ยื่นถวายฎีการาบรื่น''แม้ว''ซาบซึ้งร่ำไห้

ยื่นถวายฎีการาบรื่น''แม้ว''ซาบซึ้งร่ำไห้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ตร.4 พันตรึง 12 จุดโล่งไม่มีม็อบปะทะ

ยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษอดีตนายกฯทักษิณราบรื่นไม่มีเหตุปะทะ มีแต่เสียงฟ้าฝนคำรามลั่น แกนนำนปช.นำใบฎีกา 3.5 ล้านชื่อใน 383 กล่อง ยื่นต่อสำนักราชเลขาธิการ เผย มีรายชื่อผิดปกติมาก 2 ล้าน จำเป็นตัดทิ้งจึงเหลือเท่าที่ยื่น ส่วน ทักษิณ โฟนอิน ขอบคุณทุกคนที่ช่วยเหลือ ซาบซึ้งจนร้องไห้ พร้อมปฏิญาณจงรักภักดีตลอดชีวิต แฉ ถูกวางเป็นตัวหมากทำลายประเทศ หวังกลับมารับใช้ประชาชน เผย เคยบินผ่านน่านฟ้าไทยด้วย สำนักราช เลขาธิการ แถลงตามประเพณีปฏิบัติขั้นตอนฎีกาต้องส่งเรื่องให้รัฐบาลดำเนินการ แกนนำ ลั่น ขอน้อมรับทุกคำตอบ ชวรัตน์ ระบุคนค้านฎีกามีกว่า 10 ล้านคน พร้อมสั่งยุติลงชื่อคัดค้าน ปัดไม่มีกดดันผู้ว่าฯ ส่วนตำรวจใช้กำลังกว่า 4 พันนายตรึง 12 จุดเสี่ยง โล่งใจม็อบไม่มีปะทะ สุเทพ ยัน ไม่มีปฏิวัติเงียบ ทหารรักประชาธิปไตย ส่วนสื่อนอกรายงานข่าวยื่นฎีกาไปทั่วโลก

ความเคลื่อนไหวของแนวร่วมประชาธิป ไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ที่นัดชุมนุมกันที่ท้องสนามหลวง เพื่อนำรายชื่อคนไทยกว่า 5 ล้านคนยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในช่วงบ่ายของวันที่ 17 ส.ค. ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จะพิจารณาคดีทุจริตกล้ายาง ที่มีอดีต ครม.รัฐบาล พ.ต.ท. ทักษิณ เป็นจำเลย โดยมีนายเนวิน ชิดชอบ อดีตรมช.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งปัจจุบันเป็นแกนนำพรรคภูมิใจไทย เป็น 1 ในจำเลยด้วย ทำให้มีความกังวลใจว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะปะทะกับกลุ่มที่มาให้กำลังใจนายเนวิน คือกลุ่มคนเสื้อน้ำเงิน ตำรวจกับทหารได้วางกำลังดูแลความเรียบร้อยอย่างเต็มที่ ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เสื้อแดงทยอยชุมนุมต่อเนื่อง

ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 17 ส.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดง เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาขอพระราชทานอภัย โทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยมีคนเสื้อแดงจากภาคต่าง ๆ ทยอยเดินทางโดยรถบัสจำนวนหลายสิบคัน มาปักหลักรอตั้งแต่เวลา 04.00 น. ขณะที่แกนนำ อาทิ นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายอดิศร เพียงเกษ นพ.เหวง โตจิราการ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ นายชินวัตร หาบุญพาด นายมานิตย์ จิตจันทร์กลับ นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไทย นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ ได้เดินทางมารอตั้งแต่เช้าตรู่เช่นเดียวกัน

คนดัง-อดีตส.ส.ร่วมทูลเกล้าฯ

นอกจากนี้ยังมี ส.ส.พรรคเพื่อไทยและอดีต ส.ส.พรรคพลังประชาชน เข้าร่วมจำนวนมาก อาทิ นายสงวน พงษ์มณี ส.ส.ลำพูน พรรคเพื่อไทย นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียง ใหม่ พรรคเพื่อไทย พ.ต.ท.สุรทิน พิมานเมฆินทร์ ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย และนายนิสิต สินธุไพร อดีตกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ที่ปักหลักอยู่ด้านหลังเวทีซึ่งตั้งอยู่ทิศเหนือ สะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า หันหน้าเข้าหาพระบรมมหาราชวัง

ทั้งนี้ทีมงาน นปช. ได้นำแผงเหล็กมากั้นเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้ากลางสนามหลวง ทำให้พื้นที่คับแคบลง ผู้ชุมนุมที่ทยอยเดินทางมาสมทบต้องล้นออกไปโดยรอบสนามหลวง กินพื้นที่ถนนรวมถึงพื้นที่บริเวณหน้าศาลฎีกา ส่งผลให้การจราจรติดขัดอย่างหนัก ขณะที่บรรยากาศในช่วงสายร้อนอบอ้าวและมีเมฆฝนตั้งเค้าแต่กลุ่มคนเสื้อแดงยังปักหลักเหนียวแน่น

แม้วโฟนอินครวญไม่ลืมบุญคุณ

หลังจากนั้นเวลา 11.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โฟนอินจากดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ มายังเวทีเพื่อขอบคุณคนเสื้อแดงเป็นเวลา 30 นาที โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ตนจะไม่มีวันลืมบุญคุณครั้งนี้และการที่พี่น้องเสื้อแดงมารวมตัวกันที่สนามหลวงคงไม่ใช่ต้องการช่วยตนอย่างเดียว แต่คงเกิดจากการสั่งสมความรู้สึก 3 ปีที่เสียงของประชาชนถูกโยนทิ้งด้วยการปฏิวัติ 19 ก.ย. 2549 ความไม่ยุติธรรม ระบบสองมาตรฐานได้เกิดขึ้น ตนต้องเป็นเหยื่อของการถูกรังแกใส่ร้าย ประชา ชนต้องทนทุกข์ จึงต้องมาขอพึ่งพระบารมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

ถูกใส่ร้ายป้ายสีไม่จงรักภักดี

พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ที่ผ่านมาการเป็นนายกฯ ของตนได้สร้างความไม่พอใจอย่างมากกับบุคคลที่เคยเสวยสุขจากความอ่อนแอของพรรคการเมือง ทั้งที่ตนพยายามทำงานหนักคิดดีทำดีมาตลอด แต่ก็ยังถูกกล่าวหาว่าไม่จงรักภักดี ซึ่งคนกลุ่มนี้ต้องการล้ม เปลี่ยนขั้วการเมืองโดยไม่ฟังเสียงประชาชน ดังนั้นการที่คนเสื้อแดงมาที่นี่ไม่ใช่สัญลักษณ์ของคอมมิวนิสต์ แต่คือเลือดรักชาติ เป็นคนไทยที่มีความจงรักภักดีมารวมตัวกันอย่างสันติ ทั้งนี้ในสมัยที่เป็นนายกรัฐมนตรีมีโอกาสตามเสด็จสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ หลายโอกาส ได้เห็นการทรงงานที่หนักของพระองค์ท่าน ทำให้ตนได้เรียนรู้งานศิลปาชีพและเดินตามรอยพระบาท ความสำเร็จของสินค้าโอทอป ตนพูดมาตลอดว่าเป็นผลงานจากงานศิลปาชีพ

ถูกวางเป็นหมากหวังทำลายปท.

แม้ผมจะทำงานหนักก็ไม่วายถูกใส่ร้าย เรื่องโทษจำคุกผมสองปีจากคดีที่ดินรัชดา เป็นเรื่องที่ตลกที่สุด เพราะการขายทรัพย์สินไม่ผิด ผู้ซื้อผู้ขายไม่ผิด แต่สามีผู้ซื้อให้การยินยอมทำนิติกรรมกลับผิด เรื่องนี้ก่อนมีคำพิพากษาผมไม่ได้ให้ความเชื่อถือกระบวนการยุติธรรมหลังการปฏิวัติ จึงได้ให้มีการถอนทนายความก่อนการพิจารณาเสร็จสิ้นและผลของการตัดสินลงโทษด้วยมติ 5 ต่อ 4 เสียง ความไม่เป็นธรรมที่เกิดขึ้นคือสิ่งที่สั่งสมมาตลอดและรอความเป็นธรรมคืนสู่สังคมไทย อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุ

ผมเป็นหมากตัวหนึ่งที่เขาใช้ทำลายประเทศ วันนี้เรามากราบทูลให้พ่อหลวงเพราะอยากเห็นความสามัคคีในชาติ อยากเห็นสิทธิเสรี ภาพของประชาชนกลับคืน อยากเห็นศักดิ์ศรีของประเทศกลับคืน เราอยากเห็นนายกฯ ไปไหนก็ได้ในประเทศนี้ ไม่ใช่ พ.ต.ท.ทักษิณ ไปภาคใต้ไม่ได้ น อภิสิทธิ์ไปภาคอีสาน ภาคเหนือไม่ได้ เราอยากเห็นคนไทยมีหัวใจเป็นสีเดียวกันไปอยู่ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว

ปฏิญาณตนจงรักภักดีสถาบัน

อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า เชื่อว่าปัญหาที่ผ่านมาพระเจ้าอยู่หัวทรงกลุ้มพระทัยไม่น้อยที่เห็นบรรยากาศบ้านเมืองเป็นอย่างนี้ วันนี้จึงเป็นช่องทางให้เราร้องทุกข์ เพราะฉะนั้นทนายหน้าหอทั้งหลายอย่าออกมาตีความให้เลอะเทอะเพราะหลักนิติศาสตร์ต้องไปคู่กับหลักรัฐศาสตร์ ไม่เช่นนั้นประเทศเดินไม่ได้ เมื่อเหตุมาจากการเมืองก็ต้องแก้ด้วยการเมือง พี่น้องอย่าให้คนไทยไม่กี่คนมาเสี้ยมเรา เราจะสร้างความสามัคคีถวายให้ทรงมีความสุข พ้นจากความกลุ้มพระทัยในเรื่องนี้ ในฐานะที่ตนจบเตรียมทหารผ่านการเป็นรัฐมนตรีและนายกรัฐมนตรี ที่ปรับ ครม.บ่อยที่สุด ทำให้ ตนนำ ครม.เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์เป็นประจำ

วันนี้แม้เขาจะกล่าวหาเป็นผู้ร้ายหลบหนี ผมก็จะขออนุญาตปฏิญาณตนอีกครั้งว่าข้าพระพุทธเจ้า พ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่าข้าพเจ้าและครอบครัวจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และราชวงศ์จักรีทุกพระองค์ จนกว่าชีวิตจะหาไม่ ควรมิควรแล้วแต่จะโปรด พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว

จัดขบวนหาบใบฎีกา 383 กล่อง

กระทั่งเวลา 11.30 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เป็นต้นเสียงนำร้องเพลงสดุดีมหาราชา จากนั้นแกนนำ นปช.ได้ประกาศจัดรูปขบวน ประกอบด้วย ขบวนแรกเป็นพานเงิน พานทอง พร้อม พระบรมฉายาลักษณ์ ขบวนที่สองเป็นผู้ถือธงไตรรงค์ 75 ผืน ตามด้วยขบวนที่สามเป็นพระภิกษุสงฆ์จำนวน 1,000 รูป และปิดท้ายขบวนที่สี่เป็นขบวนหาบใบฎีกา 383 กล่องซึ่งถูกห่อด้วยผ้าแดงทุกกล่อง พร้อมขบวนแกนนำ เดินเท้าผ่านถนนหน้าพระธาตุ หน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และมหาวิทยาลัยศิลปากร โดยมีกำลังเจ้า หน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบตรึงกำลังพร้อมโล่และแผงเหล็กกั้นไม่ให้ฝูงชนล้นไปทางฝั่งพระบรมมหาราชวัง

ทูลเกล้าฯถวายใบฎีกาชื่นมื่น

ต่อมาเวลา 12.55 น. ตัวแทนพระสงฆ์ 5 รูปและตัวแทน นปช. 10 คนได้แก่ นายวีระ นายจตุพร นพ.เหวง นายอดิศร นายนิสิต นายชินวัตร นายวิภูแถลง นายจารุพงศ์ นายมานิตย์และนายจรัล ได้เดินทางมาที่ด้านหน้าประตูวิเศษไชยศรี โดยมีเจ้าหน้าที่นำแผงเหล็กกั้นและตรึงกำลังไม่ให้เข้าไปในบริเวณพระบรมมหาราชวัง แต่อนุญาตให้ตัวแทนดังกล่าวยื่นทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาในบริเวณด้านหน้าที่จัดให้ โดยมีนายวีระ เป็นตัวแทนอ่านใบฎีกา ขณะที่พระมหาโชว์อ่านใบฎีกาฝ่ายสงฆ์ ก่อนมอบใบฎีกาให้กับนาย อินจันทร์ บุราพันธุ์ รองราชเลขาธิการสำนักพระราชวัง ระหว่างการยื่นพระสงฆ์ได้สวดอิติปิโสด้วย จนเสร็จพิธีเจ้าหน้าที่ใช้เครื่องตรวจวัตถุระเบิดสแกนกล่องใบฎีกาทุกกล่องเพื่อความปลอดภัย ก่อนส่งให้เจ้าหน้าที่สำนักพระราชวังตรวจสอบความถูกต้องอีกครั้ง

ฮือฮาช่วงยื่นฟ้าร้องคะนองลั่น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะที่แกนนำ นปช. ได้อ่านใบฎีกาอยู่นั้น เมฆฝนได้ตั้งเค้าและเกิดฟ้าร้องเสียงดังสนั่น นายณัฐวุฒิได้ประกาศว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีของคนเสื้อแดง หลังจากนั้นคนเสื้อแดงได้เคลื่อนขบวนกลับมายังเวทีสนามหลวงเพื่อฟังนาย วีระ ชี้แจงยอดฎีกาบนเวที ว่า ยอดฎีกาที่ผ่านการคัดเลือกมีทั้งสิ้น 3,532,900 คน โดยแบ่งเป็นของพระสงฆ์จำนวน 3,429 รูป เหตุที่เหลือ 3.5 ล้านเพราะตรวจพบว่ามีรายชื่อปฏิปักษ์แอบแฝง

แม้วโฟนอิน 2 ซาบซึ้งร้องไห้

หลังจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้โฟนอินรอบที่ 2 ขอบคุณหลังเสร็จสิ้นพิธีทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า ได้ติดตามบรรยากาศโดยตลอด รู้สึกปลาบปลื้มใจจนน้ำตาซึม โดยได้โทรศัพท์ไปหาคนที่บ้านหลายคนปลื้มใจจนร้องไห้เพราะประชาชนมีเมตตาต่อตนมาก ตนต้องขอบคุณคนไทยทั้งแผ่นดินที่มีเมตตาและมีเป้าหมายเดียวกัน ที่อยากเห็นความปรองดอง นำพาประเทศไปสู่ความสงบสุข แม้ว่าตนจะไม่ได้ถือพาสปอร์ตไทย แต่ตนพร้อมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีกับคนไทย สักวันหนึ่งจะกลับไปทำงานเพื่อประเทศ แม้จะโดนย่ำยีก็จะอดทน

ผมบินไปไหนรอบโลก แต่ใจอยากบิน เข้าไทยตลอดเวลา มีอยู่วันหนึ่ง ผมมาแถวนี้ และนักบินจะพาอ้อมบินข้ามประเทศไทย เพราะกลัวว่าถ้าเกิดอุบัติเหตุ แล้วลงจอดจะเป็นเรื่อง แต่ผมบอกให้นักบินบินผ่านประเทศไทยไปเลย ระหว่างนั้นผมนั่งสมาธิคิดถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่า ถ้าผมเลวจริงก็อย่าให้ได้กลับ แต่ถ้าผมรักชาติจงรักภักดีก็ขอให้ได้กลับและได้แผ่เมตตาอโหสิกรรมให้คนที่ไม่หวังดีด้วย 30 นาที พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว

ยอดใบฎีกา 3.5 ล.คัดออก 2 ล.

จากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ได้นำร้องเพลงสรรเสริญพระบารมี ก่อนที่นายวีระจะประกาศสลายการชุมนุมในเวลา 15.00 น. อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวรายงานว่าคนเสื้อแดงหลายรายถึงกับหลั่งน้ำตาด้วยความคิดถึง ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ยังได้ส่งรูปถ่ายในท่านั่งสวมเสื้อโปโลสีแดง พร้อมเขียนข้อความว่า ผมจะไม่มีวันลืมน้ำใจอันยิ่งใหญ่ของพี่น้องชาวเสื้อแดงที่มีต่อผมครั้งนี้ ลงวันที่ 17 ส.ค. จำนวน 3 แสนใบแจกจ่ายให้กับคนเสื้อแดง

นายจตุพร กล่าวว่า จำนวนใบฎีกาที่นำถวายมี 3.5 ล้าน โดยได้สกรีนออกไปกว่า 2 ล้านใบเนื่องจากมีความสงสัยว่าจะไม่ถูกต้อง ทั้งนี้กลุ่มคนเสื้อแดงจะดำเนินการด้วยความรอบคอบจะไม่ยอมให้มีความผิดพลาดเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะจะสร้างความเสียหาย

ไม่พูดเรื่องฎีกาจะสู้รัฐบาลต่อ

นายจตุพร เผยต่อว่า นายวีระได้เล่าว่าระหว่างการยื่นฎีกาได้แสดงความกังวลต่อรอง ราชเลขาธิการโดยเป็นห่วงว่ารัฐบาลจะเข้ามายุ่งเกี่ยว ซึ่งรองราชเลขาธิการยืนยันว่าจะดำเนินการตามระเบียบ ดังนั้นพวกตนก็เชื่อว่ารองราชเลขาธิการ จะปฏิบัติกับฎีกาเสื้อแดงเหมือนกับฎีกาอื่น ๆ โดยหลังจากนี้ไปพวกตนจะไม่พูดถึงเรื่องถวายฎีกา ยกเว้นจะมีการแจ้งความดำเนินคดีพวกที่กล่าวหาเสื้อแดง ทั้งนี้จะมีการหารือขับไล่รัฐบาลต่อไป

แจงเหุคัดชื่อออกมีชื่อผิดปกติ

นายณัฐวุฒิ แถลงหลังการชุมนุมว่า บัดนี้ ขบวนการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาได้สิ้นสุดลงแล้ว จากนี้ถือว่าภารกิจสิ้นสุด ไม่ว่าเบื้องบนจะวินิจฉัยอย่างไร เมื่อไหร่ แบบไหน คนเสื้อแดงพร้อมน้อมรับทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามเหตุผลที่มีการคัดรายชื่อออกไปจำนวนมาก เพราะบางรายมีชื่อ ไม่มีเลขที่บัตรประจำตัวประชาชน บางรายมีชื่อมีเลขบัตรแต่ไม่มีที่อยู่ บางรายเป็นเยาวชน จึงดึงออกเพื่อกันข้อครหา นอกจากนี้ยังพบว่าใบฎีกาจำนวนมากเป็นฝ่ายปรปักษ์ โดยมั่นใจว่ารายชื่อที่ส่งไปมีความสมบูรณ์ที่สุด ทั้งนี้แม้ว่าภารกิจนี้จะสิ้นสุด แต่คนเสื้อแดงจะไม่หยุดเรียกร้องประชาธิปไตย ยังจะมีการชุมนุมขับไล่รัฐบาล เอาความยุติธรรมกลับคืนมา

สำนักราชเลขาธิการแจงขั้นตอน

หลังการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกา สำนักราช เลขาธิการ ออกแถลงข่าว ใจความสำคัญว่า ตามที่นายวีระ มุสิกพงศ์ กับแกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้ทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ในวันจันทร์ที่ 17 ส.ค. 52 เวลา 13.00 น. ณ บริเวณประตูวิเศษไชยศรี พระบรมมหาราชวังนั้น สำนักราชเลขาธิการ ขอชี้แจงให้ทราบว่า ตามขั้นตอนที่เคยปฏิบัติมาเมื่อสำนักราชเลขาธิ การได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายฎีกาเกี่ยวกับการขอพระราชทานอภัยโทษ การขอพระราชทานความเป็นธรรม และการขอพระราชทานความช่วยเหลือ สำนักราชเลขาธิการต้องส่งฎีกาทุกเรื่องให้รัฐบาล พิจารณาถวายความเห็นประกอบพระราชดำริต่อไป จึงขอแถลงข่าวมาให้ทราบโดยทั่วกัน

สุเทพยันทหารรักประชาธิปไตย

ก่อนหน้านี้ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 09.00 น. นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้ตั้งวอร์รูมเพื่อติดตามสถานการณ์มันไม่มีสงคราม คิดว่าเราต้องตั้งสติกันให้มั่น อย่าหวั่นไหว เราพยายามแก้ปัญหาให้ดีที่สุดแต่ก็ไม่ใช่ว่าประมาท เมื่อถามว่า ขณะนี้มีการพูดถึงกระแสข่าวการปฏิวัติเงียบกันมาก สะท้อนถึงสถานการณ์อย่างใดอย่างหนึ่งหรือไม่ นายสุเทพ หัวเราะก่อนกล่าวว่า ตนคงไปตอบแทนคนลือไม่ได้ แต่ตนเรียนว่าเท่าที่ตนได้ทำงานใกล้ชิดกับบรรดาผู้นำเหล่าทัพทั้งหลาย ตนคิดว่ารู้ และเข้าใจชีวิตจิตใจความคิดของท่านเหล่านี้ดี ท่านเหล่านี้เป็นทหารในระบอบประชาธิปไตย ไม่ได้ประสงค์ที่จะแสวงหาอำนาจ ท่านต้องการเห็นบ้านเมืองอยู่รอดปลอดภัยในระบอบประชาธิปไตย ที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

อัดข่าวปฏิวัติเงียบไร้สาระ

ต่อข้อถามว่า มองว่า การปฏิวัติเป็นเหตุการณ์ ที่ไกลความจริง ทั้งในแง่ปัญหาความสัมพันธ์กับกองทัพและในระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล นายสุเทพ กล่าวว่า ตนไม่ทราบว่าคนที่พูดมีเจตนาอะไร แต่พูดอย่างนี้ไม่ดีกับประเทศแน่นอน ทำให้พี่น้องไม่สบายใจ ขอร้องว่าใครที่ชอบพูดเรื่องนี้ต้องรับผิดชอบและระมัดระวังอย่าทำให้ประชาชนกลุ้มใจมากกว่านี้ เมื่อถามว่า นายประชา ประสพดี ส.ส. สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย ออกมาประโคมว่าอีก 3 เดือนจะเกิดการเปลี่ยนแปลงในบ้านเมืองครั้งใหญ่ นายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องแล้วแต่ว่าจะมาจากฝ่ายไหน อย่างไร นายประชา อาจจะอยู่ใกล้ชิดกับความเคลื่อนไหว ความพยายามของคนกลุ่มหนึ่ง จึงคิดไปในแง่นั้น ให้ไปถามนายประชาเองดีกว่า ตนให้ความเห็นไปเดี๋ยวจะขัดใจกัน

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะมีการปรามกระทรวงมหาดไทยหรือไม่ที่มีการตั้งโต๊ะคัดค้านการยื่นฎีกา นายสุเทพ กล่าวว่า ยังไม่เห็นว่ากระทรวงได้ทำอะไร ที่ออกนอกลู่นอกทาง ถ้าไปทำอะไรที่หมิ่นเหม่ต่อภาพลักษณ์ หรือกฎหมาย ตนก็จะเรียนให้ทราบว่าหมิ่นเหม่แล้วไม่ควรทำ แต่ขณะนี้ที่ทำต่างฝ่ายก็ยังสามารถดำเนินการได้

รมว.กลาโหมยันไม่มีปฏิวัติ

ที่สถาบันวิชาการป้องกันประเทศ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รมว.กลาโหม กล่าวถึงม็อบเสื้อแดงว่า ไม่มีความกังวลใจว่าม็อบกับตำรวจ หรือกับกลุ่มเสื้อน้ำเงินจะปะทะกัน ตำรวจจะเป็นผู้ดูแล ส่วนทหารพร้อมให้การสนับสนุนในฐานะผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ทั้งนี้การส่งกำลังทหารไปช่วยขึ้นอยู่กับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. โดยทุกอย่างทำตามกฎหมาย ไม่ต้องห่วง เมื่อถามถึงกระแสข่าวการปฏิวัติเงียบ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มี ผมขอยืนยัน และในส่วนของ ผบ. เหล่าทัพไม่ได้มีการหารือในเรื่องนี้ เพราะเป็นข่าวที่สื่อเขียนขึ้นมาเอง เมื่อถามถึงกระแสข่าวว่า นายเนวิน เดินทางไปพบตนและ ผบ.เหล่าทัพ ที่ประเทศสิงคโปร์ พล.อ.ประวิตร กล่าวยืนยันว่า ไม่มี ไม่จริง เป็นเรื่องที่พูดกันไปเอง เขาไม่ได้ไป และเขาจะไปทำไม

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook