''พีดีเฮ้าส์''เล็งโกยรายได้5พันล. เปิดตัว 6 แฟรนไชส์ในงานรับสร้างบ้าน เดินหน้าขยาย 50 สาขาครอบคลุมทั

''พีดีเฮ้าส์''เล็งโกยรายได้5พันล. เปิดตัว 6 แฟรนไชส์ในงานรับสร้างบ้าน เดินหน้าขยาย 50 สาขาครอบคลุมทั

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
พีดีเฮ้าส์ เตรียมเปิดตัวผู้ซื้อสิทธิ์แฟรนไชส์ปีแรก 5-6 ราย ในงานรับสร้างบ้าน 2009 วางเป้าเป็นหัวหอกดันธุรกิจโตแบบก้าวกระโดด ภายใน 5 ปี โกยรายได้ 5,000 ล้านบาท พร้อมขยายสาขาครอบคลุมทั่วประเทศ 50 แห่ง

นางมาลี สุวรรณสุต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปทุมดีไซน์ ดีเวลลอป จำกัด หรือพีดีเฮ้าส์ ผู้ดำเนินธุรกิจรับสร้างบ้านและอพาร์ตเมนต์ เปิดเผยกับ ฐานเศรษฐกิจ ว่า บริษัทเตรียมเปิดตัวธุรกิจใหม่ แฟรนไชส์รับสร้างบ้านของพีดีเฮ้าส์ในงานรับสร้างบ้าน 2009 ระหว่างวันที่ 19-23 สิงหาคมนี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งแนวคิดเปิดขายแฟรนไชส์รับสร้างบ้านนี้เนื่องจากต้องการกระตุ้นตลาดรับสร้างบ้าน และขยายธุรกิจให้เติบโตแบบก้าวกระโดด คาดว่าภายใน 5 ปีหลังจากนี้จะทำรายได้รวม 5,000 ล้านบาท จากเป้าหมายที่ปีนี้ที่จะมีรายได้ 300-350 ล้านบาท

แนวคิดในการขยายสาขาด้วยรูปแบบแฟรนไชส์ เนื่องจากต้องการขยายสาขาให้เพิ่มมากขึ้น เพราะลำพังบริษัทจะขยายสาขาให้ได้ปีละ 5 แห่งคงไม่สามารถทำได้ เนื่องจากติดปัญหาบุคลากรที่จะมาบริหาร อีกเหตุผลเป็นการช่วยทำให้ตลาดรับสร้างบ้านมีการเติบโตเพิ่มมากขึ้น บริษัทจึงวางแผนและทำการศึกษา วางระบบการดำเนินธุรกิจรูปแบบแฟรนไชส์มาเกือบ 2 ปี ซึ่งถือว่าเป็นธุรกิจใหม่ในวงการรับสร้างบ้าน ที่ยังไม่มีใครทำมาก่อน ขณะที่ต่างประเทศก็มีธุรกิจรูปแบบนี้ไม่กี่แห่ง อาทิ ประเทศอินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ และอเมริกา เป็นต้น นางมาลี กล่าวและว่า

ในปีแรกคาดว่าจะมีผู้ได้รับสิทธิ์แฟรนไชส์ประมาณ 5-6 ราย จากผู้ที่ยื่นข้อเสนอเพื่อซื้อสิทธิ์แฟรนไชส์มากว่า 20 ราย ซึ่งหลักเกณฑ์การพิจารณาเบื้องต้น จะต้องมีเงินลงทุนประมาณ 2-2.4 ล้านบาท มีทีมงานบริหารขั้นต่ำ 5 คน ในตำแหน่งของวิศวกรหรือโฟร์แมน เจ้าหน้าที่บัญชี สถาปนิกหรือผู้แทนขาย ผู้จัดการร้าน และพนักงานธุรการ ซึ่งสิทธิ์แฟรนไชส์มีอายุสัญญา 15 ปี โดยผู้ซื้อแฟรนไชส์จะต้องเสียค่าธรรมเนียมแรกเข้า 4 แสนบาท และค่าบริหารจัดการประมาณ 5-6% ต่อเดือน ซึ่งจะจัดเก็บเมื่อมีรายได้เท่านั้น

นางมาลี กล่าวอีกว่า ผู้ซื้อสิทธิ์แฟรนไชส์ จะคืนทุนภายในระยะเวลา 2 ปี จากการรับสร้างบ้านขั้นต่ำปีละ 4 หลังๆ ละ 3-4 ล้านบาท ซึ่งภายในเวลา 5 ปี ผู้ซื้อแฟรนไชส์น่าจะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 120 ล้านบาท ขณะที่บริษัทน่าจะมีสาขาทั้งในส่วนที่บริษัทขยายเองและรูปแบบแฟรนไชส์รวม 50 สาขา ภายในระยะเวลา 5 ปีด้วย ซึ่งภายในปีนี้บริษัทจะขยายสาขาเพิ่มในจังหวัดสมุทรสาคร เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพทางด้านเศรษฐกิจสูง โดยจะขยายแฟรนไชส์ไปต่างจังหวัดเป็นหลัก

บริษัทวางสัดส่วนการขยายสาขาด้วยตัวเอง 60% และรูปแบบแฟรนไชส์ 40% ซึ่งรูปแบบแฟรนไชส์จะเปิดในต่างจังหวัดเป็นหลัก ปีแรกน่าจะเป็นจ.อุดรธานี ลำปาง และ จ.ลำพูน เป็นต้น โดยหลักการจะมีแฟรนไชส์จังหวัดละ 1 แห่ง แต่จังหวัดใดที่มีศักยภาพ ก็สามารถมีแฟรนไชส์ได้ 2 แห่ง แต่จะต้องมีระยะห่างกันประมาณ 50 กิโลเมตร และจะให้สิทธิ์กับผู้ซื้อแฟรนไชส์รายแรกเป็นผู้ขยายสาขาได้ก่อน นางมาลี กล่าวและว่า

การทำตลาดและการสร้างแบรนด์บริษัทมีงบประมาณปีละ 10-12 ล้านบาท ซึ่งจะมีการลงสื่อโฆษณา การออกบูธแสดงสินค้า และการทำตลาดอื่นๆ และภายหลังจากที่บริษัทมีสาขาครบ 50 สาขาแล้ว จะทำให้สามารถมีงบประมาณในการทำการตลาดได้เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากค่าบริหารการตลาดที่ได้รับมาจากผู้ซื้อแฟรนไชส์ประมาณ 5-6% ต่อเดือนต่อโปรเจ็กต์นั้น จะนำมาใช้เพื่อการทำตลาดและสร้างแบรนด์ รวมถึงนำมาใช้ในเรื่องการออกแบบ และการคำนวณราคา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook