สถานทูตยุโรปทนไม่ไหว เตือนนักท่องเที่ยวระวังเดินเที่ยวสุวรรณภูมิ

สถานทูตยุโรปทนไม่ไหว เตือนนักท่องเที่ยวระวังเดินเที่ยวสุวรรณภูมิ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
สื่อตปท.แฉสุวรรณภูมิสุดฉาว ตบทรัพย์นักท่องเที่ยวต่างชาติ หลายรายถูกยัดข้อหาฉกสินค้าในร้านดิวตี้ ฟรี ก่อนถูกล่ามแสบหลอกให้จ่ายประกันตัว ขู่ไม่ยอมจะถูกไต่สวนหลายเดือน เผยเจอบ่อยจนสถานทูตยุโรปหลายแห่งทนไม่ไหวต้องเตือนนักท่องเที่ยวระวังตัวเดินสนามบินไทยแล้ว สำนักข่าวต่างประะเทศรายงานเมื่อวันที่ 7 ส.ค.ว่า ที่ผ่านมา นักท่องเที่ยวยุโรปต้องเผชิญกับอันตรายเสี่ยงจะตกเป็นผู้ต้องหาขโมยสินค้าในสนามบินสุวรรณภูมิ จนสถานการณ์ล่าสุดทำให้รัฐบาลตะวันตกหลายประเทศต้องออกโรงเตือนประชาชนให้ระมัดระวังตัวในเรื่องนี้ โดยเอพีระบุว่า ล่าสุด สถานทูตไอร์แลนด์ ได้ออกคำเตือนให้ชาวไอริชระมัดระวังอย่างที่สุดขณะเดินเที่ยวอยู่ในสนามบินสุวรรณภูมิ หลังจากทางการได้รับรายงานว่า มีนักท่องเที่ยวต่างชาติที่บริสุทธิ์ ถูกกล่าวหาว่า ขโมยของ และถูกขู่ให้จ่ายเงินค่าปรับจำนวนสูง อ้างว่าไม่เช่นนั้นคดีพวกเขาจะถูกไต่สวนเป็นเวลาหลายเดือน โดยคำเตือนดังกล่าวยังมีขึ้นหลังจากนักวิทยาศาสตร์ไอร์แลนด์ วัย 41 ปี รายหนึ่ง ที่เดินทางมาเมืองไทยเพื่อร่วมการประชุมสัมมนาเรื่องพันธุกรรมระหว่างประเทศ เจอข้อหาขโมยสินค้ายี่ห้อหนึ่ง เมื่อวันที่ 25 มิ.ย. รายงานระบุว่า ก่อนหน้านี้ อังกฤษและเดนมาร์กและอัพเดทคำเตือนเดินทางเที่ยวไทยทางเว็บไซต์สถานทูต เตือนว่าให้ระมัดระวังการเดินเที่ยวซื้อสินค้าในบริเวณเขตปลอดภาษี ซึ่งไม่มีเส้นแบ่งเขตที่ชัดเจน โดยนักท่องเที่ยวไม่ควรจะถือสินค้าที่ังไม่จ่ายเงินติดตัวไปกับพวกเขา ขณะที่รายงานบอกว่า ก่อนหน้านี้ นายสตีเฟ่น อินแกรม และนางซี หลิน สองสามีภรรยา ผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ได้ตกเป็นข่าวฉาวจากกรณีถูกกล่าวหาว่า ขโมยกระเป๋าหรูยี่ห้อGivenchyโดยคิง พาวเวอร์บริษัทเจ้าของร้านดิวตี้ ฟรี ได้จับภาพวงจรปิดอ้างว่า นางหลิน ได้ใช้มือล้วงกระเป๋าขณะที่กำลังชมสินค้ากระเป๋าสตางค์ แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยไม่พบว่า เธอขโมยสินค้าใด ๆ แต่กลับตัวเธอให้แก่ตำรวจ ขณะที่เจ้าหน้าที่คิง พาวเว่อร์ บอกว่า เขาไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นหลังจากนั้น เพราะเป็นเรื่องของตำรวจ รายงานระบุว่า นายสตีเฟ่นกล่าวให้สัมภาษณ์กับสื่ออังกฤษว่า เขาถูกสำนักงานตำรวจสนามบินสุวรรณภูมิสอบสวน และส่งตัวไปยังโรงพักใกล้เคียง โดยมีการยึดพาสปอร์ตและให้เขาจำคุกในห้องขังโรงพัก และวันต่อมาเขาได้แนะนำให้คุยกับล่ามชาวศรีลังการายหนึ่ง ชื่อนายโทนี่ ซึ่งบอกเขาว่า เขาจะต้องเตรียมเงินจ่ายค่าประกันตัวเพื่อให้คดีถูกถอนฟ้อง ไม่เช่นนั้นเขาจะถูกต้องดำเนินการไต่สวนเป็นเวลาหลายเดือน นายสตีเฟ่นกล่าวด้วยว่า ต่อมานายโทนี่พาเขาไปโรงแรมแห่งหนึ่ง แม้ว่าทั้งสองอยากจะไปสถานทูต แต่ก็ต้องอยู่โรงแรมแห่งนี้ เพราะถูกนายโทนี่ขู่ว่า พวกเขาจะไม่ได้ออกจากกรุงเทพ จนกว่าจะถึงวันที่ 1 พ.ค. อย่างไรก็ตาม จากการสอบสวนคดี นายตำรวจรายหนึ่งที่ดูแลคดีนี้บอกว่า คู่ภรรยาทั้งสองได้โอนเงินจำนวน 11,800 ดอลลาร์ หรือราว 4 แสนบาท ให้แก่นายโทนี่ เพื่อเป็นค่าประกันตัว และค่าดำเนินการช่วยเหลือของนายโทนี่ โทนี่เข้ามาเป็นล่ามให้เรา และเราไม่สามารถเข้าไปยุ่งสิ่งที่ล่ามตกลงกับผู้ต้องหาได้และว่า สามีภรรยาคู่นี้ ถูกปล่อยตัวไปเพราะตำรวจไม่มีหลักฐานเพียงพอที่จะตั้งข้อหานายตำรวจผู้นี้กล่าว รายงานระบุว่า กรณีของล่ามโทนี่ ยังเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวหญิงไอร์แลนด์รายหนึ่ง ซึ่งถูกจับกุมตัว ภายหลังถูกกล่าวหาว่าขโมยของมูลค่า 1,500 บาท โดยเรื่องราวของเธอไม่ต่างจากคู่สามีภรรยาดังกล่าว เธอถูกตำรวจนำไปพบกับนายโทนี่ พาไปโรงแรมกระจอกแห่งหนึ่งเพื่อเป็นที่พักเป็นเวลานับสัปดาห์ จนกระทั่งเธอต้องจ่ายเงินให้แก่นายโทนี่ เป็นจำนวน 7,400 หรือ 250,000 บาท ขณะที่รายงานบอกว่า เรื่องอื้อฉาวเหล่านี้ได้ถูกร้องเรียนไปยังหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษของไทยบางฉบับ จากผู้อ่านชาวตะวันตกรายหนึ่ง ชื่อนายไมค์ กิลแมน ซึ่งประนามว่า เรื่องอื้อฉาวเหล่านี้จะกลายเป็นตะปูตอกโลงศพสำหรับการท่องเที่ยวของไทย ทั้งนี้ เอพีรายงานด้วยว่า สนามบินสุวรรณภูมิซึ่งถูกสร้างขึ้นเมื่อปี 2549 ที่ผ่านมาเต็มไปด้วยเรื่องฉาวทุจริต ตั้งแต่แท็กซี่เถื่อน การขโมยสิ่งของสัมภาระผู้โดยสาร และทำให้เร็ว ๆ นี้ สนามบินแห่งนี้ต้องออกกฎห้ามพนักงานต้องสวมชุดเครื่องแบบที่ไม่มีกระเป๋ามาแล้ว
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook