โพลเอแบคหนุนอภิสิทธิ์ตั้งวิเชียรเป็นผบ.ตร.แทนพัชรวาท

โพลเอแบคหนุนอภิสิทธิ์ตั้งวิเชียรเป็นผบ.ตร.แทนพัชรวาท

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยเมื่อวันที่ 16 สิงหาคมถึงผลวิจัย "เอแบคเรียลไทม์โพลล์ ทำการสำรวจ เรื่อง ประเด็นสำคัญทางการเมือง และ สิ่งที่ต้องการให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่เร่งแก้ไข กรณีศึกษาประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป ใน 17 จังหวัดของประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,456 ครัวเรือน ในวันที่ 15 สิงหาคม 2552 ผลการสำรวจพบว่า ประชาชนที่ถูกศึกษาส่วนใหญ่หรือประมาณร้อยละ 80 ติดตามข่าวสารผ่านสื่อมวลชนเป็นประจำทุกสัปดาห์ เมื่อถามถึงเรื่องผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ต่อจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 60.5 เห็นด้วย ถ้านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะแต่งตั้งให้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี เป็นผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ ในขณะที่ร้อยละ 39.5 ไม่เห็นด้วย

นอกจากนี้ ปัญหาที่ประชาชนต้องการให้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่เร่งแก้ไข คือ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 89.4 ระบุเป็นปัญหายาเสพติด ร้อยละ 88.3 ระบุปัญหาความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ร้อยละ 86.7 ระบุเร่งสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนต่อองค์กรตำรวจ ร้อยละ 86.1 ระบุปัญหาขบวนการค้ามนุษย์ ร้อยละ 85.7 ระบุ ปัญหาค้าอาวุธสงคราม ร้อยละ 85.2 ระบุปัญหาตัดไม้ทำลายป่า ตามด้วย ปัญหาคนหลบหนีเข้าเมือง ปัญหาความแตกแยกของคนในสังคม การจัดระเบียบสังคม และการซื้อขายตำแหน่งในองค์กรตำรวจ ตามลำดับ

เมื่อถามถึงความรู้สึกต่อสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 96.9 ยังคงมองว่า การเมืองเป็นเรื่องสำคัญของประเทศ ร้อยละ 75.0, เบื่อหน่ายต่อเรื่องการเมือง ร้อยละ 70.0, วิตกกังวลต่อเหตุการณ์ทางการเมือง ร้อยละ 48.7, เครียดต่อเรื่องการเมือง ที่น่าเป็นห่วงคือร้อยละ 10.9, ขัดแย้งกับเพื่อนบ้านในเรื่องการถวายฎีกา ในขณะที่ร้อยละ 10.8 ขัดแย้งกับเพื่อนในที่ทำงานเรื่องการถวายฎีกา และร้อยละ 8.0 ขัดแย้งกับคนในครอบครัวเรื่องการถวายฎีกา

ที่น่าพิจารณาคือ ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 80.2 ห้ พ.ต.ท..ทักษิณ ชินวัตร เสนอแนวทางแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาชญากรรม ร้อยละ 76.2 ช่วยแก้ไขปัญหาไข้หวัดใหญ่ 2009 ร้อยละ 66.1 เปิดรายการโทรทัศน์เน้นเรื่องการศึกษาและสินค้าโอท็อป ร้อยละ 62.2 เปิดรายการวิทยุ เน้นเรื่องการศึกษาและสินค้าโอท็อป และร้อยละ 43.6 ต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาแข่งขันกับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่จะแก้ปัญหาเดือดร้อนของประชาชน

นอกจากนี้ ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 73.6 พอใจต่อท่าทีของกลุ่มประชาชนคนเสื้อแดง (นปช.) ที่ไม่ชุมนุมไม่ขัดขวางการประชุมอาเซียน ในขณะที่ ร้อยละ 69.7 พอใจต่อการทำหน้าที่ของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในช่วงการประชุมอาเซียน ร้อยละ 64.0 พอใจต่อการทำหน้าที่ของ ดร.สุรินทร์ พิศสุวรรณ เลขาธิการสมาคมอาเซียน และร้อยละ 59.5 พอใจต่อการทำหน้าที่ของนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ตามลำดับ

ที่น่าพิจารณาคือ ประชาชนส่วนใหญ่หรือร้อยละ 59.2 เห็นว่า นายกษิต ภิรมย์ ควรทำงานต่อไปในการปฏิบัติหน้าที่ฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศในการสำรวจครั้งล่าสุดนี้ ในขณะที่ร้อยละ 40.8 เห็นว่าควรลาออก

สำหรับทางออกของปัญหาการเมืองขณะนี้ ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 95.9 เห็นว่าทางออกอยู่ที่ประชาชนทุกคนปฏิบัติตนด้วยความรักความสามัคคี เกื้อกูลกัน ร้อยละ 93.5 ให้ทุกกลุ่มทุกฝ่ายหันหน้าจับมือกันต่อหน้าสาธารณชนร่วมกันแก้ปัญหาชาติ ร้อยละ 63.4 ให้ปรับคณะรัฐมนตรี เพื่อหาคนดีมีความรู้ความสามารถแก้ปัญหาเดือดร้อนอย่างเร่งด่วน ในขณะที่ร้อยละ 56.0 ให้แก้ไขรัฐธรรมนูญ และร้อยละ 31.9 ให้ยุบสภาเลือกตั้งใหม่

ดร.นพดล กล่าวว่า ผลสำรวจออกมาแบบนี้ถือว่า น่าเป็นห่วง เพราะความรู้สึกเดิมๆ เช่น เบื่อหน่ายต่อการเมือง วิตกกังวลและเครียดต่อสถานการณ์การเมือง เกิดสะสมกันมาเป็นเวลานานหลายปี จนอาจทำให้คนไทยจำนวนหนึ่งกลายเป็นฝ่ายนิยมขวาจัดและซ้ายจัดมากขึ้นเรื่อยๆ ผลที่ตามมาคือ กลุ่มคนนิยมความรุนแรงจะทวีมากขึ้นนกระทบต่อความมั่นคงของประเทศได้ จึงต้องเร่งป้องกันแก้ไขอย่างน้อยสามประการ คือ

ประการแรก เมื่อสำรวจพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้มีอคติแบบสุดขั้ว เพราะพอใจต่อทุกฝ่ายที่เคลื่อนไหวอย่างสงบ คือ กลุ่มเสื้อแดง (นปช.) ที่ไม่ชุมนุมไม่ขัดขวางการประชุมอาเซียน และฝ่ายรัฐบาลที่กำลังทำงานอยู่ ดังนั้น ข้อเสนอแนะทางออกเพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาความขัดแย้งรุนแรงบานปลายที่น่าพิจารณาคือ ชูความรักความเกื้อกูลกันที่อยู่ในครรลองครองธรรมของคนในสังคมไทยมาเป็นตัวเชื่อมให้เกิดความปรองดอง ไม่ใช้ความรุนแรงทำลายล้างกัน มากกว่าการมุ่งเน้นหาตัวบุคคลที่จะมาเป็นคนกลาง เพราะไม่น่าจะหาเจอได้ในสถานการณ์การเมืองเช่นนี้

ประการที่สอง เมื่อประชาชนส่วนใหญ่ให้โอกาส พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ เคลื่อนไหวทำกิจกรรมสร้างสรรค์ประโยชน์แก่สาธารณชน และเพื่อให้สังคมไทยเดินหน้าต่อไปได้ การเคลื่อนไหวต่างๆ น่าจะเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมก่อนแล้วเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมจึงออกมาเดินหน้าเต็มที่ในการทำงานการเมืองเพื่อประชาชน

ประการที่สาม ผลสำรวจชี้ให้เห็นฐานสนับสนุน รักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ จากการตัดสินใจของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงน่าจะใช้โอกาสนี้ อาศัยองค์กรตำรวจเร่งสร้างผลงานสร้างความปรองดองในสังคมไทยและปัญหาเดือดร้อนที่เกินขอบเขตความสามารถของประชาชนจะจัดการได้เพียงลำพัง เช่น ปัญหายาเสพติด อาชญากรรม ตลอดจนการจัดระเบียบสังคม เป็นต้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook