นายกฯตั้ง วิเชียร รรท.ผบ.ตร.รอบ2 ฟิตคุมโผเข้า ก.ตร.วันนี้!! ศิริโชค แฉอีกเร่ขายตำแหน่ง

นายกฯตั้ง วิเชียร รรท.ผบ.ตร.รอบ2 ฟิตคุมโผเข้า ก.ตร.วันนี้!! ศิริโชค แฉอีกเร่ขายตำแหน่ง

นายกฯตั้ง วิเชียร รรท.ผบ.ตร.รอบ2 ฟิตคุมโผเข้า ก.ตร.วันนี้!! ศิริโชค แฉอีกเร่ขายตำแหน่ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกฯเซ็นตั้ง"วิเชียร"นั่งแทน"พัชรวาท"รอบสอง รักษาการ ผบ.ตร.ฟิตถก"ก.ตร."ตั้ง"รอง ผบก.-ชั้นประทวน" พร้อมนัดหัวหน้าหน่วยประชุม 14 ส.ค. รับมือเสื้อแดงฎีกา "ศิริโชค"ออกโรงยันมีข้อมูลเร่ขายตำแหน่ง แฉ บช.ภ.7 มากสุด เตรียมชงเข้า"กมธ.ตำรวจฯ"จัดการ อดีตรองผบ.ตร.ชี้นายกฯตั้ง"วิเชียร"รักษาการไม่ปกติ

ตั้ง"วิเชียร"รักษาการ"ผบ.ตร."รอบ2

ความคืบหน้าการแต่งตั้งรักษาราชการแทน พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ที่ถูกนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง สั่งให้ไปปฏิบัติราชการในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ระหว่างวันที่ 12-18 สิงหาคมนั้น ล่าสุดมีรายงานข่าว จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม ว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 188/2552 ลงวันที่ 11 สิงหาคม เรื่องให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทน

โดยระบุว่า โดยที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีราชการสำคัญเกี่ยวกับการสืบสวนสอบคดีต่างๆ อันสืบเนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และเตรียมความพร้อมในการประชุมสุดยอดอาเซียน โดยทั้งสองกรณีเป็นเรื่องที่อาจส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อความมั่นคงของประเทศ ความสงบและสวัสดิภาพของประชาชน ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างราชอาณาจักรไทยและต่างประเทศ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี (นายสุเทพ เทือกสุบรรณ) มีบัญชาให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปกำกับดูแลและติดตามผลการปฏิบัติอย่างใกล้ชิดด้วยตนเอง ระหว่างวันที่ 12-18 สิงหาคม 2552

ดังนั้น เพื่อให้การปฏิบัติราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นไปด้วยความเรียบร้อยคล่องตัวและมีประสิทธิภาพในช่วงเวลาที่ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติไม่สามารถกลับมาปฏิบัติราชการในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 72 (1) แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547
นายกรัฐมนตรีจึงมีคำสั่งให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา (สบ 10) ด้านความมั่นคงและกิจการพิเศษ เป็นรักษาราชการแทน ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยให้มีอำนาจหน้าที่ตามความในมาตรา 75 แห่งพระราชบัญญัติตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 12-18 สิงหาคม

เผยรักษาการแทนอำนาจเท่า"ผบ.ตร."

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับมาตรา 75 พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 ใจความว่า ให้ผู้รักษาราชการแทนตามมาตรา 72 มีอำนาจหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ซึ่งตนแทน ในกรณีที่กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ ประกาศ คำสั่ง หรือมติคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ผู้ดำรงตำแหน่งใดเป็นกรรมการหรือให้มีอำนาจหน้าที่อย่างใด ให้ผู้รักษาราชการแทนมีอำนาจและหน้าที่เป็นกรรมการหรือมีอำนาจและหน้าที่เช่นเดียวกับผู้ดำรงตำแหน่งนั้นในระหว่างที่รักษาราชการแทน การสั่งให้รักษาราชการแทนให้มีผลนับแต่เวลาที่ผู้ได้รับแต่งตั้งเข้ารับหน้าที่และให้ผู้ดำรงตำแหน่งรองหรือตำแหน่งผู้ช่วยพ้นจากความเป็นผู้รักษาราชการแทนนับแต่เวลาที่ผู้ได้รับแต่งตั้งเข้ารับหน้าที่ ทั้งนี้ ไม่เป็นการกระทบกระเทือนถึงการใดที่ผู้นั้นได้ปฏิบัติไปแล้วในระหว่างเป็นผู้รักษาราชการแทน

รายงานข่าวแจ้งความคำสั่งนายอภิสิทธิ์ ให้ข้าราชการตำรวจรักษาราชการแทนครั้งนี้ โดยอาศัยมาตรา 72 (1) แห่ง พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ. 2547 นั้น ระบุว่า ในกรณีที่ตำแหน่งข้าราชการตำรวจในส่วนราชการหรือหน่วยงานใดในสำนักงานตำรวจแห่งชาติว่างลง หรือผู้ดำรงตำแหน่งไม่สามารถปฏิบัติราชการได้

ข่าวแจ้งว่า ถ้าตีความตำแหน่ง ผบ.ตร.ขณะนี้ก็ยังไม่ว่าง หรือผู้ดำรงตำแหน่งไม่สามารถปฏิบัติราชการได้ นั้น ตามความหมายที่เคยปฏิบัติกันมาคือ ผู้ดำรงตำแหน่งเดินทางไปต่างประเทศ หรือป่วยไม่สามารถปฏิบัติงานได้เป็นครั้งคราว จึงมีการแต่งตั้งรักษาราชการแทน แต่ครั้งนี้ พล.ต.อ.พัชรวาทยังคงไปปฏิบัติภารกิจภาคใต้ ทำให้กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันว่าสำนักงานตำรวจแห่งชาติจะมี ผบ.ตร. 2 คนหรือไม่ เพราะ พล.ต.อ.พัชรวาทไปปฏิบัติภารกิจภาคใต้ในฐานะ ผบ.ตร. ส่วน พล.ต.อ.วิเชียรปฏิบัติหน้าที่ ผบ.ตร.อยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งถือเป็นคำสั่งที่สับสนพอสมควร

"วิเชียร"ประเดิมถก"ก.ตร."ตั้งตำรวจ

ด้าน พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวว่า รับทราบคำสั่งให้รักษาราชการแทน ผบ.ตร.แล้ว ตามหนังสือสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรีที่ นร.0405 (ลน)/7344 ลงวันที่ 11 สิงหาคม 2552 เนื่องจาก พล.ต.อ.พัชรวาทต้องลงไปปฏิบัติราชการที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ และที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งในภารกิจแรกของตนในวันที่ 13 สิงหาคม คือเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ในเวลา 13.00 น. โดยวาระในการประชุมเพื่อพิจารณาการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจตามโครงสร้างใหม่ในตำแหน่ง รองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ลงไป เพราะตามกำหนดการเดิมจะประกาศราชกิจจานุเบกษาในวันที่ 15 สิงหาคม 2552 มีผลในวันที่ 16 สิงหาคม 2552 แต่การพิจารณาแต่งตั้ง อาจจะไม่ทันตามกรอบระยะเวลาเดิม ต้องดูมติของที่ประชุมว่า จะมีมติอย่างไรจะให้ทำตามกรอบเดิมหรือจะขยายระยะเวลาออกไป ส่วนใครจะเป็นผู้ดำเนินการเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายก็ต้องดูว่า ในช่วงเวลานั้นใครมีอำนาจในการดำเนินการได้ตามกฎหมายก็เป็นผู้ดำเนินการ แต่ถ้าเป็นช่วงที่ตนรักษาการก็จะดำเนินการให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวอีกว่า วันที่ 14 สิงหาคม จะเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงเพื่อเตรียมพร้อมในการดูแลความสงบกรณีจะมีกลุ่มบุคคลจะยื่นถวายฎีกา ซึ่งก็ต้องเตรียมความพร้อมในเรื่องนี้อย่างเต็มที่เพราะเป็นเรื่องสำคัญ และจะสั่งการให้แต่ละหน่วยงานรายงานผลการปฏิบัติมาเสนอในวันที่ 18 สิงหาคม โดยจะประชุมผู้บริหารของสำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งแต่ระดับ รอง ผบ.ตร. ลงไปจนถึงระดับกองบังคับการทั่วประเทศด้วย เพื่อให้ทุกหน่วยทำงานอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อความสงบเรียบร้อยความผาสุกของพี่น้องประชาชน เพราะ 2 เดือนที่ผ่านมา สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังไม่มีการประชุมบริหารของหน่วยงาน

"ศิริโชค"แฉภาค7ซื้อตำแหน่งเพียบ

ด้าน นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ คนสนิทนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผ่านเว็บไซต์ "แนวหน้าออนไลน์" ตอบโต้กระแสข่าวฝ่ายการเมืองแทรกแซงโผตำรวจว่า เรื่องโผตำรวจเป็นเรื่องของคนที่เสียผลประโยชน์ และมีคนมาทวงเงินคืนก็เท่านั้นเอง แล้วโยนความผิดมาให้ฝ่ายการเมือง ความเป็นจริงโผระดับนายพัน ยังไม่เสร็จเลย เพราะฉะนั้น ถ้ามีฝ่ายการเมืองเข้าไปล้วงลูกจัดโผนายพัน ต้องรอให้ผลออกมาก่อนซิ ถึงจะมาโวยวาย อันนี้ ผลยังไม่ออกเลย แล้วฝ่ายการเมืองจะไปโวยวายได้อย่างไร ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับการเมืองเลย เพราะฉะนั้น คนที่สูญเสียผลประโยชน์พยายามที่จะโยงว่าฝ่ายการเมืองผิดหวัง

"ความจริงเขามีปัญหาโผในระดับนายพัน เพราะเขากลัวว่า จะไม่ได้ทำโผนายพัน ซึ่งมีการเอาตำแหน่งไปเร่ขาย เพราะฉะนั้นหากไม่ได้ทำโผนายพัน ก็จะเกิดการทวงเงินคืน จึงเป็นเหตุให้โยนความผิดมาใส่ฝ่ายการเมือง และบังเอิญผมเป็นหนึ่งในคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี ก็เลยซัดมาที่วอล์เปเปอร์ มาที่ที่ปรึกษา" นายศิริโชคกล่าว

นายศิริโชคกล่าวว่า ในวงการตำรวจทุกคนรู้ดีว่า มีการซื้อขายตำแหน่งมาโดยตลอด เพียงแต่ในยุคนี้มันหนักขึ้นเรื่อยๆ ในฐานะที่ตนเป็นฝ่ายนิติบัญญัติ จะนิ่งก็ไม่ได้ เพราะโยนความผิดมาให้ฝ่ายการเมือง ตนจึงต้องออกมาแจงให้สังคมได้รับทราบและเตือนว่า หากมีการซื้อขายตำแหน่งต่อไป ประชาชนจะพึ่งใครได้ เมื่อตำรวจต้องหาเงินหาทางมาซื้อตำแหน่ง โดยไม่คำนึงถึงความรู้ความสามารถ วงการตำรวจก็ไม่มีความก้าวหน้า ตำรวจดีๆ ก็ท้อถอย

"ขณะนี้ผมกำลังรวบรวมข้อมูลการซื้อขายและโยกย้ายตำรวจที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งอาจะต้องนำเรื่องนี้เข้าสู่การตรวจสอบของคณะกรรมาธิการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร เพราะมันมีความไม่เป็นธรรมเกิดขึ้นกับ นายตำรวจหลายคนโดยเฉพาะในภาค 7 (กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 (บช.ภ.7) ที่มีปัญหาการซื้อขายตำแหน่งมากเป็นพิเศษ" นายศิริโชคกล่าว

เตรียมให้"กมธ.ตำรวจฯ"ฟัน

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าว "มติชน"โทรศัพท์ไปสอบถามนายศิริโชค ถึงการให้สัมภาษณ์ดังกล่าวช่วงแรก นายศิริโชคปฏิเสธ ก่อนที่จะยอมรับว่า ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวแนวหน้าไปก่อนหน้านี้ โดยระบุว่า "จริงๆ ที่ผมต้องการพูดว่า มีการซื้อขายตำแหน่ง คือโผ นายพัน เพราะนายพลมีแค่ 152 ตำแหน่ง ขณะที่นายพันมีเป็นพันๆ ตำแหน่ง"

ผู้สื่อข่าวถามว่า จะรวบรวมข้อมูลให้ กมธ.ตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ตรวจสอบได้เมื่อใด นายศิริโชคกล่าวว่า ต้องรอให้การโยกย้ายตำรวจระดับนายพันเสร็จก่อน เพราะอาจเป็นไปได้ว่ามีบางคนที่ซื้อตำแหน่งแล้วไม่ได้ สัก 1-2 คน นำข้อมูลมาให้กับตน ยืนยันว่า ตนมีหลักฐานอยู่จริง แต่หลังจากโยกย้ายเสร็จ จะขอเวลารวบรวมข้อมูลอีกครั้ง ก่อนยื่นให้ กมธ.ตำรวจตรวจสอบ

ชี้นายกฯตั้ง"วิเชียร"รักษาการไม่ปกติ

ด้าน พล.ต.อ.วิสุทธิ์ กิตติวัฒน์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงคำสั่งให้ พล.ต.อ.วิเชียร รักษาราชการแทน พล.ต.อ.พัชรวาท ระหว่าง พล.ต.อ.พัชรวาทไปราชการที่ภาคใต้ว่า ตั้งแต่ตนรับราชการเป็นตำรวจมาไม่เคยปรากฏเหตุการณ์เช่นนี้ เมื่อ ผบ.ตร.ไปปฏิบัติหน้าที่ต่างจังหวัดแล้วนายกรัฐมนตรี ตั้งคนอื่นมารักษาราชการแทน โดยปกติ ผบ.ตร.ไปราชการต่างจังหวัดจะให้รอง ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 มารักษาราชการแทนโดยอัตโนมัติ เหตุที่เกิดขณะนี้ชัดเจนว่าไม่ปกติเท่าไรนัก และครั้งนี้ ผบ.ตร.ก็ถือว่าปฏิบัติราชการอยู่ เพียงแต่ไม่ได้อยู่ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเท่านั้น

อดีตรอง ผบ.ตร.กล่าวว่า การใช้มาตรา 75 มาประกอบเป็นการย้ำและมอบอำนาจเต็มให้รักษาการแทน ผบ.ตร. ทำหน้าที่ทุกอย่างในฐานะ ผบ.ตร. โดยเฉพาะสถานการณ์ขณะนี้เพื่อให้ทำหน้าที่ประชุม ก.ตร.และเป็นประธานคณะกรรมการพิจารณาการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ ซึ่งมองว่าการย้ำกฎหมายข้อนี้เพื่อให้รักษาการแทน ผบ.ตร.ใช้อำนาจอย่างเต็มที่ เนื่องจากเกรงว่า ผบ.ตร.จะกลับมา เพราะครั้งนี้เดินทางไปต่างจังหวัดเท่านั้น

พล.ต.อ.วิสุทธิ์กล่าวว่า แม้จะอ้างว่า ผบ.ตร.ไปราชการต่างจังหวัดหลายวัน จึงจำเป็นที่นายกรัฐมนตรีจะต้องเลือกคนมารักษาราชการแทนด้วยตนเอง แต่การอยากใช้อำนาจนายกรัฐมนตรีในช่วงที่กำลังแต่งตั้งตำรวจเช่นนี้ เห็นชัดว่ามีความต้องการอะไร สิ่งที่เกิดขึ้นกับตำแหน่ง ผบ.ตร. ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ชัดเจนโดยที่ใครๆ ก็ดูออกว่าเพื่อกัน ผบ.ตร.ออกจากการแต่งตั้ง

"เห็นชัดว่านายกรัฐมนตรีกำลังเข้ามาแทรกแซงเรื่องการบริหารภายในสำนักงานตำรวจแห่งชาติอย่างชัดเจน โดยไม่เคยปรากฏมาก่อน ครั้งนี้ มองว่า นายกรัฐมนตรีเลือกคนที่ตัวเองคิดว่าดูดีที่สุดสำหรับการแต่งตั้ง ในสายตาตนเอง อย่าง พล.ต.อ.วิเชียร ที่ดูกลางๆ มารักษาการ และทำหน้าที่แต่งตั้ง ซึ่งเชื่อว่า พล.ต.อ.วิเชียรเองก็อิลั่กอิเหลื่อไม่น้อยกับสถานภาพของตัวเองตอนนี้ เพราะยังไม่ใช่ตัวจริงและก็ยังไม่ใช่ว่าที่ ผบ.ตร.คนใหม่ อีกประการตามแนวทางปฏิบัติของสำนักงานตำรวจแห่งชาตินั้น คนที่ รรท.ผบ.ตร.ไม่มีใครทำแบบนี้ โดยเฉพาะเรื่องการจัดการแต่งตั้งที่เป็นเรื่องบริหารที่สำคัญ สมัยผม เมื่อ ผบ.ตร.ไม่อยู่ ผมทำหน้าที่รักษาการก็ไม่ทำเช่นนี้" พล.ต.อ.วิสุทธิ์กล่าว

พล.ต.อ.วิสุทธิ์กล่าวด้วยว่า หากฝ่ายการเมืองอยากให้แต่งตั้งเกิดขึ้นและอยากเข้ามาจัดการเช่นนี้ ก็ควรจะแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่โดยเร็ว และเอาคนนั้นมาร่วมทำการแต่งตั้ง ทำความตกลงร่วมกับ ผบ.ตร.คนปัจจุบัน รวมถึงฝ่ายการเมืองด้วย มาทำความเข้าใจ ทำความตกลงร่วมกัน น่าจะเกิดผลดีกับการบริหารจัดการภายในองค์กรตำรวจและประชาชนมากกว่าทุกวันนี้ ที่ยังไม่มีอะไรชัดเจน ไม่มีใครทราบว่าชัดเจนที่แท้จริง ควรตั้ง ผบ.ตร.ใหม่ และเลื่อนการแต่งตั้งออกไปเพื่อคลี่คลายสถานการณ์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook