สุเทพไม่ขัดข้องนายกฯดันปทีปนั่งผบ.ตร.คนใหม่ ปัดข่าวลือหนุนจุมพล ลั่นฟันนักการเมืองวิ่งเต้นตร.

สุเทพไม่ขัดข้องนายกฯดันปทีปนั่งผบ.ตร.คนใหม่ ปัดข่าวลือหนุนจุมพล ลั่นฟันนักการเมืองวิ่งเต้นตร.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
สุเทพไม่ขัดมาร์คดันปทีปนั่งผบ.ตร. ลั่นจัดการนักการเมืองฝากเด็กตร. อนุกรรมการสอบซื้อขายตำแหน่งเตรียมเรียกผบช.ภ.7คนใกล้ชิดพัชรวาทสอบ ศิริโชคหอบหลักฐานส่งอนุ กก.พร้อมให้ปากคำ ซัดฝีมือตำรวจใกล้ชิดผบ.ตร.อ้างสาธารณะรู้นายพลตั้งโต๊ะคือใคร ก.ตร.แฉนักการเมืองฝากแต่งตั้งทุกปี สุเทพไม่ขัดมาร์คดันปทีปนั่งผบ.ตร.ปฏิเสธข่าวหนุนจุมพล

นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง กล่าววันที่ 18 สิงหาคมกรณีที่ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) เดินทางกลับจากการปฏิบัติราชการในจังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว ว่ารัฐบาลคงไม่ส่ง พล.ต.อ.พัชรวาท ไปปฏิบัติราชการที่ไหนอีก เพราะ พล.ต.อ.พัชรวาท ต้องไปรวบรวมเอกสาร หลักฐาน เพื่อชี้แจงคดีสลายม็อบ เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 ต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.)

ส่วนการคัดเลือกบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) คนใหม่นั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ไม่มีส่วนในการคัดเลือก เพราะตามกฎหมายเป็นอำนาจของคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (กตช.) มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานและตามกระแสข่าวว่า นายกรัฐมนตรีสนับสนุน พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจ ขึ้นดำรงตำแหน่งนั้นไม่ขัดข้อง เพราะเป็นรองนายกรัฐมนตรี ต้องฟังผู้บังคับบัญชา

การที่มีข่าวว่า ผมพร้อมทั้ง นายนิพนธ์ พร้อมพันธ์ เลขาธิการนายกรัฐมนตรี และนายเนวิน ชิดชอบ แกนนำพรรคภูมิใจไทย สนับสนุนฝ่าย พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย รอง ผบ.ตร. เป็น ผบ.ตร.นั้น ถือเป็นเพียงข่าวลือ ผมไม่บริหารตามข่าวลือ ผมเล่นตามข่าวจริง แต่การตั้ง ผบ.ตร. คณะกรรมการทุกท่าน ก็เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ต้องพิจารณาด้วยความรอบคอบ เมื่อมีคณะกรรมการก็ต้องรับฟังความคิดเห็นและมีความคิดร่วมกันในทางที่ดี

เทพเทือกลั่นจัดการนักการเมืองวิ่งเต้นฝากเด็กโยกย้ายตร.

นายสุเทพ กล่าวถึงกรณีที่นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางไปยื่นเอกสารข้อมูลการซื้อขายตำแหน่งในสำนักงานตำรวจแห่งชาติต่ออนุกรรมการตรวจสอบฯของคณะกรรมการข้าราชตำรวจ(ก.ตร.)ว่า ยังไม่ได้ฟังการชี้แจง เพียงแต่มีหน้าที่ตั้งอนุกรรมการเท่านั้น

ส่วนกรณีที่อนุกรรมการฯ บอกว่าหลักฐานของนายศิริโชค เป็นหลักฐานเก่านั้น ก็ให้อนุกรรมการฯ สอบสวนไป เมื่อได้ข้อยุติอย่างไรจะให้มีการแถลงเปิดเผยต่อสาธารณชนอย่างละเอียด

ต่อกรณีที่ตำรวจยืนยันว่ามีนักการเมืองวิ่งเต้นฝากคนของตัวเองนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า ก็ดีแล้ว ขอให้อนุกรรมการฯ บอกมาเลยว่าเป็นนักการเมืองคนไหน จะได้จัดการต่อ ถ้านักการเมืองเข้าไปยุ่มย่าม จะได้จัดการนักการเมืองคนนั้นต่อไป โดยจะทำแบบไม่ไว้หน้าอินทร์หน้าพรหม เมื่อเจอแล้วต้องฟาดกันให้หมด จะได้รู้เรื่องรู้ราวกันไป อย่างไรก็ตาม ข้อมูลของนายศิริโชคนั้น เขาไม่ได้มาให้ตน และตนไม่ได้เข้าไปยุ่มย่ามก้าวก่ายกับอนุกรรมการฯต้องเคารพการทำงานของเจ้าหน้าที่ ศิริโชค ให้การกก.สอบขายตำแหน่ง

คณะอนุกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการซื้อขายตำแหน่งข้าราชการตำรวจ ที่คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ลงมติแต่งตั้งเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม โดยมีนายสมศักดิ์ บุญทอง ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ เป็นประธาน ได้เชิญนายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ มาให้ปากคำต่อคณะอนุกรรมการในฐานะผู้กล่าวหา ซึ่งนายศิริโชคเดินทางมาถึงที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 17 สิงหาคม พร้อมนำพยานหลักฐานเป็นเอกสารความยาว 60 หน้า มายื่นให้คณะอนุกรรมการ

โดยนายศิริโชคให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าให้ปากคำกับคณะอนุกรรมการว่า นำหลักฐานมาประมาณ 60 หน้า แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด เป็นพยานเอกสารและระบุพยานบุคคลไว้ชัดเจนอยู่แล้ว ใน 60 หน้านี้ มีคำให้การของพยานซึ่งเป็นตำรวจตำแหน่งรองผู้บังคับการ (รอง ผบก.) ถึงสารวัตร (สว.) แต่ไม่เปิดเผยว่ามีกี่คน เมื่อถามว่า มีรายชื่อนายพลที่ตั้งโต๊ะซื้อขายตำแหน่งหรือไม่ นายศิริโชคกล่าวว่า มีแนวทางเชื่อมโยง ส่วนจะเป็นยศอะไรก็ขอสงวนไว้เพราะเป็นเอกสารพาดพิงไปบุคคลที่สาม เป็นหน้าที่ของคณะอนุกรรมการที่ต้องสอบสวน

อ้างตำรวจใกล้ชิด ผบ.ตร.

ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นตำรวจที่ใกล้ชิดผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) และเป็นนายตำรวจที่รู้ใจและเข้าออกสำนักงาน ผบ.ตร.ใช่หรือไม่ นายศิริโชคกล่าวว่า เอาเป็นว่าตำรวจที่ใกล้ชิด เมื่อถามว่า มีใบเสร็จหรือไม่ นายศิริโชคกล่าวว่า ต้องไปนิยามว่าใบเสร็จคืออะไร ในเอกสารมีความชัดเจน แต่ขอตั้งข้อสังเกตเป็นห่วงว่าอนุ ก.ตร.ชุดนี้ เป็นอนุที่ประกอบด้วยตำรวจ ตำรวจจะมาสอบตำรวจเสียเอง ต้องมีวิธีการที่ทำให้สังคมเกิดความเชื่อมั่นว่าจะไม่ปกป้องกันเอง แต่ตนมีความยินดีที่จะให้ความร่วมมือ และตั้งใจว่าอยากให้งานนี้สำเร็จไปได้ด้วยดี เมื่อถามว่า พยานที่เป็นตำรวจจะมาให้การหรือไม่ นายศิริโชคกล่าวว่า พยานต้องมาให้การอยู่แล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่า พยานที่มาให้การเป็นคนที่ถูกเรียกเก็บเงินใช่หรือไม่ นายศิริโชคกล่าวว่า ต้องไปสอบถามคณะอนุกรรมการเอง ถ้าลงลึกไปแล้วพาดพิงหลายคน แต่เป็นตำรวจระดับรอง ผบก.-สว. ที่เกี่ยวกับโผการแต่งตั้งโยกย้ายนายพัน แต่บอกไม่ได้ว่ามีกี่คน ส่วนพยานพร้อมมาให้การหรือไม่ ต้องไปถามคณะอนุกรรมการเอง ตนจะยื่นเอกสารซึ่งคิดว่าเพียงพอแล้ว เอกสารเขียนค่อนข้างชัดเจนว่าต้องทำอะไร มีหลักฐานเชื่อมโยงไปถึงการแต่งตั้งโยกย้ายครั้งที่ผ่านมาด้วยว่าคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมกี่คน ตนคิดว่าเป็นการป้องปราม ไม่ให้ซื้อขายตำแหน่ง สังคมจะได้ช่วยกันตรวจสอบ แต่ทั้งหมดต้องให้การแต่งตั้งโยกย้ายเกิดขึ้นก่อนจะสามารถระบุได้ชัดเจนว่าเป็นไปตามเอกสารหรือไม่

ผมพยายามรักษาความลับไม่ได้กั๊กข้อมูลไว้ ในข้อเท็จจริงแล้วเวลาจะไปจับใครที่ทำความผิดต้องให้ความผิดเกิดขึ้นก่อน หวังว่าเมื่อตั้งคณะอนุกรรมการมาตรวจสอบแล้ว สังคมร่วมกันตรวจสอบ ตำรวจดีๆที่ไม่ได้ซื้อขายตำแหน่งทำหน้าที่โดยสุจริตสามารถเติบโตได้ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายศิริโชคกล่าว

ยันฝ่ายการเมืองไม่ล้วงลูก

ผู้สื่อข่าวถามว่า ออกมาครั้งนี้เพื่อเรียกร้องความชอบธรรมให้นายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายศิริโชคกล่าวว่า คงไม่เป็นแบบนั้นคนละเรื่องกัน ตนทำหน้าที่อธิบายข้อเท็จจริงว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างมีการปล่อยข่าวต่างๆนานาเพื่อทำลายฝ่ายการเมือง ตนก็ทำหน้าที่ชี้แจงข้อเท็จจริงว่าคืออะไร ซึ่งข้อเท็จจริงบังเอิญไปพาดพิงถึงการแต่งตั้งโยกย้ายเท่านั้นเอง

เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าพยานจะกล้ามาให้การกับคณะอนุกรรมการ นายศิริโชคกล่าวว่า เป็นหน้าที่ของคณะอนุกรรมการที่ต้องดำเนินการ ส่วนตนให้การไปแล้วประมาณ 6-7 หน้า แต่เอกสารมาให้ในวันนี้ยังไม่ได้คัดสำเนาไปให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพราะคิดว่าคณะอนุกรรมการชุดนี้ นายสุเทพเป็นคนตั้งขึ้นมาเพียงนำเอกสารมาให้ก็เพียงพอแล้ว ในส่วนของตนถ้าการแต่งตั้งโยกย้ายเกิดขึ้นแล้ว ยังมีปัญหาก็เป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎรที่จะเป็นผู้ดำเนินการ

หลายคนมองว่าฝ่ายการเมืองล้วงลูก เนื่องจากไม่ได้โผตามที่ต้องการ ขออธิบายว่าโผนายพันยังไม่เสร็จ ถ้าจะล้วงลูกก็ต้องให้โผนายพันเสร็จก่อน ถึงจะออกมาโวยวาย เพราะฉะนั้นต้องอธิบายว่าไม่ใช่ มันมีคนที่สูญเสียผลประโยชน์เลยมาพาดพิงเรื่องซื้อขายตำแหน่ง นายศิริโชคกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในฐานะที่เป็นผู้ใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี ซึ่ง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. จะมาปฏิบัติหน้าที่ในวันที่ 18 สิงหาคม นายกรัฐมนตรีจะให้ไปปฏิบัติราชการที่ไหนอีก นายศิริโชคกล่าวว่า เป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี ตนไม่ทราบ ตนมายื่นในฐานะส่วนตัว นายกรัฐมนตรีไม่ได้ถามอะไร เพียงแต่แนะนำให้ไปทำหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติ ข้อมูลทั้งหมดก็ให้สภาดำเนินการ แต่เมื่อฝ่ายบริหารตั้งกลไกนี้ขึ้นมาก็ให้ความร่วมมือ

ไม่มั่นใจ15วันกก.สอบเสร็จ

ต่อมานายศิริโชคให้สัมภาษณ์อีกครั้งหลังให้ปากคำกับคณะอนุกรรมการว่า พูดทั่วไปในภาพกว้าง จากเดิมที่มีความมั่นใจไม่มาก แต่เมื่อได้คุยกับคณะอนุกรรมการแล้ว เห็นว่าน่าจะเป็นที่พึ่งให้กับประชาชนและตำรวจได้ ซึ่งในที่ประชุมได้มีการบันทึกข้อความและลงชื่อว่าได้มายื่นเอกสาร ทางคณะอนุกรรมการซักถามที่มาที่ไป และจุดไหนบ้างที่คิดว่ามีการซื้อขายตำแหน่ง ซึ่งตนได้ชี้แจงตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในเอกสาร นอกจากนี้ ได้ถามถึงพยานว่าพร้อมที่จะมาให้การหรือไม่ ซึ่งคณะอนุกรรมการจะเป็นผู้เรียกมาให้ปากคำ

คิดว่าคงจะเป็นงานที่หนักไม่แน่ใจระยะเวลา 15 วัน จะเพียงพอหรือไม่ เพราะมีหลายกองบัญชาการ (บช.) ทั้ง บช.ภ.1-9 นครบาล สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ผมไม่แน่ใจว่าจะทันหรือไม่ เป็นหน้าที่ของคณะอนุกรรมการที่ต้องดำเนินการ หากย้อนไปเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2551 จะเห็นแนวทางว่าเป็นอย่างไร ตำรวจที่ถูกโยกย้ายไม่เป็นธรรมมีกี่คน เฉพาะปีที่แล้วที่ไปร้อง ก.ตร.มีกว่า 100 คน ซึ่งวิธีการที่จะไปดูว่าครั้งนี้เป็นธรรมหรือไม่ ต้องเริ่มต้นจากคราวที่แล้วก่อนว่าไม่เป็นธรรมอย่างไร มีการซื้อขายตำแหน่งหรือไม่ เพื่อที่จะคราวนี้จะได้ไม่มีปัญหา นายศิริโชคกล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า การออกมาเปิดเผยเป็นการปูทางเพื่อการเลือกตั้งครั้งหน้าหรือไม่ นายศิริโชคกล่าวว่า การเลือกตั้งยังไกล ไม่มีเหตุผลที่จะทำอย่างนี้ และไม่มีกระแสกดดันมาจากฝ่ายไหน ตนทำเช่นนี้มาตลอดตั้งแต่เป็น ส.ส.สมัยแรก ที่ออกมาเปิดโปงเรื่องทุจริต เมื่อถามว่า นายพลคนที่อยู่เบื้องหลังซื้อขายตำแหน่งเป็นใคร ที่ไม่บอกเพราะกลัวถูกฟ้องหรือไม่ นายศิริโชคกล่าวว่า ไม่หรอก เพราะการสืบสวนพอจะรู้ว่าใครแต่การสอบสวนต้องมีความเป็นกลาง ไม่มีอคติ ต้องทำไปตามหลักฐานที่มีอยู่

คุยรู้นายพลตั้งโต๊ะคือใคร

อย่าเพิ่งไปตั้งธงอะไร ขอให้การสืบสวนสอบสวนไปตามแนวทาง ส่วนที่มีนายพลตั้งโต๊ะซื้อขายตำแหน่งนั้น เป็นข้อเท็จจริงที่ได้ปรากฏในสาธารณะ ซึ่งเป็นแนวทางด้านการสืบสวน ต้องนำข้อเท็จจริงมาพิจารณาแล้วเดินหน้าต่อไป ผมรู้ว่านายพลคนนั้นคือใคร และคิดว่าคณะอนุกรรมการก็รู้ว่าเป็นใคร นายศิริโชคกล่าว และว่า ตนเห็นถึงความตั้งใจของคณะอนุกรรมการหลายๆ ท่าน บางท่านยังขอบคุณตนเลยที่ออกมาพูดถึงเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่ตำรวจหลายๆ คนในสำนักงานตำรวจแห่งชาติอยากให้มีการปรับโครงสร้างเพื่อความเป็นธรรม

ผู้สื่อข่าวถามว่า มีหลักฐานที่จะสาวถึงตัว ผบ.ตร.หรือนายพลคนอื่นหรือไม่ นายศิริโชคกล่าวว่า อย่าพูดไปไกลขนาดนั้น ขอให้คณะอนุกรรมการทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์แบบดีกว่า แฉศิริโชคให้เพียงเอกสาร

นายสมศักดิ์กล่าวหลังประชุมว่า นายศิริโชคยังไม่ได้ให้ข้อมูลอะไรมากให้เพียงเอกสาร ในเอกสารที่ให้มาก็อ้างถึงว่าควรต้องเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องคนใดมาสอบบ้าง ซึ่งคณะอนุกรรมการต้องเรียกบุคคลดังกล่าวมาสอบ โดยนัดมาในวันที่ 19 สิงหาคม การสอบสวนต้องเร่งทำเพราะมีกรอบเวลา 15 วัน

ผู้สื่อข่าวถามว่า นายศิริโชคระบุถึงคนใกล้ชิด ผบ.ตร.เกี่ยวข้องการซื้อขายตำแหน่งหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า เอกสารที่มอบให้มามีตำรวจที่เคยถูกโยกย้าย และได้รับผลกระทบ ซึ่งจะเรียกมาสอบปากคำ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ได้อ่านรายละเอียดเอกสารที่นายศิริโชคให้มา แต่นายศิริโชคยืนยันข้อมูลตามเอกสาร

รายงานข่าวแจ้งว่า ข้อมูลที่นายศิริโชคนำมามอบให้อ้างถึง พ.ต.ท.ในสังกัด บช.ภ.2 และ บช.ภ.7 ที่ได้รับผลกระทบจากการแต่งตั้งโยกย้ายก่อนหน้านี้

เตรียมเรียกคนใกล้ชิดผบ.ตร.สอบ

ผู้สื่อข่าวรายงาน สำหรับบุคคลที่คณะอนุกรรมการเชิญมาให้ข้อมูล ประกอบด้วย พล.ต.ท.สุวัฒน์ นทร์อิทธิกุล ผู้ช่วย ผบ.ตร. คนสนิท พล.ต.อ.พัชรวาท ที่ได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่ผู้จัดทำบัญชีแต่งตั้ง พล.ต.ท.ถวิล สุรเชษฐพงษ์ ผบช.ภ. 7 นักเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่น 25 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.พัชรวาท ซึ่งเป็น ผบช.พื้นที่ซึ่งนายศิริโชคอ้างว่าเป็นพื้นที่ที่ซื้อขายตำแหน่ง พล.ต.ท.บุญเรือง ผลพานิชย์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. นรต.รุ่น 25 เพื่อนสนิทของ พล.ต.อ.พัชรวาท ซึ่งมีบทบาทมากในยุคนี้ และ พล.ต.ต.ชนาภัทร เชยสมบัติ ผู้บังคับการกองกำลังพล (ผบก.กพ.)

แฉนักการเมืองฝากทุกปี

ด้าน พล.ต.อ.นพดล สมบูรณ์ทรัพย์ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ หนึ่งในคณะอนุกรรมการ ให้สัมภาษณ์ว่า นอกจากจะเรียกนายศิริโชคมาสอบแล้ว จะต้องเรียกผู้บัญชาการทุกกองบัญชาการมาสอบสวนว่าการเสนอบัญชีรายชื่อแต่งตั้งยึดหลักอะไร ทำไมถึงมีชื่อคนนี้ในบัญชี มีการสั่งการจากใครหรือไม่ที่จะให้เสนอชื่อคนนี้ขึ้นมาก็ต้องไล่ดูกัน โดยวันที่ 19 สิงหาคม เวลา 10.00 น. จะเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบ ซึ่งการสอบสวนจะเริ่มจากข้อมูลของนายศิริโชค จากนั้นจะขยายเข้าในภาพรวมว่ามีการเสนอบัญชีขึ้นมาอย่างไร ไล่ทีละกองบัญชาการ ถ้ามีที่มาที่ไปไม่ชัดเจน เช่น ย้ายจากกองบัญชาการหนึ่งไปกองบัญชาการหนึ่งต้องดูเหตุผลว่าทำไมถึงเป็นอย่างนั้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งมีชื่อในการซื้อขายตำแหน่ง จะระงับเลยหรือไม่ พล.ต.อ.นพดลกล่าวว่า คงเร็วเกินไปที่จะตอบแบบนั้น คณะอนุกรรมการไม่ได้มีอำนาจก็ต้องเอาข้อมูลไปให้ผู้พิจารณาบัญชีโยกย้ายเป็นผู้ดำเนินการ ตอนนี้เท่าที่ทราบก็มีนายศิริโชคคนเดียวเป็นผู้กล่าวหา ซึ่งการเชิญทุกกองบัญชาการ มาดูว่าทำบัญชีเป็นไปตามประเพณี เป็นไปตามคำสั่งของ ก.ตร.หรือไม่ เมื่อถามว่า สมัยก่อนมีนักการเมืองฝากบ้างหรือไม่ พล.ต.อ.นพดลกล่าวว่า อย่าพูดว่าสมัยไหนเลย เท่าที่ตนรับรู้รับทราบมีนักการเมืองฝากมาทุกปี เรื่องนี้ไม่ต้องมาปฏิเสธต้องยอมรับความจริงมันชัดเจน

เมื่อถามว่า สมัยนี้มีมากขึ้นหรือไม่ พล.ต.อ.นพดลกล่าวว่า ไม่ทราบว่าฝากมากี่คนไม่มีข้อมูล แต่ระบบของไทยก็มีทั้งนั้นเด็กฝาก แต่ซื้อขายตำแหน่งตนไม่ทราบ แต่ฝากนั้นมีแน่นอน ใครเป็นลูกน้องใคร ใครจะสนับสนุนใครที่เห็นว่าเป็นคนดีก็สนับสนุนได้ แต่คณะกรรมการชุดนี้จะสอบเรื่องการซื้อขายตำแหน่งเท่านั้น

สุเทพลั่นตร.ต้องแต่งเครื่องแบบ

ด้าน นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง ตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.พัชรวาทกลับจากไปปฏิบัติราชการใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในวันที่ 18 สิงหาคมแล้วจะสั่งให้ พล.ต.อ. พัชรวาทไปปฏิบัติราชการที่อื่นอีกหรือไม่ว่า วันที่ 19 สิงหาคม ให้มาถามใหม่ เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่ว่าจะมีม็อบตำรวจ เพราะฝ่ายค้านออกมาปลุกให้ตำรวจแต่งดำเพื่อต่อต้านการแทรกแซงของฝ่ายการเมือง นายสุเทพ หัวเราะก่อนตอบว่า ตำรวจก็ต้องใส่เครื่องแบบไปสิ

พัชรวาทกลับวิเชียรยกเลิกประชุม

ด้าน พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ปรึกษา (สบ 10) รักษาราชการแทน ผบ.ตร. กล่าวถึงการกลับมาทำงานของ พล.ต.อ.พัชรวาท ในวันที่ 18 สิงหาคมว่า ทันทีที่ พล.ต.อ.พัชรวาทเดินทางมาทำงาน ตนก็หมดหน้าที่ไปโดยปริยาย และตามคำสั่งก็รักษาราชการถึงวันที่ 18 สิงหาคมเท่านั้น ส่วนนายกรัฐมนตรีจะให้รักษาราชการต่อหรือไม่ แล้วแต่ผู้บังคับบัญชา

ผู้สื่อข่าวถามถึงการทำโผแต่งตั้งโยกย้ายรอง ผบก.-สว. พล.ต.อ.วิเชียรกล่าวว่า มอบหมายให้ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติเป็นคณะทำงานพิจารณาคุณสมบัติผู้ที่จะได้รับการแต่งตั้ง ซึ่งกระบวนการ พล.ต.อ.ปทีปทำไปถึงไหนยังไม่ทราบ หาก พล.ต.อ.พัชรวาทกลับมาแล้วไม่เห็นด้วยสามารถที่จะยกเลิกคำสั่งได้ สำหรับการซื้อขายตำแหน่งก็ให้คณะอนุกรรมการเป็นคนดูแล จะมีความเห็นอย่างไรก็ค่อยว่ากันอีกที

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.อ.พัชรวาทเดินทางกลับจากราชการที่จังหวัดภาคใต้แล้ว โดยสายการบินไทย เที่ยวบินที่ทีจี 214 จากท่าอากาศยานภูเก็ตถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อเวลา 16.55 น. คาดว่า วันที่ 18 สิงหาคม จะมาปฏิบัติราชการที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติตามปกติ

รายงานข่าวแจ้งว่า ทันทีที่ พล.ต.อ.วิเชียรทราบถึงการเดินทางกลับมาของ พล.ต.อ.พัชรวาท ได้สั่งยกเลิกการประชุมฝ่ายบริหารและกวดขันอาชญากรรมร่วมกับ รอง ผบ.ตร. ผู้ช่วย ผบ.ตร. และ ผบก.หน่วยขึ้นตรงสำนักงาน ผบ.ตร.ที่กำหนดไว้เดิมในเวลา 08.30 น. วันที่ 18 สิงหาคมทันที

รายงานข่าวแจ้งว่าวันที่ 20 สิงหาคม เวลา 16.00 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นัดประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ( ก.ต.ช.)ซึ่งคาดว่าจะมีวาระสำคัญ คือแต่งตั้งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.)คนใหม่แทนพล.ต.อ.พัชรวาทที่จะเกษียณอายุราชการในเดือนตุลาคมนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook