ฎีกาตัดสินคุก7ปี6เดือน ส.ต.อ.สน.ดินแดงยิงผู้บังคับบัญชาดับ

ฎีกาตัดสินคุก7ปี6เดือน ส.ต.อ.สน.ดินแดงยิงผู้บังคับบัญชาดับ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เมื่อวันที่ 5 ส.ค. ที่ห้องพิจารณาคดี 902 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาของศาลฎีกา ในคดีหมายเลขดำที่ 3117/2547 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง ส.ต.อ.อิทธิวัฐ กำแพงเพชร อายุ 41 ปี อดีต ผบ.หมู่ฝ่ายสืบสวน สน.ดินแดง เป็นจำเลย ในความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา

คดีนี้โจทก์ฟ้องเมื่อวันที่ 21 ก.ย.47 สรุปว่า เมื่อวันที่ 5 ก.ค.47 เวลากลางวัน จำเลยมีเจตนาฆ่า โดยใช้อาวุธปืนพก ขนาด 11 ม.ม. หมายเลขทะเบียน กพ 4/12507 ยิง ร.ต.อ.สุรวุฒิ สุดตา อายุ 34 ปี รอง สว.สส.สนดินแดง ที่ท้ายทอยทะลุหน้าผาก 1 นัด จนถึงแก่ความตายสมดังเจตนาของจำเลย เหตุเกิดที่ หน้าห้องสืบสวน สน.ดินแดง แขวงและเขตดินแดง กทม. ขอให้ลงโทษตาม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288

คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ให้จำคุก 20 ปี จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 10 ปี ส่วนชั้นอุทธรณ์ ศาลพิพากษายืนตามศาลชั้นต้น จำเลยยื่นฎีกา

ศาลฎีกาประชุมตรวจสำนวน ปรึกษาหารือแล้ว มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยว่า ที่ว่าไม่มีเจตนาฆ่า และอ้างเป็นเหตุบันดาลโทสะหรือไม่ โจทก์มีพยานที่เห็นเหตุการณ์เบิกความว่า ระหว่างที่ ร.ต.อ.สุรวุฒิ เดินออกไปยืนที่หน้าห้องสืบสวน สน.ดินแดง เห็นจำเลยเดินทางมาทางด้านข้างก่อนใช้ปืนยิงในระยะ 1 เมตร จำนวน 1 นัด ก่อนวิ่งหลบหนีไป โดยจำเลยนำสืบต่อสู้ว่ามีเหตุบันดาลโทสะ ศาลเห็นว่าจากพฤติการณ์ที่จำเลยใช้ปืนยิงในระยะ 1 เมตร ถูกที่ศีรษะเช่นนี้ โดยที่จำเลยผ่านการฝึกฝนใช้อาวุธมาเป็นอย่างดี แม้จะยิงเพียงนัดเดียวแต่ทำให้ถึงแก่ความตายได้ จำเลยจึงมีเจตนาฆ่า

ส่วนที่จำเลยต่อสู้ว่าเป็นเหตุบันดาลโทสะ เนื่องจากจำเลยไปกู้ยืมเงินนอกระบบมาให้แก่ผู้ตาย เมื่อจำเลยไปทวงถามให้ชำระหนี้สิน กลับถูกต่อว่าด้วยถ้อยคำรุนแรงนั้นเป็นเหตุให้จำเลยโกรธทำให้บันดาลโทสวะนั้น เห็นว่า แม้ผู้ตายจะด่าทอด้วยถ้อยคำที่ก้าวร้าวอยู่บ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับร้ายแรงขั้นที่จำเลยต้องกระทำการเช่นนี้

จำเลย ฎีกาด้วยว่า ระหว่างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้น ปฏิบัติหน้าที่สืบสวนคดีมาด้วยดีโดยตลอด เคยได้รับใบประกาศชมเชยจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล ประกอบกับจำเลยมีข้าราชการตำรวจ สน.ดินแดง เบิกความว่า ปกติจำเลยเป็นคนที่มีอุปนิสัยดี เป็นที่รักขอเพื่อนร่วมงาน ก่อนเกิดเหตุ ผู้ตายและจำเลยเป็นคู่หูทำงานร่วมกันด้วยความสนิทสนม เชื่อว่าการที่จำเลยก่อเหตุเกิดจากความโกรธ ฎีกาในข้อนี้ของจำเลยฟังขึ้น เห็นควรลงโทษให้เหมาะสมกับความผิดของจำเลย

จึงพิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ให้จำคุกเป็นเวลา 15 ปี จำเลยให้การรับสารภาพมีเหตุบรรเทาโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยเป็นเวลา 7 ปี 6 เดือน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังศาลฎีกามีคำพิพากษา ส.ต.อ.อิทธิวัฐ ได้ยิ้มด้วยความดีใจ พร้อมหันไปกอดและหอมภรรยา ก่อนที่เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จะควบคุมตัวจำเลยไปขังไว้ที่เรือนจำกลางคลองเปรมต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook