หญิงหน่อยติดหวัด09 เผยหาหมอช้าถึงตาย ดับเพิ่ม 16 รวม 81 ราย จีนคุมเข้มคนติดกาฬโรคปอด ไทยสกัดชายแดน

หญิงหน่อยติดหวัด09 เผยหาหมอช้าถึงตาย ดับเพิ่ม 16 รวม 81 ราย จีนคุมเข้มคนติดกาฬโรคปอด ไทยสกัดชายแดน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ยอดล่าสุดหวัด09 คร่าชีวิตคนไทยเพิ่มอีก 16 ราย สาเหตุมารักษา-หาหมอช้า รวมตายสะสม 81 ราย มีคนป่วยทั่วปท.ประมาณ 5 แสนราย ห่วงระลอก 2 ปีหน้าหนักกว่า จีนคุมเข้ม 5 คนติดกาฬโรคปอด กรมควบคุมโรควางมาตรการสกัดชายแดน หวัด09 ตายเพิ่ม16รายยอดรวม81 นพ.ไพจิตร์ วราชิต รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข แถลงสถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 หรือไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ประจำรอบสัปดาห์ เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 5 สิงหาคม ว่า ระหว่างวันที่ 29 กรกฎาคม-วันที่ 4 สิงหาคมที่ผ่านมา มีผู้ป่วยเสียชีวิต 16 ราย ลดลงจากสัปดาห์ก่อนที่มีผู้เสียชีวิต 21 ราย ยอดผู้ป่วยเสียชีวิตสะสมทั้งสิ้น 81 ราย ในจำนวนผู้เสียชีวิตทั้ง 16 รายนั้น เป็นชาย 9 ราย หญิง 7 ราย ในจำนวนนี้เป็นหญิงตั้งครรภ์ 1 ราย และพบว่าร้อยละ 75 ผู้เสียชีวิต หรือผู้เสียชีวิต 12 ราย มีโรคประจำตัว โดยเป็นโรคอ้วนมากที่สุด รองลงมาคือ เบาหวาน หอบหืด สูบบุหรี่จัด หัวใจพิการแต่กำเนิด และผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่รักษาในโรงพยาบาลมาแล้ว 2 สัปดาห์ รวมทั้งไปรับการรักษาช้า เฉลี่ยหลังจากป่วยแล้ว 5-6 วัน ทำให้อาการหนักและการรักษาด้วยยาต้านไวรัสไม่ได้ผล

จำนวนผู้เสียชีวิตที่ลดลง เป็นผลมาจากประชาชนตื่นตัวและเข้าใจเกี่ยวกับโรคนี้ดีขึ้น รวมทั้งเข้าถึงยาต้านไวรัสที่ สธ.กระจายไปถึงระดับคลีนิคทั่วประเทศนพ.ไพจิตร์กล่าว และว่า แนวโน้มการติดเชื้อในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลลดลง แต่เริ่มมีเพิ่มขึ้นในระดับชนบท ยังพบว่ากลุ่มนักเรียนอายุ 6-10 ปี และอายุ 11-20 ปี มีแนวโน้มลดลง แสดงให้เห็นว่ามาตรการคัดกรองผู้ป่วยในโรงเรียนเริ่มใช้ได้ผล แต่กลับเริ่มพบว่าในกลุ่มรับจ้างอิสระ ธุรกิจย่อย เกษตรกร มีอัตราการป่วยเพิ่มขึ้น

นพ.ไพจิตร์กล่าวว่า ดังนั้น จำเป็นต้องใช้มาตรการให้พนักงานหยุดงานเมื่อป่วยโดยไม่นับเป็นวันลาอย่างจริงจัง ส่วนในกลุ่มโรงงานอัตราการป่วยยังไม่สูง คาดว่า ขณะนี้จำนวนผู้ป่วยทั้งประเทศประมาณ 350,000-500,000 ราย ลุยต่อยุทธศาสตร์2ลด3เร่ง ลดติดเชื้อ-เสียชีวิต

สำหรับยุทธศาสตร์และมาตรการที่กระทรวงฯ จะดำเนินการต่อไป ยังคงเน้นหนักเรื่อง 2 ลด 3 เร่ง ได้แก่ 1.ลดการเสียชีวิตให้ได้มากที่สุด โดยเน้นให้ผู้ป่วยเข้าถึงยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์อย่างรวดเร็ว 2.ลดการติดเชื้อและการป่วยให้มากที่สุด โดยกระตุ้นให้ประชาชนมีพฤติกรรมที่ถูกต้อง ในการป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อ และไม่แพร่เชื้อสู่คนอื่นขณะป่วย เช่น ล้างมือบ่อย ๆ ใช้หน้ากากอนามัย 3.เร่งให้ อสม. กว่า 980,000 คนทั่วประเทศ ออกให้คำแนะนำและค้นหาผู้ป่วยในหมู่บ้านและชุมชนเป็นประจำ 4.เร่งการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนสามารถป้องกันตนเองได้อย่างถูกต้อง โดยร่วมมือเป็นเครือข่ายกับหน่วยงานต่าง ๆ เช่น สสส. สปสช. และ 5.เร่งกระจายการบริหารจัดการสู่ระดับจังหวัด โดยรัฐบาลและ สธ.มอบหมายให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้ตรวจราชการ สธ.ติดตาม กำกับ ให้มีการปฏิบัติตามอย่างจริงจัง

ทั้งนี้ ขอความร่วมมือประชาชนทุกคน ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของกระทรวงฯ อย่างเคร่งครัด โดยผู้ที่ยังไม่ป่วย ควรรักษาร่างกายให้แข็งแรง ด้วยการออกกำลังกายสม่ำเสมอ กินอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ ล้างมือด้วยสบู่บ่อย ๆ หากไปในที่ชุมนุมชนหนาแน่น ให้ใส่หน้ากากอนามัยป้องกันการติดเชื้อ และหากมีอาการป่วยเป็นไข้หวัด กินยาลดไข้แล้วไม่ดีขึ้นภายใน 2 วันหลังป่วย ให้ไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลหรือคลินิกใกล้บ้านที่เข้าร่วมโครงการจ่ายยาต้านไวรัสของกระทรวงฯ ส่วนกลุ่มผู้ที่มีโรคประจำตัว หญิงตั้งครรภ์ คนอ้วน หากมีอาการป่วยไข้หวัด ขอให้รีบไปพบแพทย์ทันที ไม่ต้องรอรักษาที่บ้าน และหากมีข้อสงสัย สามารถติดต่อสอบถามเจ้าหน้าที่สาธารณสุขได้ทางสายด่วน 1422 ฟรีตลอด 24 ั่วโมง 200รพ.จ่ายยาวันละ3หมื่นราย

นพ.วิทิต อรรถเวชกุล ผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม (อภ.) กล่าวว่า ล่าสุด โรงพยาบาลรายงานการให้ยาต้านไวรัสโอเซลทามิเวียร์ประมาณ 200 กว่าแห่ง จากโรงพยาบาลทั้งหมด 1,030 แห่ง คิดเป็นร้อยละ 25 พบว่ามีการจ่ายยาให้ผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ยวันละ 30,000 ราย

นพ.วิทิตกล่าวถึงยาโอเซลทามิเวียร์ชนิดแคปซูลสำหรับเด็กว่า อภ.อยู่ระหว่างนำเข้าวัตถุดิบและแคปซูลขนาด 30 และ 45 มิลลิกรัม โดยนำไปผสมกับน้ำเชื่อมตามสูตรการรักษาเดิมที่มีอยู่แล้วตามน้ำหนักตัว เมื่อผลิตแล้วเสร็จจะเร่งขึ้นทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อใช้ในสถานการณ์ฉุกเฉิน คาดว่าจะกระจายยาได้ในสัปดาห์หน้า ซึ่งราคาจะถูกกว่ายาสำหรับผู้ใหญ่ ส่วนยาโอเซลทามิเวียร์สูตรน้ำ อภ.จะเร่งพัฒนาต่อไป

นพ.วิทิตกล่าวถึงความคืบหน้าในการผลิตวัคซีนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ว่า คาดว่าในวันที่ 16 สิงหาคมนี้ จะได้วัคซีนต้นแบบปริมาณ 5 มิลลิลิตร (ซีซี) ต่อขวด จากนั้นต้องผ่านกระบวนการทางห้องปฏิบัติการในการทดสอบทางคลีนิคและความปลอดภัย ก่อนจะนำไปทดลองกับอาสาสมัครในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้ ขณะเดียวกันอยู่ระหว่างขออนุญาตคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัยในคน สำหรับวัคซีนที่จะนำมาทอดลองในคนนั้น จะผลิตแบบ 1 ขวด ต่อ 1 คน

คาดระลอก2ปีหน้าหนักกว่า

ด้าน นพ.คำนวณ อึ้งชูศักดิ์ ผู้ทรงคุณวุฒิระดับ 10 กรมควบคุมโรค สธ. กล่าวว่า สิ่งที่ทุกคนควรปฏิบัติอย่างเคร่งครัดคือ ปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) หากป่วยแม้จะมีอาการเล็กน้อยก็ต้องหยุดอยู่บ้าน ซึ่งขณะนี้ยังทำได้น้อยมาก จึงขอให้คนไทยเตรียมตัวรับมือการระบาดของโรคนี้ต่อไปให้ดี เพราะโรคนี้จะอยู่กับไทยอีกหลายเดือน

ศ.เกียรติคุณ นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ ประธานคณะอนุกรรมการที่ปรึกษาทางวิชาการและยุทธศาสตร์ด้านการแพทย์และการสาธารณสุขระดับชาติ กล่าวว่าจนถึงขณะนี้สถานการณ์เริ่มดีขึ้น กว่าโรคนี้จะสงบทั้งประเทศคาดว่าประมาณเดือนตุลาคมนี้ จากนั้นต้นปี 2553 จะระบาดระลอก 2 และจะมีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้นกว่าการระบาดครั้งแรก

รศ. (พิเศษ) นพ.ทวี โชติพิทยสุนนท์ ผู้ทรงคุณวุฒิระดับ 11 กรมการแพทย์ สธ.กล่าวว่า ขณะนี้เชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่พบในประเทศไทย ยังไม่มีรายงานการดื้อยา แต่ขณะเดียวกันไทยกำลังมีการระบาดของไข้หวัดใหญ่ ชนิดเอ เอช 1 เอ็น 1 ซึ่งเป็นสายพันธุ์เก่าด้วยเช่นกัน ซึ่งพบว่าดื้อยาโอเซลทามิเวียร์แล้ว 100% แต่ยังสามารถใช้ยาซานามิเวียร์ได้ ดังนั้น ในผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง เมื่อยังไม่ทราบว่าเป็นสายพันธุ์ใหม่หรือเก่า แพทย์จึงจำเป็นต้องใช้ยาต้านไวรัสทั้งโอเซลทามิเวียร์ และซานามิเวียร์

บุรีรัมย์พบดญ.5เดือนโคม่า

นพ.สมพงษ์ จรุงจิตตานุสนธิ์ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดบุรีรัมย์ กล่าวว่า สถานการณ์ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ที่ จ.บุรีรัมย์ มีผู้ป่วยรักษาตัวโรงพยาบาลกว่า 20 ราย ในจำนวนนี้มีเด็กหญิงวัย 5 เดือนอาการน่าเป็นห่วง อยู่ในห้องไอซียู โรงพยาบาลศูนย์บุรีรัมย์กว่า 10 วันแล้ว

วันเดียวกันสำนักข่าวเอพีและเอเอฟพีรายงานว่า องค์การอนามัยโลก (ฮู) เผยตัวเลขยอดผู้เสียชีวิตจากไข้หวัดใหญ่ 2009 ทั่วโลกทะลุ 1,000 รายแล้ว ยอดรวมผู้เสียชีวิตนับตั้งแต่เกิดการระบาดเมื่อเดือนเมษายน อยู่ที่ 1,154 ราย ใน 168 ประเทศทั่วโลก ที่สหรัฐอเมริกาเพียงประเทศเดียวมีผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นถึงกว่า 300 คนในช่วงสัปดาห์ก่อน ส่วนที่เม็กซิโกเป็นประเทศแรกที่พบระบาดมีรายงานผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 1,000 รายภายในเวลาเพียง 5 วัน

จีนคุมเข้ม5คนติดกาฬโรคปอด

นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าร่วมประชุม ครม. ถึงการรับมือโรคกาฬโรคปอดที่กำลังระบาดอยู่ในสาธารณรัฐประชาชนจีนว่า ให้กรมควบคุมโรคติดตามการกระจายตัวในประเทศจีนแล้วรวมถึงการเฝ้าระวัง เบื้องต้นที่ได้รับรายงานมานั้นโรคนี้ค่อนข้างแพร่ระบาดยาก เพราะผู้ป่วยจะมีอาการชัดและถ้าไม่รักษาอย่างทันท่วงทีก็จะเสียชีวิตเร็วมาก ดังนั้นโอกาสแพร่ระบาดไปยังผู้อื่นยาก ขณะนี้ทางจีนเริ่มสะกัดการเดินทางและควบคุมตัวผู้ป่วยเบื้องต้นประมาณ 5 คนแล้ว

เมื่อถามว่า จะมีการเฝ้าระวังคนไทยที่ไปจีนหรือคนจีนที่มาไทยอย่างไร นายวิทยากล่าวว่า ขณะนี้เราติดตามใกล้ชิดก่อนว่าทางจีนเฝ้าระวังขนาดไหน รวมไปถึงรอสัญญาณจากองค์การอนามัยโลก (ฮู) ขณะนี้พบผู้ติดเชื้อในจีนแค่ 5 คนโดยยังไม่มีการแพร่ระบาดออกนอกประเทศจีน เมื่อถามว่า มีรายงานทางอินเตอร์เปคว่าการทาวาเป๊กจะช่วยฆ่าเชื้อไข้หวัดสายพันธุ์ใหม่ได้ นายวิทยากล่าวว่า ยังไม่มีการยืนยันทางการแพทย์

สธ.เตรียมยาพร้อมรักษาทั่วปท.

ที่โรงแรมท็อปแลน์ จ.พิษณุโลก น.พ.สมชัย นิจพานิช รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวภายหลังเป็นประธานประชุมวิชาการสาธารณสุขการป้องกันควบคุมโรคและส่งเสริมสุขภาพ ประจำปี 2552 ว่า โรคกาฬโรคปอดที่กำลังระบาดในประเทศจีนขณะนี้ทำให้ประเทศไทยต้องหามาตรการอย่างเข้มงวดอีกครั้งเพื่อป้องกันโรคดังกล่าว โดยตามแนวชายแดนต่างๆ ทางเจ้าหน้าที่จะเข้าไปตรวจสอบอย่างเคร่งครัด ทั้งตรวจพิสูจน์สัตว์ต่างๆ หากมีหมัด เห็บ มากก็จะกำจัด ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรค และต้องตรวจสอบเรือขนส่งสินค้าจากประเทศจีนอย่างเข้มงวด ส่วนมาตรการการรักษานั้น ขณะนี้กระทรวงสาธารณสุขเตรียมยาปฏิชีวนะที่รักษาโรคกาฬโรคปอดไว้แล้ว สามารถรองรับได้ทั้งประเทศ หากเกิดสถานการณ์จริง หญิงหน่อยติดหวัดพันธุ์ใหม่

แหล่งข่าวคนสนิทของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ล่าสุด คุณหญิงสุดารัตน์ป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เช่นกัน ขณะนี้พักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.บำรุงราษฎร์ และผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันว่าติดเชื้อดังกล่าว

ผลตรวจพบว่าคุณหญิงสุดารัตน์มีอาการไอ ไข้สูง หลอดลมอักเสบรุนแรง มีความผิดปกติที่ปอด คาดว่าจะติดเชื้อจากการไปทำบุญที่วัดแห่งหนึ่งเมื่อสัปดาห์ก่อน ประกอบกับช่วงที่ผ่านมา ทำงานหนักเพราะลงพื้นที่ช่วยสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) และสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) รณรงค์ป้องกันไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 ปกติคุณหญิงสุดารัตน์จะป้องกันตัวโดยพกเจลแอลกอฮอล์ล้างมือตลอดเวลา แต่ที่ติดเชื้ออาจเป็นเพราะทำงานหนักและไม่ค่อยได้พักผ่อน แหล่งข่าวคนสนิท กล่าว

ด้าน นายวิทยา แก้วภราดัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสขุ กล่าวว่า ไม่ทราบเรื่องคุณหญิงสุดารัตน์ป่วย โดยอาจจะสอบถามถึงประวัติการติดเชื้อว่าติดมาจากที่ใด ขอให้คุณหญิงดูแลสุขภาพให้ดี พักผ่อนให้สบาย อย่ากังวล ไม่กี่วันก็จะหายจากโรคนี้ได้ เพราะโรคไม่ได้รุนแรงอย่างที่คิด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook