แดงเคลื่อนพลเข้ากรุงถวายฎีกา!

แดงเคลื่อนพลเข้ากรุงถวายฎีกา!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ตร.สั่งปิดถนนคุมเข้ม เนวิน-สรอรรถจูงมือขึ้นศาลฟังคำพิพากษาคดีกล้ายางลุ้นระทึกเลื่อนหรือไม่เลื่อน

สั่งปิดถนนหน้าพระลาน-หน้าพระธาตุ หวั่น 2 ม็อบ แดง-น้ำเงิน ปะทะเดือด เผย สำนักพระราชวัง ให้ยื่นฎีกาหน้าประตูวังเท่านั้น ขณะที่ นปช. ระดมเสื้อแดงทั่วประเทศชุมนุมสนามหลวง แสดงพลังยื่นถวายฎีกาช่วย แม้ว พ้นผิด ฝ่าย 3 เกลอ ดอดไปตั้งหลักที่ปากน้ำโพ ฟัง นายใหญ่ โฟนอินปลุกใจก่อนเข้ากรุง เพื่อไทย แฉ คนโตบุรีรัมย์ทุ่ม 10 ล้านสร้างสถานการณ์ล้มรัฐนาวา ด้าน มาร์ค ไม่เชื่อ เนวิน-สีเขียว จับมือเดินเกมใต้ดิน ยัน ราชเลขาฯ รอข้อมูลรัฐบาลก่อนตัดสินใจทูลเกล้าฯ ฎีกาหรือไม่ มั่นใจ ตำรวจ-ทหาร คุมม็อบอยู่หมัด ส่วนชาวบ้านฟันธง 2 ฝ่ายต่างดึงฟ้าต่ำ ขณะที่ ทนายคดีกล้ายาง แนะทุกฝ่ายยอมรับคำตัดสิน ชี้จนถึงขณะนี้ศาลยังไม่ได้สั่งเลื่อนอ่านคำพิพากษา รอวัดใจวันนี้ 44 จำเลยเบี้ยวนัดหรือไม่ ฟาก ปชป. รับ 2 ส.ข. มีเอี่ยวชุมชนแพงเพียบจริง กางปีกป้องไม่ทุจริต ชี้ คุณชายละเอียด แค่บริหารบกพร่องไม่ถึงขั้นไขก๊อก จี้เชือด สุมิท ก่อนลามถึงตัว ด้าน ฝ่ายค้าน ไล่ตะเพิด กอร์ปศักดิ์ สะกิดให้ย้อนดู รมต.ปลากระป๋อง เป็นตัวอย่าง

สั่งคุมเข้มเสื้อแดงถวายฎีกา

เมื่อวันที่ 16 ส.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีตำรวจสันติบาลประเมินว่าวันที่ 17 ส.ค.นี้ ที่กลุ่มเสื้อแดงเตรียมยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ อาจมีประชาชนเข้ามารวมตัวกันถึง 2 หมื่นคนว่า ได้คุยกับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม และ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา สบ 10 รักษาราชการแทนผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ. ตร.) คิดว่าน่าจะบริหารจัดการกันได้ และมีการประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมด สมมุติว่าจะมีประชาชนเข้ามา 2 หมื่นคนหรือมากกว่านั้นก็แล้วแต่ ความสำคัญก็อยู่ที่การบริหารจัดการให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างมีระเบียบเรียบร้อย ซึ่งในวันดังกล่าวอาจมีกลุ่มอื่นแทรกเข้ามาก็ได้กำชับให้ตำรวจและทหารที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลไม่ให้เกิดการเผชิญหน้าหรือปะทะกัน

แจงขั้นตอนสำนักราชฯรับเรื่อง

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าความคิดเห็นที่แตกต่างยังคงมีค้างอยู่ เราต้องใช้เวลาและใช้บทเรียนต่าง ๆ อย่าให้เกิดความวุ่นวายขึ้นอีก เพราะถ้าเกิดขึ้นอีก คนที่เดือดร้อนก็คือประชาชนทั้งประเทศ และกลุ่มที่ก่อ เหตุก็จะถูกสังคมมองว่าเป็นตัวปัญหาในบ้านเมือง ดังนั้นถ้าเคลื่อนไหวอยู่ในความสงบก็ไม่มีปัญหาอะไร

ส่วนขั้นตอนหลังจากกลุ่มเสื้อแดงยื่นถวายฎีกาแล้วนั้น นายกฯ กล่าวว่า โดยหลักสำนักราชเลขาธิการ จะส่งเรื่องมาขอความเห็นจากรัฐบาล และรัฐบาลก็จะส่งความเห็นไปให้ ซึ่งจะมีประเด็นข้อกฎหมายว่าฎีกานี้ เมื่อพิจารณา ตามข้อกฎหมายแล้วเป็นอย่างไร เบื้องต้นกรณีนี้ไม่ใช่การขอพระราชทานอภัยโทษ ส่วนจะเป็นฎีกาความเดือดร้อนทั่วไปหรือเป็นเรื่องการเมือง รัฐบาลก็จะให้ความเห็นไป และต้องมีการตรวจสอบรายชื่อในเบื้องต้นว่าถูกต้องหรือไม่ และ สำนักราชเลขาธิการจะต้องใช้ข้อมูลของรัฐบาลประกอบการพิจารณาว่าจะนำฎีกาดังกล่าวขึ้นทูลเกล้าฯ หรือไม่

มาร์คโต้ข่าวลือปฏิวัติเงียบ

เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่ว่าจะมีการใช้เหตุการณ์ช่วงนี้ก่อเหตุ เพราะเริ่มมีกระแสข่าวเรื่องการปฏิวัติเงียบออกมา นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ข่าวส่วนใหญ่มาจากคนที่เคลื่อนไหวในลักษณะ ที่ต้องการให้คนมองว่า จะมีการเปลี่ยนแปลง ตนยังมองไม่เห็นว่า ถ้าเกิดสิ่งเหล่านั้นขึ้นแล้ว บ้านเมืองจะเดินอย่างไร เพราะมีแต่จะเกิดความวุ่นวายและความเดือดร้อนมากยิ่งขึ้น เมื่อถามย้ำว่า อดีตนายทหาร เช่น พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน ประเมินว่าอาจเกิดการปฏิวัติขึ้นได้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า เราไม่ประมาท แต่ยังมั่นใจว่าระบบการทำงานและคนส่วนใหญ่ต้องการเห็นความสงบเรียบร้อยและให้บ้านเมืองเดินไปข้างหน้า เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ ได้

นายกฯ กล่าวถึงกระแสข่าวนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย บินด่วนไปประเทศสิงคโปร์เพื่อพบหารือกับ ผบ.เหล่าทัพ ว่า ไม่ค่อยได้ตามว่าใครจะไปไหน เพราะเวลา รมว.กลาโหม จะไปปฏิบัติภารกิจอะไร ก็มาลาตนอยู่แล้ว และก็เพิ่งได้พูดคุยกัน

ไม่เชื่อเนวิน-กองทัพเดินเกม

ส่วนความเป็นไปได้ที่นายเนวินจะจับมือกับกองทัพเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้าความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นภายใต้รัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย ก็ไม่มีปัญหา แต่ในชั้นนี้ยังมองไม่เห็นว่าจะเป็นอย่างนั้น เพราะในพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันก็อยากให้ประเทศมีเสถียรภาพ และต้องการผลักดันงานต่าง ๆ หากมีการเปลี่ยนแปลงอะไรก็จะทำให้เกิดความไม่แน่นอนขึ้นมาอีก

นายกฯ กล่าวถึงกรณีนายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ระบุว่าอีก 3 เดือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เหมือนปี 2475 ว่า หลายคนมีคดีค้างอยู่ ตำรวจและศาลก็ต้องพิจารณาตรงนี้อยู่แล้ว ดังนั้นอยากให้นักการเมืองระมัดระวัง เข้าใจว่าบางครั้งต้องการทำให้เกิดความฮึกเหิมหรืออะไรก็แล้วแต่ ตนบอกมาตลอดว่ายังมีคนจำนวนหนึ่งต้องการเห็นบ้านเมืองวุ่นวาย และเราคงไปเปลี่ยนใจคนพวกนี้ไม่ได้ และหน้าที่ของรัฐบาลต้องบริหารจัดการไม่ให้เกิดเหตุการณ์รุนแรง หรือถ้าเกิดเหตุก็ต้องจัดการขั้นเด็ดขาด

อ้างตปท.อยากเห็นการเมืองนิ่ง

นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า เป็นห่วงว่าถ้ามีอะไรมาซ้ำเติม คนที่เหนื่อยคือประชาชนทั้งประเทศ แต่ตนไม่มีสิทธิเหนื่อย จึงได้เรียกร้องว่า อย่าสร้างเงื่อนไขอะไร เพราะเวลาที่ตนเดินทางไปต่างประเทศ พบกับภาคธุรกิจเอกชน ส่วนใหญ่ยังห่วงเงื่อนไขเรื่องการเมือง เรื่องอื่น ๆ ได้เริ่มคลายไปบ้างแล้ว ดังนั้นอยู่ที่คนไทยด้วยกันเอง อยากเห็นเศรษฐกิจฟื้นเร็ว อยากเห็นประชาชนไม่ได้รับผลกระทบเดือดร้อนจากปัญหาเศรษฐกิจทั้งหลาย ก็ต้องช่วยกันทำให้ทุกอย่างนิ่ง อะไรที่ไม่ถูกต้องหรือคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม รัฐบาลก็พยายามเดินหน้าแก้ไขให้

ทั้งนี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวในรายการ เชื่อ มั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ ด้วยว่า การแสดงออกตราบเท่าที่เป็นสิทธิเสรีภาพตาม รัฐธรรมนูญ รัฐบาลจะเคารพและอำนวยความสะดวกให้ เพราะฉะนั้นขอให้ในวันที่ 17 ส.ค. ใครก็ตามที่จะมาใช้สิทธิอยู่บนหลักเกณฑ์และหลักการของกฎหมาย และไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน ที่สำคัญต้องไม่มีความรุนแรงใด ๆ ระหว่างพี่น้องประชาชนคนไทยด้วยกัน

ม็อบการเมืองไม่ใช่กิจของสงฆ์

นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ความพยายามปลุกระดมเอาพระสงฆ์เข้ามายุ่งกับการถวายฎีกาก็เพื่อหวังผลทางการเมือง ซึ่งพระสงฆ์ไม่ควรเข้ามายุ่งเกี่ยว เกรงว่าความแตกแยกลุกลามไปถึงความขัดแย้งในศาสนา เพราะจะเป็นเรื่องที่อันตรายมาก ผู้ที่เกี่ยวข้องกับวงการสงฆ์ควรออกมายับยั้งความเคลื่อนไหวของพระสงฆ์ดังกล่าว เพราะการเคลื่อนไหวทางการเมืองไม่ใช่กิจของสงฆ์

โฆษกประจำตัวนายอภิสิทธิ์ กล่าวต่อว่า อยากฝากไปยังรักษาการ ผบ.ตร. ให้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจให้มีความอดทน หลีกเลี่ยงการปะทะกับกลุ่มคนเสื้อแดง เพราะในจำนวนคนหมู่มาก ย่อมมีผู้ที่ต้องการให้เกิดความรุนแรง มิฉะนั้นเจ้าหน้าที่ของรัฐจะตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงได้ และอาจมีการโยนความผิดให้กับรัฐบาลที่เป็นผู้รับผิดชอบความสงบเรียบร้อยได้ นอกจากนี้สิ่งที่แกนนำพึงระวัง คือ ไม่ควรเคลื่อนไหวมวลชน ออกจากท้องสนามหลวง และต้องรับฟังแนวทางปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

พท.แฉทุ่ม 10 ล.ปฏิวัติเงียบ

ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงว่า ได้รับหนังสือร้องเรียน จากกลุ่มอีสานรักประชาธิปไตย โคราช-บุรีรัมย์ ต่อต้าน 2 มาตรฐาน ที่ระบุว่ามีนักการเมืองใหญ่ใน จ.บุรีรัมย์ พยายามระดมคนระดับฮาร์ดคอร์ โดยใช้กลไกผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ และผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น มาที่ท้องสนามหลวงในวันที่ 17 ส.ค.นี้ โดยทุ่มเงินกว่า 10 ล้านบาทลงไปใน 23 อำเภอ เฉลี่ยอำเภอละ 5 แสนบาท พร้อมแจกค่าหัวผู้มาชุมนุมรายละ 1 พันบาท แต่ไม่รู้วัตถุประสงค์ของการระดมคน ซึ่งอาจต้องการให้เหมือนกับเหตุการณ์ที่พัทยาก็เป็นไปได้ จึงอยากเตือนให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ จับตาดูขบวนการดังกล่าวว่าจะเป็นความพยายามสร้างสถานการณ์ให้คนอีกกลุ่มเข้ามาควบคุมสถาน การณ์ และผลักให้นายอภิสิทธิ์ตกเก้าอี้ พร้อมทั้งดึงให้ประเทศไทยถอยหลังอีกหรือไม่ และขอเตือนว่าหากเกิดการปะทะกันระหว่างคนกลุ่มไหนก็แล้วแต่ รัฐบาลจะต้องรับผิดชอบโดยตรง จึงขอให้จับตาดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดด้วย

อุบตัวเลขกองเชียร์ช่วยแม้ว

นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำแนวร่วมประชาธิป ไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ยืนยันว่า ในนาทีสุดท้ายก่อนทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา จะไม่มีคนในตระกูลชินวัตรร่วมลงชื่อในฎีกา เพื่อปิดช่องโหว่ทางกฎหมายและให้ฎีกามีความสมบูรณ์ ป้องกันอีกฝ่ายนำไปเป็นข้ออ้างตีฎีกาตกอย่างแน่นอน เพราะได้ศึกษาข้อกฎหมายมาเป็นอย่างดีแล้วว่าคำว่าผู้ที่ได้รับประโยชน์ไม่จำกัดว่าต้องเป็น ญาติเท่านั้น ประชาชนก็เป็นผู้ได้รับประโยชน์ได้ เช่นเดียวกับกรณีที่นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เคยถวายฎีกาคัดค้าน พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษดำรงตำแหน่งนายกฯ อีกทั้งวันนี้เลยขั้นตอนดังกล่าวมาแล้วเหลือเพียงการทูลเกล้าฯ และรอพระบรมราชวินิจฉัยเท่านั้น

ส่วนจำนวนผู้ร่วมลงชื่อที่ผ่านการตรวจสอบแล้วนั้น แกนนำคนเสื้อแดง กล่าวว่า ขณะนี้กำลังตรวจสอบความเรียบร้อย จะตัดรายชื่อที่ไม่สมบูรณ์ออก คงไม่สามารถระบุตัวเลขที่แน่ชัด ได้ เพราะยังมีทั้งคัดออกและเพิ่มเข้ามา จึงไม่ อยากพูดถึงจำนวนก่อนที่จะมีความสมบูรณ์

ไม่ให้15ตัวแทนนปช.เข้าวัง

สำหรับบรรยากาศการเตรียมจัดกิจกรรมชุมนุมเพื่อทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีของกลุ่ม นปช. ในวันที่ 17 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานวันที่ 16 ส.ค. ทีมงานกลุ่ม นปช. ได้ตั้งเวทีปราศรัยชั่วคราวพร้อมเครื่องขยายเสียงที่บริเวณท้องสนามหลวง ด้านทิศเหนือฝั่งสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้าฯ เพื่อรองรับคนเสื้อแดงจากทั่วประเทศที่จะทยอยเดินทางเข้าร่วมแสดงพลังสนับสนุนการถวายฎีกา ตั้งแต่เวลา 01.00 น. ของวันที่ 17 ส.ค. เป็นต้นไป และมีรายงานว่า พ.ต.ท.ทักษิณ จะโฟนอินมากล่าวขอบคุณคนเสื้อแดงในเวลา 10.00 น. จากนั้นคนเสื้อแดงจะจัดริ้วขบวนถวายฎีกาแล้วเดินเท้ามายังประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวัง เพื่อส่งมอบฎีกาให้กับผู้แทนสำนักราชเลขาธิการ

ข่าวแจ้งว่า สำนักพระราชวังจะไม่อนุญาต ให้ตัวแทนคนเสื้อแดง 15 คนเข้ามาถวายฎีกาที่ศาลาลูกขุน ภายในพระบรมมหาราชวัง ตามที่มีการประสานไว้ก่อนหน้านี้ เพื่อป้องกันเหตุวุ่นวายและเพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อยของเขตพระราชฐานชั้นใน

3 เกลอ ไปตั้งหลักปากน้ำโพ

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งปิดการจราจรบริเวณถนนหน้าพระลานและถนนหน้าพระธาตุเป็นการชั่วคราว เพื่ออำนวยความสะดวก และรักษาความปลอดภัยไม่ให้เกิดการเผชิญหน้ากับกลุ่มคนเสื้อสีน้ำเงินที่จะมาชุมนุมให้กำลังใจนายเนวิน ชิดชอบ ที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญา ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ส่วนความเคลื่อนไหวแกนนำ นปช. ที่วัดวชิรธรรมสาธิตวรวิหาร ซอยสุขุมวิท 101/1 นพ.เหวง โตจิราการ แกนนำ นปช. ร่วมกับเครือข่ายสถานีวิทยุเพื่อประชาชน 97.25 เมกะเฮิรตซ์ จัดกิจกรรมเสวนาผ่าทางตันประชาธิปไตย โดยมีคนเสื้อแดงประมาณ 150 คนเข้าร่วมงาน ทั้งนี้เนื้อหาการพูดคุยส่วนใหญ่พูดถึงปัญหาการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 ก.ย. 49 และชี้แจงทำความเข้าใจเหตุผลที่คนเสื้อแดงต้องเคลื่อนไหวถวายฎีกา ขณะที่แกนนำ นปช. คนอื่น ๆ เช่น นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้ปักหลักอยู่ที่ จ.นครสวรรค์ เพื่อเตรียมนำชาวบ้านเข้าร่วมถวายฎีกาที่สนามหลวงตั้งแต่เวลา 04.00 น. วันที่ 17 ส.ค.นี้

ตั้งเวทีรอแม้วโฟนอินปลุกใจ

บ่ายวันเดียวกัน ที่ จ.นครสวรรค์ คนเสื้อแดงภาคเหนือ 9 จังหวัดได้เคลื่อนขบวนมาปักหลักชุมนุมที่โรงเรียนประชานุเคราะห์ อ.เมือง และคาดว่าจะมีคนเสื้อแดงใน จ.นครสวมทั้งในภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางอีกหลายจังหวัดเดินทางมาร่วมชุมนุมกว่า 5 หมื่นคน ไม่ว่าจะเป็นอุทัยธานี ชัยนาท พิจิตร กำแพง เพชร พิษณุโลก เพชรบูรณ์ และตาก โดย 3 แกนนำ นปช. ทั้งนายวีระ นายจตุพร และนายณัฐวุฒิ จะมาขึ้นเวทีและรอโฟนอินของ พ.ต.ท. ทักษิณ ในเวลา 21.00 น. จากนั้นเวลา 23.00 น. จะเคลื่อนขบวนมวลชนคนเสื้อแดงทั้งหมดเข้ากรุงเทพฯ

แดงเชียงใหม่นับหมื่นบุกกรุง

ที่ จ.เชียงใหม่ นายเพชรวรรต วัฒนพงศ ศิริกุล ประธานที่ปรึกษากลุ่มรักเชียงใหม่ 51 นัดรวมพลคนเสื้อแดงเชียงใหม่กว่า 1 หมื่นคน ที่บริเวณหน้าโรงแรมวโรรส แกรนด์พาเลซ ต.พระสิงห์ อ.เมือง โดยมีการเตรียมรถทัวร์ 15 คัน รถตู้กว่า 20 คัน และรถส่วนตัวอีกจำนวน มาก มารอรับมวลชนคนเสื้อแดงเพื่อเดินทางไปรวมตัวกับกลุ่มเสื้อแดงทั่วประเทศและกลุ่มแนวร่วม ประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เพื่อร่วมทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทาน อภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ท้องสนามหลวง กรุงเทพฯ ในวันที่ 17 ส.ค.นี้

นายเพชรวรรต เปิดเผยว่า การชุมนุมครั้งนี้ไม่มีความรุนแรงใด ๆ ทั้งสิ้น ไม่มีการด่าโจมตีรัฐบาล หรือใครทั้งสิ้น การเดินทางครั้งนี้จะไม่มีการนำตีนตบหรือหัวใจตบไปเด็ดขาด ทุกคนเดินทางไปด้วยใจ เพื่อร่วมกันถวายฎีกาเท่านั้น พอเสร็จงานทุกคนก็พร้อมใจกันเดินทางกลับทันที และจะยุติท่าทีเคลื่อนไหวใด ๆ เกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ในพื้นที่ยังจะมีการเคลื่อนไหวเฉพาะเรื่องการทำงานของรัฐบาลเท่านั้น ส่วนที่มีหลายฝ่ายเกรงว่าจะถูกหน่วยงานภาครัฐตั้งด่านสกัดนั้น ถ้าเจอสกัดจุดไหนพวกตนก็จะตั้งด่านปราศรัยโจมตีที่จุดนั้นทันที

คนพัทลุงแห่บริจาคช่วยค่ารถ

ที่ จ.อุดรธานี ชมรมคนรักอุดรประมาณ 3,000 คนทยอยขึ้นรถบัส 45 คัน ที่จอดรออยู่ที่บริเวณทุ่งศรีเมือง เขตเทศบาลนครอุดรธานี เพื่อเดินทางเข้ามาสมทบกับกลุ่ม นปช. ที่ท้องสนามหลวง

ที่ จ.พัทลุง กลุ่มคนเสื้อแดงพัทลุง ประมาณ 50 คน นำโดยนายพร้อม บุญฤทธิ์ อายุ 75 ปี ศิลปินแห่งชาติและอดีต ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ 3 สมัย และนายเหิม อักษรพิมพ์ แกนนำคนเสื้อแดงพัทลุง ได้นัดรวมตัวกันที่บริเวณสี่แยกเอเซีย เพื่อขึ้นรถบัสเดินทางไปสมทบกับคนเสื้อแดงที่ จ.ตรัง และ จ.สตูล เพื่อร่วมขบวนเดินทางต่อไปกรุงเทพฯ เพื่อร่วมถวายฎีกากับกลุ่ม นปช. สำหรับค่ารถเดินทางไปกรุงเทพฯ ครั้งนี้กลุ่มคนเสื้อแดงในจังหวัดพัทลุงได้ร่วมกันบริจาคเงินประมาณ 5 หมื่นบาท เพื่อเป็นค่าเหมารถบัสและค่าน้ำมันรถส่วนตัวที่เดินทางไปกันเอง

โพลชี้ 2 ฝ่ายดึงสถาบันลงต่ำ

วันเดียวกัน สวนดุสิตโพล เปิดเผยผลสำรวจความเห็นประชาชนใน 21 จังหวัดทั่วประเทศ จำนวน 3,094 คน ในหัวข้อ คนไทยกับการถวายฎีกา พบว่า ส่วนใหญ่รับรู้และติดตามข่าวการถวายฎีกา มีเพียงร้อยละ 6.88 เท่านั้นที่ไม่ได้รับรู้และไม่ได้ติดตามข่าว

ส่วนมุมมองประชาชนเกี่ยวกับการล่ารายชื่อถวายฎีกาและการล่าชื่อคัดค้านถวายฎีกานั้น ร้อยละ 37.17 มองว่าเป็นเกมการเมืองที่เอาชนะคะคานกัน โดยดึงสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการเมือง ร้อยละ 28.93 มองว่าเป็นการกระทำที่มีลักษณะตาต่อตาฟันต่อฟัน มุ่งแต่เอาชนะจนอาจทำให้เกิดความวุ่นวายได้ ร้อยละ 20.43 มองว่าเป็นการใช้กฎหมู่ดึงเอาประชาชนมาเป็นเครื่องมือต่อรอง และร้อยละ 13.47 มองว่าควรจะดำเนินการตามกฎหมายให้ถูกต้องจะดีกว่า ทั้งนี้ร้อยละ 27.54 กลัวว่าจะเกิดการปะทะกันระหว่างฝ่ายที่ยื่นกับฝ่ายที่คัดค้าน และร้อยละ 21.88 ไม่อยากให้นำสถาบันพระมหากษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับการเมือง

วอนอย่าเล่นเกมจนชาติย่อยยับ

สวนดุสิตโพล ยังรายงานด้วยว่า ร้อยละ 36.07 เห็นว่าการยื่นถวายฎีกาในวันที่ 17 ส.ค.นี้คงไม่วุ่นวาย ขณะที่ร้อยละ 32.74 ไม่แน่ใจ เพราะไม่รู้ว่าแต่ละฝ่ายมีเบื้องหลังอย่างไร ส่วนร้อยละ 31.19 ระบุว่าน่าจะวุ่นวาย เพราะทุกฝ่ายมุ่งเอาแต่ชนะ ต้องการอำนาจ เป็นเกมการเมือง ส่วนวิธีการที่จะทำให้การถวายฎีกาไม่วุ่นวายและบานปลายจนเกิดความแตกแยกมากกว่านี้ ร้อยละ 32.93 ระบุว่าต้องหลีกเลี่ยงการปะทะ อย่าใช้วิธีตาต่อตาฟันต่อฟัน ร้อยละ 22.75 เห็นว่านักการเมืองควรคิดถึงประเทศชาติเป็นสำคัญ อย่าใช้ประชาชนเป็นเครื่องมือต่อรอง อย่าเล่นเกมจนบ้านเมืองย่อยยับ ร้อยละ 16.58 อยากให้รัฐบาลวางตัวเป็นกลาง ประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรู้ ข้อเท็จจริง อย่าเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเด็ดขาด ร้อยละ 16.08 เห็นควรใช้สติในการแก้ปัญหา และร้อยละ 11.68 ประชาชนจะต้องมั่นคง ไม่ถูกชักจูงง่าย อย่าเชื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดโดยไม่มีเหตุผล

บิ๊กจิ๋ว ไม่อยากให้ซ้ำรอยอดีต

ที่วัดพระศรีมหาธาตุวรวิหาร บางเขน พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ พร้อมคุณหญิงพันธุ์เครือ ยงใจยุทธ ภริยา ร่วมกันเป็นประธานในพิธีบวงสรวงและบำเพ็ญกุศลอุทิศแก่ ดวงวิญญาณเพื่อนร่วมชีวิตที่ได้สละชีพเพื่อรักษาชาติ ศาสน์ กษัตริย์

พล.อ.ชวลิต ให้สัมภาษณ์ถึงการจัดพิธีดังกล่าวว่า พวกเราที่มาในวันนี้เป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในการปกป้องประเทศชาติมาก่อน ในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาและเป็นการสืบทอดพระบรมมหากรุณาธิคุณจึงร่วมจัดงานให้แก่พลเรือน ทหาร ตำรวจ ที่ได้สละชีพเพื่อชาติ การจัดงานในวันนี้จะเป็นสิ่งเตือนใจคนไทยทุกคน ความขัดแย้งในบ้านเมืองเป็นสิ่งที่สร้างความเสียหาย ความขัดแย้งเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา คิดว่าจะไม่เกิดขึ้นอีก

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าจะเป็นหนึ่งในผู้ที่จะไปร่วมถวายฎีกากับกลุ่มคนเสื้อแดงด้วยนั้น พล.อ.ชวลิต กล่าวว่า คงไม่มี แต่มีความพยายาม ให้ตนเข้าไปช่วยเหลือเหมือนกัน ความจริงตน ก็อยากช่วยเหลือทั้งนั้นไม่ว่าฝ่ายไหน แต่ก็พยายาม ให้ข้อคิดเห็นไป ซึ่งพวกเขาคงได้รับทราบและคงพยายามแก้ไขกัน

ลุ้นศาลฎีกาตัดสินคดีกล้ายาง

อีกด้านหนึ่ง ผู้สื่อข่าวรายงานจากศาลฎีกาว่า วันที่ 17 ส.ค. เวลา 14.00 น. ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะมีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำที่ อม.4/2551 ที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ฟ้อง นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและมาตรการช่วยเหลือเกษตรกร (คชก.) นายเนวิน ชิดชอบ อดีต รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะผู้ริเริ่มโครงการกล้ายางพารา 90 ล้านต้น มูลค่า 1,400 ล้านบาท และพวก รวมทั้งบริษัทเอกชน ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-44 ในความ ผิดฐานเป็นเจ้า พนักงานมีหน้าที่ซื้อ จัดการทรัพย์สินใดใช้ อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตเสียหายแก่รัฐ, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151, 157, 341 พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2542 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ. 2502 มาตรา 11

เผยไต่สวนพยานเกือบ 9 เดือน

คดีนี้นายบุญรอด ตันประเสริฐ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะในศาลฎีกา เจ้าของสำนวนและองค์คณะ เริ่มทำการไต่สวนครั้งแรกเมื่อวันที่ 23 ก.ย. 2551 ทั้งพยานโจทก์-จำเลย ประมาณ 30 ปาก เสร็จสิ้นเมื่อวันที่ 16 มิ.ย. 2552 การไต่สวนฝ่ายโจทก์มีพยานสำคัญ ประกอบด้วย นายบรรเจิด สิงคะเนติ ประธานอนุกรรมการไต่สวนของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) สำนวนคดีทุจริตกล้ายาง และเจ้าหน้าที่สำนักงานกองทุนสงเคราะห์การทำสวนยาง (สกย.)

ขณะที่ฝ่ายจำเลยให้นายเนวิน จำเลยที่ 4 เป็นผู้แถลงเปิดคดีด้วยวาจาและเบิกความต่อสู้คดีว่า ดำเนินโครงการนี้ด้วยความสุจริตใจ ได้แนวคิดมาจากผลการศึกษาและวิจัยของสถาบันวิจัยยาง กรมวิชาการเกษตร ว่าพื้นที่อีสานสามารถปลูกยางพาราได้ และการดำเนินการอนุมัติโครงการไปตามอำนาจหน้าที่ ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่ง รมช. เกษตรฯ และรักษาการในตำแหน่ง รมว.เกษตรฯ เนื่องจากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รอโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งดำรงตำแหน่ง รมว.เกษตรฯ

แนะทุกฝ่ายยอมรับคำพิพากษา

นายเจษฎา อนุจารีย์ อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการสภาทนายความ ในฐานะทนายฝ่ายโจทก์ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งเลื่อนนัดอ่านคำพิพากษาแต่อย่างใด ส่วนจำเลยทั้ง 44 คน จะเดินทางมาฟังคำพิพากษาครบทุกคนหรือไม่ก็ต้องรอดูในวันที่ 17 ส.ค.นี้ การตัดสินคดีของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีผู้พิพากษาชั้นผู้ใหญ่ระดับศาลฎีกา ที่มีความรู้ ความสามารถ และความซื่อสัตย์เป็นที่ไว้วางใจ ทำการตัดสิน ดังนั้นไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร ทุกฝ่ายก็ต้องน้อมรับ จึงเชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหา

ทนายความฝ่ายโจทก์ กล่าวอีกว่า มั่นใจ 100% ว่าจะชนะคดี โดยฐานความผิดที่ยื่นฟ้องคดีนี้ที่มีอัตราโทษสูงสุด คือ การทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 และ 157 แต่ถ้าไปถามฝ่ายจำเลยก็คงได้รับคำตอบว่ามั่นใจเช่นกันว่าจะชนะคดี อย่างไรก็ตามแม้ว่าศาลจะพิพากษายกฟ้อง ก็ไม่กระทบกับคดีอื่นที่ คตส. สรุปสำนวนและยื่นฟ้องคดีเอง เพราะแต่ละคดีมีพฤติการณ์และข้อเท็จจริงที่แตกต่างกัน ส่วนการจะยื่นอุทธรณ์หากศาลยกฟ้องนั้นต้องเป็นกรณีที่มีพยานหลักฐานใหม่

คตส.-ป.ป.ช.เมินถูกฟ้องกลับ

นายเจษฎา กล่าวด้วยว่า หากมีการยกฟ้องคดีอาจทำให้ฝ่ายจำเลยฟ้องกลับ คตส. และ ป.ป.ช. ก็ไม่เป็นห่วง เนื่องจาก คตส. ปฏิบัติงานตามกฎหมายที่ขณะนั้นให้อำนาจไว้ และในการทำความเห็นก็แตกต่างกันได้ โดย คตส. เสียงข้างน้อย เห็นว่าการดำเนินการของ คชก. เป็นการดำเนินการตามนโยบาย ไม่ควรรับผิดทางอาญา แต่น่าจะมีความรับผิดทางแพ่งที่ทำให้เกิดความเสียหาย เป็นการแสดงให้เห็นว่า การสรุปสำนวนของ คตส. ไม่มีเจตนาใส่ร้ายหรือกลั่นแกล้งบุคคลใด

ทนายความรายนี้ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันการทุจริตคอร์รัปชั่นพัฒนาเปลี่ยนวิธีการแตกต่างจากเดิมที่นักการเมืองใช้อำนาจบริหารกินค่าหัวคิว มาเป็นการทุจริตเชิงนโยบาย ที่นักการเมืองใช้อำนาจกำหนดนโยบาย ออกกฎหมาย เปลี่ยนแปลงกฎ ระเบียบ ข้อบังคับ มารองรับการทุจริต หากกระบวนการยุติธรรมตามไม่ทันคงตามจับนักการเมืองทุจริตไม่ได้ ดังนั้นไม่ว่าผลคดีจะออกมาในทางใด ก็จะนำมาศึกษาเป็นบรรทัดฐานได้

วราเทพใจชื้นไม่หนีไปไหน

นายสุรสิทธิ์ วงศ์วิทยานันท์ ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย คนใกล้ชิดนายวราเทพ รัตนากร อดีต รมช.คลัง หนึ่งในจำเลยคดีกล้ายาง เปิดเผยว่า จากการพูดคุยพบว่านายวราเทพไม่หนักใจหรือแสดงอาการเคร่งเครียด โดยจะเดินทางไปฟังคำตัดสินอย่างแน่นอน ซึ่งตนและเพื่อน ส.ส. ที่ชอบพอกันก็จะร่วมเดินทางไปให้กำลังใจนายวราเทพด้วย

ขณะที่นายสุรสิทธิ์ เจียมวิจักษณ์ ส.ส. เชียงราย พรรคเพื่อไทย เปิดเผยเช่นกันว่า ได้คุยกับนายวราเทพครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 11 ส.ค. ที่ผ่านมา โดยนายวราเทพบอกว่าไม่น่าจะมีอะไร เพราะ ไม่ได้เกี่ยวพันโดยตรง เพียงแต่เข้าไปมีส่วนร่วมเป็นกรรมการ คชก. โดยตำแหน่งเท่านั้น

ปชป.ได้ชื่อคนงาบพอเพียง

อีกเรื่องหนึ่ง ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกฯ ให้สัมภาษณ์กรณีที่กลุ่มเสื้อแดงระบุว่าหลังยื่นฎีกาช่วย พ.ต.ท. ทักษิณ แล้วจะเดินหน้าขับไล่รัฐบาล ตรวจสอบการทุจริต โดยเฉพาะโครงการชุมชนพอเพียงว่า การตรวจสอบเป็นหน้าที่ของทุกคนอยู่แล้ว และรัฐบาลก็ตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง ทั้งในส่วนของรัฐบาลและพรรคประชาธิปัตย์

หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ภายในสัปดาห์นี้ นายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานตรวจสอบการทุจริตโครงการชุมชนพอเพียงของพรรคประชาธิปัตย์ จะสรุปผลการตรวจสอบมาให้ตน ซึ่งนายเจริญได้บอกกับตนแล้วว่ามีคนผิดแน่นอน และตนจะคุยกับนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ ที่ดูแลในเรื่องนี้ และดูในส่วนของพื้นที่ หมายถึงสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) ในพื้นที่ด้วย ต้องดูให้ครบ ไม่ปล่อยส่วนไหนออกไป

มาร์คตำหนิสุมิทโยนบาป

นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า กรณีของชุมชนพอเพียง มีหลักเกณฑ์เกี่ยวกับเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง ทำให้มีคนมาใช้ช่องตรงนี้ทำเหมือนกับล็อกสเปกหรือจำกัดลักษณะของโครงการ แต่ขณะเดียวกันแรงกดดันที่จะบอกว่าไม่ให้มีหลักเกณฑ์เหมือนกับโครงการเอสเอ็มแอล ก็ต้องบอกตรง ๆ ว่าเอสเอ็มแอลก็มีปัญหาการทุจริตหนักมากเหมือนกัน เราไม่ต้องการย้อนกลับไปตรงนั้น

เมื่อถามว่า แนวคิดของนายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ผอ.สำนักงานเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อยกระดับชุมชน (สพช.) มีปัญหาหรือไม่ เพราะโยนความผิดให้ประชาชน นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้ยินด้วยตัวเอง แต่เห็นข่าวก็ไม่สบายใจ และคิดว่าไม่เหมาะสมที่จะไปโทษประชาชน เราไม่มีสิทธิไปโยนความผิดให้ชาวบ้าน ถ้าทำไม่ได้ก็เป็นความผิดของเราเอง เมื่อถามย้ำว่า คนเช่นนี้ยังเหมาะที่จะเป็นผู้บริหาร สพช. หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวตัดบทว่า เดี๋ยวจะไปเรื่องอื่นแล้ว เอาเรื่องตรวจสอบตรงนี้ก่อน แล้วก็จะดูความเหมาะสม

รับ 2 ส.ข.มีเอี่ยวแต่ไม่ได้ทุจริต

นายเจริญ คันธวงศ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบการทุจริตโครงการชุมชนพอเพียง ให้สัมภาษณ์ยอมรับว่า คนของพรรคประชาธิปัตย์อาจเข้าไปเกี่ยวข้องไม่น่าจะเกิน 2 คน เป็นสมาชิกสภาเขต (ส.ข.) เขตบางกะปิ และเขตบางพลัด โดยเข้าไปช่วยซื้อของ แนะนำสินค้า แต่ไม่ถึงขั้นทุจริต ส่วนบทลงโทษต้องให้หัวหน้าพรรคเป็นผู้พิจารณา

ส่วนที่พรรคเพื่อไทยออกมาเรียกร้องให้นายกอร์ปศักดิ์ที่รับผิดชอบโครงการชุมชนพอเพียงลาออกจากตำแหน่งนั้น นายเจริญ กล่าวว่า ไม่ถึงขนาดนั้น นายกอร์ปศักดิ์ อาจจะบริหารงานบกพร่อง ดูแลไม่ทั่วถึง กรณีอย่างนี้ในต่างจังหวัดก็มีข่าวเหมือนกัน เช่น จ.กาฬสินธุ์ มีการร้องเรียนว่าคนไปอ้างและแนะนำให้ประชาชน ซื้อสินค้าของบริษัทนั้น ๆ อย่างนี้นายอำเภอต้องลาออกหรือไม่ ปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นปัญหา การเมือง ที่ฝ่ายตรงข้ามก็ไม่อยากให้โครงการนี้สำเร็จ เพราะถ้าสำเร็จฝ่ายนั้นก็เสียคะแนน

โวยฝ่ายค้านสอดไส้โครงการ

นายเจริญ เปิดเผยอีกว่า เมื่อวันที่ 15 ส.ค.ที่ผ่านมา ได้ลงพื้นที่เขตบางกะปิ และมีชาวบ้านมาบอกว่าคนของฝ่ายตรงข้ามให้ไปแจ้งความเกี่ยวกับคดีนี้ ถ้าไม่ไปแจ้งความก็จะต้องติดคุกเสียเอง ทำให้ชาวบ้านบางคนต้องไปแจ้งความที่ สน.ลาดพร้าว

ที่พรรคประชาธิปัตย์ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า คนใกล้ชิด ส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่มีตำแหน่งเป็นถึงประธานคณะกรรมาธิการของสภาผู้แทนราษฎร มีพฤติกรรมมีส่วนในการทุจริต แอบอ้างว่ารู้จักกับนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ โดยหลอกชาวบ้านว่าจะประสานกับนายกอร์ปศักดิ์เพื่อขอสนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมจากงบปกติที่ชุมชนจะได้รับ แต่โครงการที่ได้รับการอนุมัติกลับเป็นโครงการที่คนใกล้ชิดพรรคเพื่อไทยสอดไส้เข้าไป

จี้กอร์ปศักดิ์ตัดตอนสุมิท

รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นที่ อ.เมือง จ.อำนาจเจริญ ซึ่งนายกอร์ปศักดิ์ได้ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความดำเนินคดีแล้ว กรณีนี้รัฐบาลไม่ได้จับแพะ แต่จะจัดการไส้ศึก อยากเรียกร้องพรรคเพื่อไทยให้ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าวนี้ ถ้าชี้แจงไม่ได้ ตนจะเป็นคนนำข้อมูลมาเปิดเผยในสภา พร้อมยื่นเอกสารต่อประธานสภา และอยากถามว่าพรรค เพื่อไทยจะแสดงความรับผิดชอบอย่างไร ไม่ใช่ว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง

ต่อข้อถามว่า มีข่าวว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่พอใจนายสุมิท แช่มประสิทธิ์ ผอ.สพช. ที่เคยเป็นคนใกล้ชิด พ.ต.ท.ทักษิณ มาก่อน นพ. วรงค์ กล่าวว่า ผู้บริหารโดยเฉพาะรองนายกฯ ก็ต้องตรวจสอบกวาดบ้าน เพราะถ้าคนในสำนักงานไม่รู้เห็นกันจะเกิดการยัดไส้ได้อย่างไร

พท.ยกตัวอย่างปลากระป๋อง

ด้านนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงการทุจริตโครงการชุมชนพอเพียงว่า ขณะนี้มีข้อมูลว่านอกจากนายกอร์ปศักดิ์ จะเป็นประธานโครงการชุมชนพอเพียงแล้วยังมีคำสั่งให้นายกอร์ปศักดิ์ ดำรงตำแหน่งประธานอนุกรรมการที่มีอำนาจก

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook