ผู้ส่งออกข้าวโวยอัดมีคนของรัฐปูดสารแคดเมียม

ผู้ส่งออกข้าวโวยอัดมีคนของรัฐปูดสารแคดเมียม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
บิ๊ก เกษตรฯ ยั๊วะที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ ทำเหตุปล่อยข่าวสารปนเปื้อนในข้าวส่งออกญี่ปุ่น ด้านผู้ส่งออกข้าวอัดรัฐปูดข่าวสารแคดเมียมปนเปื้อน ทำตลาดส่งออกเสียหาย หวั่นถูกกฎเหล็กคุมส่งออก ส่วนพาณิชย์จี้มาร์ค เป็นเจ้าภาพลงแก้ปัญหา ขณะที่ นอภ.แม่ สอด ยันไม่มีข้าวปนเปื้อน แคดเมียม ไปจำหน่ายต่างจังหวัด ตามที่เป็นข่าว ชี้ในพื้นที่ยังต้องซื้อข้าวจาก สุโขทัย-พม่ามาบริโภค ระบุพบแคดเมียมปริมาณ 0.4 มิลลิกรัมต่อ กก.ถือว่าน้อยมาก

จากกรณี นายธนพร ศรียากูล ที่ปรึกษารมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เก็บตัวอย่างข้าวหอมมะลิ ข้าวเหนียว และข้าวเปลือกที่เพาะปลูกในพื้นที่ ต.แม่ตาว อ.แม่สอด จ.ตาก ส่งไปตรวจสอบเพื่อหาสารปนเปื้อน ในบริษัทห้องปฏิบัติการกลาง (ไทย) โดยผลตรวจสอบพบว่า มีสารแคดเมียมปนเปื้อนอยู่ในผลผลิตข้าวถึง 0.48-0.571 มิลลิกรัม ซึ่งถือว่าสูง กว่ามาตรฐานกำหนด ที่จะให้มีการปนเปื้อนไม่เกิน 0.2 มิลลิกรัม ถ้าจะนำข้าวมาบริโภคจะเกิดความเสี่ยงต่อโรคอิไตอิไต ทำให้เกิดอาการ ปวดกระดูก และกรวยไตอักเสบ รวมทั้งส่งผลกระทบภาพลักษณ์ และชื่อเสียงของข้าวไทยตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้เมื่อวันที่ 4 ส.ค. นายธนพร ศรียากูล ที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ กล่าวว่า การเปิดเผยข้อมูลสารแคดเมียมปนเปื้อนข้าว เพื่อต้องการนำไปสู่การแก้ปัญหาที่ซุกไว้ใต้พรมมานานให้ลุล่วงโดยเร็ว ซึ่งพอผลตรวจสอบจากบริษัทห้องปฏิบัติการกลาง (ประเทศไทย) เมื่อวันที่ 30 ก.ค. 52 จึงรีบนำข้อมูลเผยแพร่ โดยไม่มีเจตนาที่จะทำให้กระทบต่อราคาข้าวและไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องต่อธุรกิจข้าว ที่จริงราคาข้าวขึ้นหรือลงน่าจะมาจากสาเหตุอื่นมากกว่าเรื่องนี้ และถ้าราคาลงก็น่าจะเป็นระยะสั้น แต่ระยะยาวน่าจะเป็นผลดีต่อประเทศ เพราะ หากรอให้ต่างชาติตรวจเจอก่อน คงจะกระทบต่อภาพลักษณ์และการส่งออกไทยสูงกว่ามาก และขณะนี้กระทรวงพาณิชย์ จะทำหนังสือเสนอนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ให้เข้ามาดูแลแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น

ด้าน นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยถึงกรณีที่กระทรวงพาณิชย์ออกมาราข้าวไทยมีปัญหาสารแคดเมียมปนเปื้อนว่า แม้ว่ายังไม่มีผลกระทบ ต่อการส่งออกข้าว แต่เชื่อว่าเร็ว ๆ นี้ ต่างประเทศน่าจะเพิ่มการตรวจสอบการนำเข้าข้าวจากไทย โดยเฉพาะจากสหรัฐ และยุโรปที่จะมีความกังวลในส่วนของข้าวหอมมะลิ และญี่ปุ่นในส่วนข้าวเหนียว เพราะประเทศเหล่านี้มีความเป็นห่วงในเรื่องปัญหาสารตกค้างเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

ขณะที่แหล่งข่าวระดับสูงจากกระทรวงเกษตรฯเปิดเผยว่า เรื่องที่เกิดขึ้นในส่วนของ กระทรวงเกษตรฯ เบื้องต้นได้สั่งให้ทางกรมการข้าวเข้าไปดำเนินการตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ซึ่งก็พบว่า ข้าวที่ระบุว่ามีสารปนเปื้อนมีการควบคุมอยู่ในพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่มีเหมืองถ่านหิน โดยก่อนหน้านี้ทางภาครัฐได้เข้าไปดำเนินการตรวจสอบและขอให้ชาวบ้านที่ทำนาข้าวบริเวณดังกล่าว ให้ยกเลิกการทำนาโดยเด็ดขาด พร้อมได้มีการจ่ายค่าชดเชย และห้ามนำข้าวออกนอกพื้นที่ เพราะเกรงว่าจะเกิดผลเสียต่อข้าวที่ส่งออก

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ทางกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์ก็มีความเป็นห่วงเรื่องข้าวที่ผลิตใกล้บริเวณเหมืองถ่านหินอาจจะมีการปนเปื้อน และขอร้องให้ชาวบ้านหยุดการผลิต แต่ก็มีบางส่วนที่ยืนยันว่าจะมีการปลูกข้าวในพื้นที่ดังกล่าว เพื่อใช้ในการบริโภค ซึ่งทางรัฐได้แจ้งให้ทราบเรื่องผลกระทบต่อสุขภาพและยืนยันว่าจะไม่มีการนำข้าวไปจำหน่ายโดยเด็ดขาด ทั้งนี้กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้นำตัวแทนจากประเทศญี่ปุ่นที่มีการนำเข้าข้าวไปดูถึงการบริหารจัดการและการควบคุมทางญี่ปุ่นก็เข้าใจ

ปัญหาที่เกิดขึ้น ตนไม่ทราบว่าที่ปรึกษา รมว.พาณิชย์ คิดอย่างไร ถึงไปเอาข้าวที่อยู่ใน ยุ้งฉางของชาวบ้านที่ไม่เคยนำออกนอกพื้นที่มาตรวจสอบและมีการแถลงข่าว เรื่องดังกล่าวถือว่ามีผลเสียต่อการส่งออกของไทย ทั้งที่ประเทศไทยพยายามชี้แจงกับต่างประเทศมาตลอด และเน้นย้ำเรื่องมาตรฐานการปลูกข้าวมาตลอด กระทรวงพาณิชย์ที่เป็นต้นเหตุของปัญหาจะต้องเป็นผู้ชี้แจง กระทรวงเกษตรฯได้ทำหน้าที่ของตนเองแล้ว ผมไม่ทราบว่าที่ปรึกษา รมว. พาณิชย์ ต้องการอะไรทั้งที่เราพยายามจะเคลียร์กับัวแทนของประเทศญี่ปุ่นแล้ว ทางญี่ปุ่นมีความพยายาม ที่จะนำเข้าข้าวจากประเทศไทยให้น้อยที่สุด ไทยพยายามที่จะเปิดตลาดใน ประเทศญี่ปุ่น ตนได้ชี้แจงเรื่องมาตรการการปลูกข้าวและลงพื้นที่จริง เมื่อเคลียร์แล้วทำไมสร้างปัญหาอีก หรือว่าคิดว่าอยู่กระทรวงทรัพยากรฯ ที่จะดูสารปนเปื้อน

ด้าน นายกิตติศักดิ์ โตมรศักดิ์ นอภ.แม่สอด จ.ตาก กล่าวชี้แจงถึงกรณีมีข่าวว่าพบข้าวที่นำออกไปจำหน่ายในต่างจังหวัด-กรุงเทพฯและต่างประเทศ ปนเปื้อนสารแคดเมียม มาจากแหล่งพื้นที่ปลูกที่ ต.แม่ตาว อ.แม่สอด 70,000-100,000 ตัน ยืนยันว่า ไม่มีข้าวปนเปื้อนสารแคดเมียมจากพื้นที่ ต.แม่ตาว ต.พระธาตุผาแดง ต.แม่กุ ไปจำหน่ายในต่างพื้นที่อย่างแน่นอน ข่าวที่ออกไปนั้นเชื่อว่ายังไม่ได้มีการตรวจสอบก่อนการให้ข่าว เนื่องจากข้อเท็จจริงแล้วในพื้นที่มีพื้นที่เพาะปลูกทำการเกษตรทุกชนิด 13,237 ไร่ เป็นพื้นที่ปลูกข้าว ปี 2551-2552 จำนวน 4,771 ไร่ ผลผลิตประมาณ 1,500 ตัน และเป็นพื้นที่สำรวจพบสารปนเปื้อนแคดเมียมเพียง 1,583 ไร่

จากการสำรวจพบข้าวปนเปื้อนเกินปริมาณ 0.4 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม จำนวน 585 ตัน จาก 3 ตำบล ซึ่งจำนวนนี้บริษัทแม่สอดพลังงานสะอาด จำกัด ที่ดำเนินการให้เกษตรกรปลูก อ้อยผลิตเอทานอล ได้ซื้อไปเพื่อทำลายจำนวน 59 ตัน และส่วนที่เหลือนั้นประชาชนที่ปลูกได้นำไปบริโภคเอง และอีกประการหนึ่งที่ผ่านมาเกษตรกรทำนาข้าวได้ผลผลิตน้อยเนื่องจากเกิดปัญหาแมลงปั้วลงกัดกิน ในปีนี้ประชาชนในพื้นที่ได้บริโภคข้าวสารที่ซื้อนำเข้าจาก จ.สุโขทัย และจากประเทศพม่า เนื่องจากข้าวมีปริมาณไม่พอบริโภคในพื้นที่ จึงต้องสั่งซื้อจากต่างพื้นที่ ซึ่งไม่ตรงกับข่าวที่ออกไป โดยอาจจะส่งผลกระทบ ต่อการส่งออกไปต่างประเทศ เกี่ยวกับปัญหาโรคกรวยไตอักเสบหรืออิไตอิไต.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook