบิกจ่ายงบของรัฐ และอีก 42.4% มองว่าการเบิกจ่ายทำได้ล่าช้า มีเพียง 2.4% ที่เห็นว่าดีแล้ว ส่งผลให้ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา ภาคธุรกิจยังต้องเผชิญกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจ กำลังซื้อลดลง ปัญหาสินเชื่อ ต้นทุนการผลิต การควบคุมราคาสินค้า น้ำมันแพง

ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจครึ่งปีหลัง ภาคเอกชนเชื่อว่าเศรษฐกิจจะแย่ลง 44.6% เหมือนเดิม 26.5% ดีขึ้น 27.7% ทำให้ผู้ประกอบการ 86.7% ยังไม่มีความมั่นใจที่จะลงทุนหรือขยายตลาดเพิ่ม และอีก 84.3% ไม่แน่ใจที่จะขอสินเชื่อเพื่อเพิ่มการดำเนินงานใหม่ เพราะยังกังวลต่อปัญหาการชะลอตัวเศรษฐกิจมากสุด รองลงมาคือความไม่แน่นอนทางการเมือง กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลง และปัญหาการขอสินเชื่อสภาพคล่องทางธุรกิจ

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสอง ผ่านการพ.ร.ก.กู้เงิน 4 แสนล้านบาท ที่ไม่ชัดเจน เป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้ภาคเอกชนลังเลใจขยายการลงทุนเพิ่ม แต่สิ่งที่รัฐบาลทำสำเร็จในการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบแรกคือ ปัญหาแรงงานและเช็คช่วยชาติ จากเดิมที่คาดการณ์ว่าครึ่งปีแรกจะว่างงานถึง 1 ล้านคน แต่ขณะนี้อยู่ที่ 6 แสนคนเท่านั้น ส่วนมาตรการที่รัฐบาลสอบตกชัดเจนคือการขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันได้คะแนน 2.7 จากเต็ม 10 คะแนน เพราะเป็นผลักภาระการขึ้นภาษีสรรพสามิตน้ำมันที่เพิ่มขึ้น 2 บาท ให้ประชาชนจ่ายเต็ม แทนที่จะให้กองทุนน้ำมันช่วยเหลือ นายธนวรรธน์ กล่าว

นายธนวรรธน์ กล่าวว่า การให้คะแนนภาพรวมของการบริหารประเทศช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลจะสอบผ่านเฉียดฉิว ได้คะแนนความพอใจ 6.6 คะแนน และความสำเร็จ 6.4 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 หรือได้เกรดซีบวก แต่ด้วยปัญหาเศรษฐกิจที่รุมเร้าหนักทั้งเศรษฐกิจโลกยังไม่มีสัญญาณฟื้นตัว ความไม่แน่นอนจากปัญหาการเมือง และการแพร่ระบาดไข้หวัดใหญ่ 2009 ทำให้สัญญาณเศรษฐกิจภายในประเทศไม่มีสัญญาณฟื้นชัดเจน ส่งผลให้ผู้ประกอบการยังลังเลใจที่จะลงทุนเพิ่ม โดยคาดว่าเศรษฐกิจไทยจะเริ่มได้ในไตรมาสสี่ปี 52 ถึงไตรมาสหนึ่ง ปี 53.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook