ผู้พิทักษ์

ผู้พิทักษ์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ขนหัวลุก

ใบหนาด

มัธยันต์ เล่าเรื่องขนหัวลุกจากอิทธิฤทธิ์ของแม่ย่านางเรือหาปลา

แผน ลูกเรือหาปลาที่แม่กลองเคยเล่าให้ฟังว่า คืนหนึ่งออกเรือไปตีอวนในโป๊ะกลางทะเลเป็นปกติ ย่ำรุ่งก็ช่วยกันหุงข้าวหุงปลา อิ่มหนำแล้วก็พอดีพระอาทิตย์ขึ้นที่ขอบฟ้า ได้เวลาขึ้นจากเรือที่เทียบโป๊ะ

...ลากอวนจับปลาใส่ท้องเรือแล้วก็รีบบึ่งกลับฝั่ง

ระหว่างทางที่ช่วยกันคัดเลือกปลาแต่ละประเภท แมงกะพรุนตัวใหญ่ๆ กับงูทะเลที่ติดอวนมาก็จับโยนทิ้งทะเลให้หมด

ใกล้ฝั่งเข้าไป เรือไอของพ่อค้าแม่ค้าก็เข้ามาเทียบ เพื่อซื้อหาปลาที่ตนต้องการ ตั้งแต่ปากอ่าวนั่นเลย เพื่อจะได้รับกลับไปขายปลาสดๆ ให้ลูกค้าอย่างทันอกทันใจ

แต่คืนนั้นทะเลเกิดอาเพศก่อนจะถึงโป๊ะ!

จู่ๆ เกิดคลื่นลมปั่นป่วน ไม่ช้าก็รุนแรงยิ่งขึ้นทุกทีจนลูกเรือตื่นหมด เสียงไต้ก๋งร้องสั่งดังลั่น แต่ก็แทบไม่มีใครได้ยินเพราะคลื่นลมโหมกระหน่ำ ปานจะกลืนเรือทั้งลำลงไปใต้ทะเล ทุกคนล้วนล้มคว่ำคะมำหงาย เปียกโชกไปตามๆ กัน ควานหาที่ยึดเหนี่ยวลนลาน ไม่งั้นมีหวังโดนกวาดลงน้ำปั่นป่วนแน่นอน

คนเล่าบอกว่า ตัวเองคว้าอะไรไม่ทัน เรือโคลงเคลงวูบวาบน่าอกสั่นขวัญหาย เสียงโครมครืนกลบเสียงแผดร้องของลูกเรือผู้ขวัญหนีดีฝ่อ...คิดว่าคงจะเอาชีวิตไม่รอดแน่แล้ว!

คลื่นใหญ่กระแทกโครม ตัวเองหล่นน้ำตูมแต่ไม่มีใครรู้เห็น...จมดิ่งลิ่วๆ ราวตกขุมนรก ก่อนจะตะลีตะลานโผล่พรวดขึ้นมาพ้นน้ำจนได้...แต่นรกขุมใหม่ก็รอคอยอยู่โดยพลัน...นั่นคือเกลียวคลื่นที่ถาโถมเข้าใส่ คล้ายจะโจมตีมาจากทุกทิศทุกทาง น้ำเค็มเข้าปากเข้าจมูก ทั้งสำลักและกระอักกระไอ มือไม้ไขว่คว้า ได้ยินแต่เสียงมัจจุราชคำรามอยู่รอบๆ ตัว ก่อนจะจมวูบลงไปใหม่

ทะลึ่งพรวดขึ้นมาสูดลมหายใจ พริบตาเดียวก็ถูกกระชากให้จมดิ่งลงอีก ผลุบๆโผล่ๆ เหมือนโยนลูกมะพร้าวลงน้ำ!

ตอนนั้นแผนคิดอย่างเดียวว่าตายแน่! นึกถึงพ่อแม่ เพื่อนฝูงที่เคยสนุกสนานเฮฮากันไม่ว่าบนบกหรือทะเล...ว่าแต่พ่อแม่จะได้เห็นศพตัวเองหรือเปล่าหนอ?

นึกถึงพ่อแม่...ก็พอดีนึกถึงแม่ย่านาง! ลมหายใจใกล้จะขาดแล้ว แต่ก็นึกวูบอยู่ว่า...แม่ย่านางช่วยลูกด้วย!!

ความปรารถนาชีวิต ต้องการลมหายใจตามประสาสัตว์โลกทั้งหลาย ทำให้แผนมีพลังทะลึ่งพรวดขึ้นมาอีกครั้ง เสียงอื้ออึงยังดังกลบหู เนื้อตัวปวดเจ็บเหน็บหนาว...ก่อนจะชาหนึบแทบจะไม่รู้สึกรู้สาอะไรอีกแล้ว ร่างกายดูเบาหวิวกว่าเดิมราวกับจะกลายเป็นฟองน้ำ

คลื่นยังโถมเข้าใส่เช่นเคย แต่แล้วก็ผ่านไป...แผนรู้สึกเหมือนมีอะไรอบอุ่นคอยประคับประคอง หรือใครจะโยนชูชีพ-ห่วงยางอะไรมาให้เกาะ แต่ยามนี้พร่ามึนสับสนเต็มที...รู้สึกแต่ว่าหนาวจนปากสั่น ตัวสั่น ในอกในใจร่ำร้องอยู่ว่า...แม่ย่านางโปรดช่วยลูกด้วยเถิด!

พายุร้ายคงเบาบางลงแล้ว คลื่นลมบ้าคลั่งผ่านเลยไป มีเหลืออยู่บ้างก็เบาบางพอทนไหว

แสงไฟวูบวาบวอมแวมคล้ายจะเป็นแสงแห่งความหวัง แสงสว่างของชีวิตที่เดี๋ยวก็หายไปใต้คลื่น แล้วกลับโผล่ขึ้นมาใหม่...แสงไฟนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ จนรู้แน่ว่ามันสาดส่องมาจากเรือของตนนั่นเอง

ช่วยด้วย! ช่วยด้วย... แผนร้องตะโกนสุดเสียง ไม่ต้องห่วงว่าคอจะแตกตาย ไม่ช้าก็เห็นแสงไฟฉายกราดวูบวาบผ่านไปมา พยายามชูมือสุดเหยียดขึ้นโบกว่อน จนแสงสว่างส่องเข้ามาจับได้เต็มหน้า

...กว่าเพื่อนๆ จะช่วยกันดึงตัวขึ้นเรือได้ แผนก็หนาวสะท้านแทบเปลี่ยวดำจับตาย...เป็นนานถึงได้พึมพำกระท่อนกระแท่นว่า...แม่ย่านางคงช่วยดึงข้าขึ้นมาจากทะเล!

แล้วแผนก็ยิ่งหนาวยะเยือกไปทั้งไขสันหลัง ขนลุกซ่า หน้าชาเห่อ เมื่อได้ยินไต้ก๋งประชาที่พวกลูกเรือเรียกว่า ไต้ชา พูดเสียงห้าวๆ ดังชัดเจน

ข้าก็ว่ายังงั้นแหละ! ตอนที่ส่องไฟไปเห็นเอ็งน่ะ ยังเห็นผู้หญิงผมยาวประคองเอ็งอยู่ในน้ำเลยว่ะ

อ้าปากค้าง หันไปมองเพื่อนๆ ก็ไม่มีใครปริปาก นอกจากพยักหน้าเงียบๆ บางคนก็กลืนน้ำลายลงคอ...แผนเล่าว่า

พอผมลุกไหวก็รีบกราบแม่ย่านางที่หัวเรือ น้ำตาไหล... สาบานว่าจะไม่ลืมพระคุณท่านที่ช่วยชีวิตผมไว้เลย จนกว่าจะถึงวันตาย!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook