ทหารกะเหรี่ยง แหกคุกกาญจน์

ทหารกะเหรี่ยง แหกคุกกาญจน์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
นายทหารกะเหรี่ยง ผู้ต้องหายาบ้าคนสำคัญกับคนไทยผู้ต้องหาฆ่าคนตาย แหกเรือนจำกาญจน์กลางดึก ระดมตร.ราชทัณฑ์ไล่ล่าตัว กรมราชทัณฑ์ส่งรองอธิบดีไปดูแล พร้อมสั่งสอบเหตุแหกคุก 3 ประเด็น แฉนักโทษแอบทำกุญแจปลอม-มีคนของเรือนจำรู้เห็นเป็นใจเปิดทางให้ หรือแอบซ่อนตัวอยู่ด้านล่าง เมื่อประตูเรือนจำปิดจึงฉวยโอกาสเผ่นหนี อธิบดีกรมคุกสั่งตั้งกรรมการสอบวินัยผู้คุมกราวรูด

เมื่อวันที่ 7 ส.ค.พล.ต.ต.เรวัช กลิ่นเกษร ผบก.ภ.จว.กาญจนบุรี รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่เรือนจำ จ.กาญจนบุรี ว่า มีผู้ต้องขังคดีอุกฉกรรจ์ 2 รายหลบหนีออกจากเรือนจำจังหวัดกาญจนบุรี หลังทราบเหตุดังกล่าว จึงสั่งการเจ้าหน้าที่ตำรวจทุกโรงพัก โดยเฉพาะที่อยู่เขตแนวชายแดนไทย-พม่าสกัดจับ เนื่องจาก 1 ใน 2 ผู้ต้องขัง เป็นนายทหารกะเหรี่ยง ดีเคบีเอ ชื่อนายซอ วินอ่อง อายุ 38 ปี สัญชาติพม่า ถูกคุมขังข้อหาค้ายาบ้า ส่วนอีก 1 ราย ชื่อนายเฉลิม หรือดำ พวงทอง อายุ 25 ปี อยู่บ้านเลขที่ 50/8 หมู่ 12 ต.ปากแพรก อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ถูกคุมขังข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา มีอาวุธปืนไว้ในครอบครองและลักทรัพย์

จากเหตุการณ์ผู้ต้องหาแหกห้องขังครั้งนี้ เรือนจำจ.กาญจนบุรี ไม่เปิดเผยถึงรายละเอียดการแหกเรือนจำของ 2 ผู้ต้องขังดังกล่าวแต่อย่างใด โดยบอกแต่เพียงว่าข้อมูลทั้งหมดต้องขอจากนายประทีป กันภัยเพื่อน ผู้บัญชาการเรือนจำกาญจนบุรี เพียงคนเดียวเท่านั้น แต่ไม่สามารถติดต่อได้

พล.ต.ต.เรวัช เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 09.30 น.ได้รับแจ้งจากเรือนจำ จ.กาญจนบุรี ว่ามีผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์หลบหนีออกจากเรือนจำจำนวน 2 คน จึงสั่งการตำรวจทุกโรงพักของกาญจนบุรี ตั้งด่านตรวจเพื่อสกัดการหลบหนีของผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย โดยเฉพาะในเขตพื้นที่ติดต่อกับแนวชายแดนไทย-พม่า สำหรับนายซอวินอ่อง ถูกเจ้าหน้าที่ศูนย์ปฏิบัติการต่อสู้เพื่อเอาชนะยาเสพติด (ศตศ.จ.กจ.) ล่อซื้อยาบ้าจำนวน 6,240 เม็ด ที่บ้านเช่า ซ.9 ต.ท่ามะขาม อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เหตุเกิดเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมา อยู่ระหว่างการฝากขัง เพื่อรอพิจารณาคดีของศาล ซึ่งทางพล.ต.ต.เรวัช สั่งกำชับทางเรือนจำแล้วว่าเป็นผู้ต้องหาคนสำคัญ ห้ามพลาดเด็ดขาด แต่ก็มาเกิดเหตุแหกคุกจนได้

ส่วนนายเฉลิม หรือดำ ถูกคุมขังข้อหาฆ่านายกิตติศักดิ์ ไม่ทราบนามสกุล เหตุเกิดเมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2551 อยู่ระหว่างฝากขัง เพื่อรอการพิจารณาคดีของศาลเช่นกัน ซึ่งจะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติมติดตามนักโทษทั้ง 2 คนมาดำเนินคดีให้เร็วที่สุด ส่วนจะมีเจ้าหน้าที่รู้เห็นเป็นใจการหลบหนีของผู้ต้องหาด้วยหรือไม่นั้น เจ้าหน้าที่จะสอบสวนต่อไป

รายงานข่าวแจ้งว่า ผู้ต้องขังทั้ง 2 คนหลบหนีออกจากเรือนจำเมื่อเวลาประมาณ 01.00 น. วันที่ 7 ส.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งภายในห้องขังดังกล่าวมีผู้ต้องหาที่ขังรวมกันประมาณ 10 คน ซึ่งนักโทษแต่ละคนถูกตีตรวนอย่างแน่นหนา และจากการตรวจสอบพบว่ากุญแจห้องขังถูกล็อกอยู่ตามปกติ ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังไม่สามารถหาข้อสรุปได้ว่าผู้ต้องหาทั้ง 2 คนหลบหนีออกจากเรือนจำได้อย่างไร

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังนายประทีป กันภัยเพื่อน ผบ.เรือนจำกาญจนบุรี รายงานด่วนไปยังกรมราชทัณฑ์ นายนัทธี จิตสว่าง อธิบดีกรมราชทัณฑ์ จึงมอบหมายให้ นายธนพัฒน์ จันทรปรรณิก รองอธิบดีฝ่าย ปฏิบัติการ ลงพื้นที่ตรวจสอบสาเหตุของการแหกเรือนจำดังกล่าว ในเบื้องต้นเรือนจำได้ตั้งเป้าสอบสวนสาเหตุของการแหกเรือนจำไว้ 3 ประเด็น คือ 1 นักโทษแอบทำกุญแจปลอมมาใช้ไขเปิดประตูเรือนนอนหลบหนี 2 มีคนของเรือนจำรู้เห็นเป็นใจเปิดทางให้หลบหนี และ 3 นักโทษไม่ขึ้นเรือนนอนในเวลา 15.00 น. แต่แอบซ่อนตัวอยู่ด้านล่าง เมื่อประตูเรือนจำปิดจึงฉวยโอกาสหลบหนี ซึ่งเรือนจำจะต้องสอบปากคำผู้ต้องขังร่วมแดนคุมขังที่อาจจะรู้เห็นเหตุการณ์ และสอบปากคำเจ้าหน้าที่ประจำแดน และบัญชีการนับยอดผู้ต้องขังหลังนำนักโทษขึ้นเรือนนอนว่ามีจำนวนครบหรือไม่ หากไม่มีการนับยอดประจำวันจะบ่งชี้ว่ามีการปล่อยปละละเลยทำให้นักโทษหลบหนี

นายธนพัฒน์ กล่าวว่า เบื้องต้นเรือนจำรายงานว่านักโทษ 2 ราย แหกคุกหลบหนีไปเมื่อเวลา 01.00 น.ของวันเดียวกันนี้ จากการตรวจสอบสภาพห้องคุมขังไม่มีร่องรอยการงัดแงะ หรือการใช้ใบเลื่อยตัดเหล็กกรงขัง ส่วนกล้องวงจรปิดที่ใช้จับภาพความเคลื่อนไหวหน้าห้องคุมขังนักโทษรายสำคัญ ถูกไฟฟ้าชอร์ตใช้งานไม่ได้ นอกจากนี้ผู้ต้องขังทั้ง 2 ราย ยังเก็บของใช้ส่วนตัวในเรือนจำออกไปทั้งหมด แสดงให้เห็นว่ามีการเตรียมการล่วงหน้ามาเป็นอย่างดี ตนจึงสั่งการให้ตรวจสอบรายการติดต่อทางโทรศัพท์และรายการเยี่ยมญาติว่ามีการนัดแนะให้ใครมารับตัวหลังแหกคุกหรือไม่ นอกจากนี้ได้สั่งการให้เรือนจำสอบปากคำเจ้าหน้าที่ และนักโทษทุกรายที่ร่วมในแดนคุมขังกับนักโทษที่หลบหนี เพื่อรวบรวมข้อมูลและประเด็นที่เป็นพิรุธทั้งหมด สำหรับนายซอ วินอ่อง จัดเป็น นักโทษคดียาเสพติดรายใหญ่ เรือนจำจึงนำตัวไปแยกขังซอย ในห้องคุมขังขนาดเล็กมีผู้ต้องขังร่วมเรือนนอนประมาณ 10 คน

เย็นวันเดียวกัน นายนัทธี จิตสว่าง กล่าวว่า ตนประสานขอให้กำลังตำรวจในพื้นที่จ.กาญจน บุรี สกัดทุกเส้นทางที่นักโทษจะใช้หลบหนีออกนอกประเทศ ในส่วนของเรือนจำ ได้สั่งการให้ผู้บัญชาการเรือนจำตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างละเอียด เริ่มตั้งแต่วันที่รับตัวนักโทษรายดังกล่าวเข้ามาในเรือนจำ รวมถึงรายงานการปฏิบัติหน้าที่ในเรือนจำว่ามีความเข้มงวดรัดกุมหรือไม่ ในเวลากลางวันนักโทษใช้ชีวิตเป็นอยู่อย่างไร และในเวลากลางคืนหลังปิดเรือนนอนมีการตรวจนับยอดผู้ต้องขังหรือไม่ นอกจากนี้ยังสั่งตั้งกรรมการสอบสวนความผิดทางวินัยกับเจ้าหน้าที่ผู้คุมและผู้บริหารเรือนจำที่บกพร่องละเลยต่อหน้าที่ด้วย ส่วนกล้องวงจรปิดที่เสียนั้น ได้รับรายงานว่าเสียมานาน 1 เดือน แต่ยังไม่มีการซ่อมบำรุง ดังนั้นจะต้องตรวจสอบลึกว่าการชำรุดเสียหายครั้งนี้เกี่ยวข้องกับการแหกคุกหลบหนีของผู้ต้องขังรายนี้หรือไม่ อย่างไรก็ตามยอมรับว่าเรือนจำระดับจังหวัด เป็นเรือนจำขนาดเล็ก จึงไม่มีระบบควบคุมตัวที่แน่นหนามั่นคง รวมทั้งไม่มีระบบควบคุมด้วยอิเล็ก ทรอนิกส์ โดยปกติจะไม่ใช้คุมขังนักโทษรายสำคัญ

#### ๏ฟฝ ๏ฟฝ ๏ฟฝ ๏ฟฝ ๏ฟฝ ๏ฟฝ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook