กระหนํ่าขายมัน-ข้าวโพดนายทุน
ส่วนมันสำปะหลัง ได้ปรับเงื่อนไขจากเดิมให้ส่งออกเพียงอย่างเดียว เป็นสามารถซื้อเพื่อใช้ในประเทศได้ โดยมีมันสำปะหลังเส้นคงเหลือ 2.78 ล้านตัน แป้งมัน 8.18 แสนตัน ในจำนวนนี้จะกันไว้ 5 แสนตัน เพื่อขายให้กับผู้ประกอบการในประเทศ ส่วนที่เหลือจะเปิดขายเพื่อส่งออก ซึ่งคาดว่าจะสามารถขายได้เพราะตลาดมีความต้องการมาก ทั้งจากการซื้อขายแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) รวมไปถึงการขายเพื่อนำไปผลิตพลังงานทดแทน ซึ่งล่าสุดมีติดต่อขอซื้อแป้งมันเข้ามาแล้ว 2.8 แสนตัน
ทั้งมันสำปะหลังและข้าวโพดจะใช้ขั้นตอนคล้ายกัน โดยกำห1 วันใน 1 สัปดาห์ ให้ผู้ที่สนใจจะซื้อข้าวโพด และมันให้ยื่นเสนอราคาเข้ามาแบบเป็นการทั่วไป ใครที่สนใจก็เสนอราคาเข้ามา ใครเสนอราคาก่อน ก็จะได้คิวเจรจาต่อรองก่อน และถ้าได้ราคาตามเกณฑ์ที่กำหนดก็จะขายให้ เพื่อรีบระบายของออกให้หมด หลังจากการเปิดประมูล มีคนมาเสนอราคาซื้อไม่มาก และไม่ได้ราคาตามเกณฑ์ที่กำหนด
รายงานข่าวจากผู้ประกอบการค้าข้าวโพดแจ้งว่า การปรับเงื่อนไขให้สามารถซื้อเพื่อขายในประเทศ ถือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทผู้ผลิตอาหารสัตว์บางรายในประเทศ เพราะสาเหตุที่มีการชะลอระบายข้าวโพดมาตั้งแต่ เดือนก.พ. ทั้ง ๆ ที่ได้ราคาดี เนื่องจากมีผู้ประกอบการล็อบบี้ให้ปรับเงื่อนไขการขายจากส่งออกทั้งหมดมาเป็นเพื่อใช้ในประเทศ นอกจากนี้ กลุ่มเกษตรกรยังมีความกังวลว่า หากรัฐบาลเปิดระบายสินค้าเกษตรเพื่อใช้ในประเทศ จะเป็นการทำสินค้าเกษตรฤดูกาลใหม่ล้นตลาด และเผชิญปัญหาตกต่ำ
ทั้งนี้ในส่วนของการซื้อใช้ในประเทศนั้น รัฐจะกำหนดเงื่อนไขออกมาในภายหลังว่าใครมีคุณสมบัติที่จะเสนอซื้อได้บ้าง โดยเฉพาะในส่วนของโรงงานอุตสาหกรรม และจะไม่มีการจำกัดว่าจะต้องซื้อขั้นต่ำเท่าไร ใครจะเสนอซื้อเท่าไรก็ไงหมดก็ได้ หากคิดว่าให้ราคาดี และผ่านเกณฑ์ ราคาที่กำหนด
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้า ภายใน เปิดเผยว่า ผลการเปิดประมูลข้าวหอม มะลิ ชั้น 2 จากโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปี 2551/52 ปริมาณ 3 แสนตัน ผ่านอิงราคาซื้อขายล่วงหน้าในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (เอเฟต) เมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมาว่า มี ผู้ประกอบการค้าข้าว 45 ราย ยื่นซองเสนอซื้อข้าวแบบเสนอส่วนต่างราคา (เบสิส) โดยราคาส่วนต่างที่เสนอเพิ่มจากราคาซื้อขายล่วงหน้า มีตั้งแต่กก.ละ 0.50-1.50 บาท ส่วนราคาส่วนต่างที่เสนอลดมีตั้งแต่กก.ละ 2.50- 6.80 บาท ซึ่งจะเสนอให้คณะอนุกรรมการระบายข้าวที่มีนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ เป็นประธานพิจารณา
หลักเกณฑ์การขายนั้นจะอนุมัติขายให้ผู้เสนอส่วนต่างราคาดีที่สุด และเสนอคณะกรรม การระบายข้าว เห็นชอบต่อไป หลังจากนั้นจะให้ผู้ชนะการประมูลมาทำสัญญาและวางเงินค้ำประกัน 5% ของราคาข้าว