ประกันผ่านแบงก์ชิงเบี้ยใหม่กระฉูด ครึ่งปีแรกครองส่วนแบ่งพุ่ง 47.3%

ประกันผ่านแบงก์ชิงเบี้ยใหม่กระฉูด ครึ่งปีแรกครองส่วนแบ่งพุ่ง 47.3%

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เบี้ยใหม่ขายประกันชีวิตผ่านแบงก์โตพุ่งครองส่วนแบ่งสูงถึง 47.3% หลังรับอานิสงส์ดอกเบี้ยขาลง และได้พนักงานแบงก์หนุนออมเงินผ่านประกัน กินเบี้ย 30% ของทุนประกัน เมืองไทยประกันชีวิตกอดคอเคแบงก์โตฉลุย ส่วนกรุงศรีฯ เล็งเข็นสินค้าใหม่ผ่านช่องทาง ไลฟ์สไตล์เซอร์วิส

นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด และในฐานะนายกสมาคมประกันชีวิตไทย กล่าวว่า ภาพรวมธุรกิจประกันชีวิตในช่วงครึ่งปีแรก 2552 มีเบี้ยประกันรับรวมทั้งสิ้น 119,950.2 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน 15.5% เป็นเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่ถึง 39,480.5 ล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน 21.9% และในจำนวนเบี้ยประกันชีวิตรับรายใหม่ ขายผ่านธนาคารหรือแบงก์แอสชัวรันซ์มีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว คิดเป็นสัดส่วนการตลาดถึง 47.3% (แบ่งเป็นสัดส่วนเบี้ยประกันรับปีแรก 39.6% และเป็นเบี้ยประกันชีวิตรับจ่ายครั้งเดียวอีก 64.5%) มากกว่าช่องทางการขายผ่านตัวแทน ที่มีสัดส่วนการตลาดเพียง 43.5% ทั้งนี้เนื่องมาจากแนวโน้มดอกเบี้ยขาลงในปีนี้ จึงส่งผลดีต่อการขายประกันผ่านสาขาของธนาคาร รวมถึงพนักงานแบงก์ยังมีความสามารถในการนำเสนอสินค้าประกันในรูปแบบการสะสมทรัพย์ ซึ่งมีมูลค่าของเบี้ยประกันเฉลี่ยที่ 30% ทุนประกัน ถือว่าเป็นมูลค่าเบี้ยประกันที่มากกว่าช่องทางตัวแทนฝ่ายขาย ที่มีมูลค่าเบี้ยประกันเฉลี่ยอยู่ที่ 10% ของทุนประกัน ส่วนใหญ่เป็นรูปแบบความคุ้มครองชีวิต

แนวโน้มการขายผ่านแบงก์แอสชัวรันซ์ อาจจะมีส่วนแบ่งการตลาดสูงกว่าการขายผ่านตัวแทนก็ได้ แต่ทั้งสองช่องทางขายก็สามารถดูแลลูกค้าได้อย่างเท่าเทียม (Ego treatment)

ในส่วนของบริษัทสำหรับในช่วง 7 เดือนแรก (ม.ค.-ก.ค. 2552) มีสัดส่วนเบี้ยประกันผ่านช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์สูงสุดถึง 50% ของเบี้ยรับรวมทั้งหมด 12,386 ล้านบาท มาจากธนาคารกสิกรไทยสูงสุดในสัดส่วนถึง 40% ที่เหลือเป็นแบงก์พันธมิตรอื่นๆ เช่น ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) (บมจ.), บมจ.ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ เพื่อรายย่อย , ธนาคารอาคารสงเคราะห์และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร สำหรับกลยุทธ์ช่วงครึ่งปีหลังนี้ จะมุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าใหม่ โดยเฉพาะความร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทย รวมถึงนำสินค้าใหม่ที่ขายผ่านช่องทางอื่นมาจำหน่ายผ่านช่องทางแบงก์แอสชัวรันซ์ แต่ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ช่องทางขายผ่านช่องตัวแทนยังคงขยายตัวเพิ่มขึ้นไปด้วย

นายกฤษณ์ จันทโนทก ผู้จัดการฝ่ายอาวุโส ฝ่ายประกันภัยธนพัทธ์ บมจ.ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า ในช่วง 7 เดือนนี้ธนาคารรายได้จากธุรกิจประกัน 3,000 ล้านบาท มาจากเบี้ยประกันชีวิตสัดส่วนถึง 70% อีก 30% เป็นเบี้ยประกันภัย ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้และเท่ากับปี 2551 และคาดว่าถึงสิ้นปีนี้จะมีรายได้จากธุรกิจประกันถึง 4,500 ล้านบาทหรือเติบโต 30% จากปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามในช่วง 5 เดือนหลังจากนี้ ธนาคารจะเน้นการขายสินค้าใหม่ ในรูปแบบ 1.สินค้าที่จับต้องได้ ไม่ต้องกรอกใบสมัคร 2.มีความสะดวกให้กับลูกค้าทุกขั้นตอนและ 3.มีการจัดรายการส่งเสริมการขาย โดยประมาณเดือนต.ค. นี้ จะปรับปรุงและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ 2 แบบ เช่น ประกันอุบัติเหตุส่วนบุคคล นอกจากนี้จะมีการขายผลิตภัณฑ์ใหม่ผ่านช่องทางพิเศษในลักษณะคล้ายคลึงกับ ไลฟ์สไตล์เซอร์วิส ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการยังไม่สามารถเปิดเผยได้

ธนาคารมีศักยภาพทำกำไรมากกว่ายอดเบี้ย และในระยะเวลา 5 ปีหลังจากนี้จะเติบโตได้มากกว่า 100% จากการขายผ่านช่องทางสาขาของแบงก์ที่เพิ่มขึ้นและนำฐานข้อมูลลูกค้าที่มีอยู่จาก 500 สาขาในปัจจุบันมาใช้ให้เกิดประโยชน์มากขึ้น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook