มหามกุฎฯแฉแก๊งตุ๋นสร้างหนังพระไตรปิฎกไถเงินบริจาค

มหามกุฎฯแฉแก๊งตุ๋นสร้างหนังพระไตรปิฎกไถเงินบริจาค

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ที่หอประชุมมหาวิทยาลัยมหามกุฎราชวิทยาลัย (มมร.) วัดบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพน นายสงกรานต์ อัจฉริยทรัพย์ โฆษกฝ่ายกฎหมายมหามกุฏฯ เปิดเผยข้อเท็จจริงคดีจัดสร้าง ภาพยนตร์ พระไตรปิฎก ว่า ตามที่มหามกุฏฯ ได้เข้าร้องทุกข์ต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ เกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่ชอบมาพากลของกลุ่มผู้จัดสร้างภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวนั้น กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้สร้างความเสียหายต่อมมร.เป็นอย่างมาก เนื่องจากมีการนำชื่อของมมร.ไปขอรับบริจาคจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนเป็นจำนวนมาก โดยที่มหามกุฏฯ ไม่ได้อนุญาตและมีส่วนรู้เห็นด้วย รวมทั้งมีการนำมีการนำพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และตราสัญลักษณ์ฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ไปใช้ในการโฆษณาชวนเชื่อ เพื่อขอรับบริจาค ซึ่งทางสำนักราชเลขาธิการ ได้ทำหนังสือแจ้งมายังดีเอสไอว่า บริษัทผู้จัดสร้างภาพยนตร์พระไตรปิฎก ไม่ได้มีการขอพระบรมราชานุญาตนำพระบรมฉายาลักษณ์ และตราสัญลักษณ์ดังกล่าว แต่อย่างใด นายสงกรานต์ กล่าวต่อไปว่า ทาง มมร.ได้ยังสืบข้อมูลเกี่ยวกับ บริษัทผลิตภาพยนตร์ พบว่า สำนักงานที่ได้จดทะเบียนกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เลขที่ 555 ถ.นวมินทร์ 28 แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ เป็นบ้านร้างมีสภาพทรุดโทรมนอกจากนี้ มหามกุฏฯ ยังได้รับการร้องเรียนจากผู้เสียหายเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะผู้ที่เคยบริจาคเงินจัดสร้าง ภาพยนตร์พระไตร ปิฎก รายละมา 50,000-100,000 บาท ซึ่งรวมมูลค่าแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท โดยที่เงินบริจาคไม่ได้เข้ามายังมหามกุฏฯ แต่อย่างใด จากการรวบหลักฐานเอกสารที่หน่วยงานราชการ และภาคเอกชน ส่งมาให้มมร. พบว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวได้ทำหนังสือขอรับบริจาคไปตามหน่วยงานต่างๆ อาทิ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จำนวน 1,570 ล้านบาท ที่สำคัญมีการของบกลางจากรัฐบาลปีละ 99 ล้านบาทผูกพันเป็นเวลา 5 ปี ด้วย อย่างไรก็ตาม มหามกุฏฯ จะดำเนินการกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งที่เป็นคนใน และกลุ่มบุคคลให้ถึงที่สุดทั้งคดีอาญา และคดีแพ่งโ ฆษกฝ่ายกฎหมายมหามกุฏฯ กล่าว นายสงกรานต์ กล่าวต่อว่า กลุ่มบุคคลดังกล่าวยังได้นำเรื่องการสร้างภาพยนตร์พระไตรปิฎก เชื่อมโยงการขอรับบริจาคกับ โครงการเชิญชวนเช่าบูชาวัตถุมงคลพุทธโสธร รุ่นเจริญสุข ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) โดยได้แอบอ้างชื่อขอมหามกุฏฯ เข้าไปเกี่ยวข้อง ดังนั้น มหามกุฏฯ จะประสานทางดีเอสไอให้ช่วยตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้บริหารสกสค. รมทั้งกลุ่มบุคคลที่เกี่ยวข้องด้วย เพื่อสอบสวนหาผู้กระทำผิด ในขณะเดียวกัน มหามกุฏฯ ได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด เพื่อสอบสวนข้อเท็จจริงบุคคลภายในที่เกี่ยวข้องกับ การจัดสร้างภาพยนตร์พระไตรปิฎกและการเช่าวัตถุมงคลสกสค. ซึ่งคาดว่า จะสรุปผลได้ภายใน 3 วัน หากพบว่า บุคคลภายในเกี่ยวข้อง จะดำเนินการดังนี้ 1.ว่ากล่าวตักเตือน 2.ภาคทัณฑ์ 3.ลดขั้น 4.ปลดออก และ5.ไล่ออก และหากผิดทางอาญาจะฟ้องร้องต่อดีเอสไอต่อไป มหามกุฏฯ ได้ตรวจสอบกระบวนการจัดสร้างภาพยนตร์พระไตรปิฎก พบว่า มีนักการเมือง ข้าราชการ ผู้มีอิทธิพลเข้ามาเกี่ยวข้องเป็นจำนวนมาก ที่สำคัญจากการตรวจสอบสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์ กลับพบว่า ไม่มีการจัดสร้างโรงถ่ายตามที่ได้โฆษณาแต่อย่างใด มีเพียงการถ่ายทำตามสถานที่ต่างๆเท่านั้น และยังพบว่า การทำสัญญาจ้างนักแสดง กลุ่มบุคคลยัง อ้างชื่อมหามกุฏฯ และทำเอกสารกับนักแสดง โดยไม่มีการขออนุญาต ผมจึงอยากแจ้งผู้เสียหายว่า หากมีหลักฐานต่างให้นำไปมอบให้แก่ดีเอสไอ เพื่อเป็นประโยชน์ในการดำเนินคดีต่อไป นายสงกรานต์ กล่าว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook