โจรชาย2 หญิง1 ควงปืนบุกปล้นร้านมือถือ

โจรชาย2 หญิง1 ควงปืนบุกปล้นร้านมือถือ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
เมื่อเวลา 11.30 น. วันที่ 20 ส.ค. ร.ต.ท.เสด็จ แก้วสิงห์ทอง ร้อยเวร สภ.บางปะกง รับแจ้งมีคนร้าย 3 คน ใช้อาวุธปืนบุกเข้าปล้นร้านขายโทรศัพท์มือถือชื่อ พี.พี.โมบายน์ ตั้งอยู่เลขที่ 52/97 ในตลาดบูรพาซิตี้ ต.บางวัว อ.บางปะกง จึงรุดไปที่เกิดเหตุพบน.ส.พัทธนันท์ ทำนอง อายุ 37 ปี เจ้าของร้าน ซึ่งยังอยู่ในอาการตื่นตระหนกลำดับเหตุการณ์ว่า ก่อนเกิดเหตุขณะอยู่ร้านเพียงลำพังมีหญิงสาวอายุประมาณ 25-30 ปี สวมเสื้อสีน้ำตาล นุ่งกางเกงยีนส์เข้ามาขอซื้อบัตรโทรศัพท์ราคา 100 บาท จึงหยิบขายให้และหลังจากที่เดินออกจากร้านไปราว 5 นาที หญิงคนเดิมก็เดินกลับเข้ามาในร้านอีกพร้อมกับชายอีก 2 คน คนแรกรูปร่างเล็ก สวมเสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์ถือถุงน้ำมาวางไว้ที่เคาเตอร์ ส่วนคนร้ายอีกคนรูปร่างผอมสูง ไว้หนวดเครา สวมเสื้อยืดสีขาว กางเกงยีนส์ เดินเข้าไปด้านใน พร้อมกับชักปืนพกสั้นแบบลูกโม่ออกมาจี้ที่หน้าอกะบอกว่าให้อยู่เฉยๆ บังคับให้ปลดสร้อยคอทองคำหนัก 1 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง ก่อนจะผลักตนเองล้มลง แล้วชายอีกคนก็ตรงเข้ามาจับพร้อมกับใช้เชือกที่เตรียมมามัดมือมัดเท้าและใช้ผ้าเทปปิดปาก ส่วนผู้หญิงทำหน้าที่เปิดตู้วางโทรศัพท์หยิบโทรศัพท์มือถือยี่ห้อต่างๆ ทั้งใหม่และมือสอง จำนวน 30 เครื่อง รวมทั้งบัตรโทรศัพท์ ใส่ถุง นอกจากนี้ยังรื้อค้นในลิ้นชักหยิบกระเป๋าสตางค์ ภายในมีเงินสดจำนวน 10,000 บาท บัตรเอทีเอ็มและเอกสารต่างๆคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง โดยระหว่างที่กำลังรื้อค้นทรัพย์สิน คนร้ายเหลือบไปเห็นกล้องวงจรปิดที่ติดไว้มุมห้องในร้าน คนที่ใช้ปืนจี้จึงสั่งให้คนร้ายอีกคนหนึ่งปีนขึ้นไปดึงสายเชื่อมต่อกับกล้องออก ก่อนพากันออกจากร้านไปยกเอาเครื่องซีพียูบันทึกภาพจากกล้องวงจรปิดไปด้วย โดยคนร้ายใช้เวลาปล้นประมาณ 5 นาที โดยไม่ทราบว่า คนร้ายใช้พาหนะดใดพากันหลบหนี และก่อนพากันหลบหนี ยังข่มขู่ด้วยว่า ห้ามไปแจ้งความ ถ้าไม่เชื่อจะกลับมาฆ่าให้ตาย เพราะจำได้ว่าใช้รถอะไร หมายเลขทะเบียนอะไร ขณะที่ชาวบ้านคนหนึ่งให้ข้อมูลกับตำรวจว่า คนร้ายใช้รถยนต์เก๋งยี่ห้อนิสสัน เซฟิโร่ สีบรอนซ์เงิน ไม่ทราบหมายเลขทะเบียน เป็นพาหนะที่ใช้ในการมาก่อเหตุ ด้าน พล.ต.ต.สุรพงษ์ กายตะวัน ผบก.ภ.จว.ฉะเชิงเทรา รุดไปดูที่เกิดเหตุก่อนกำชับให้ตำรวจบางปะกง เร่งสืบสวน หาข่าว และติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี ขณะเดียวกันยังขอความร่วมมือกับท้องถิ่นต่างๆ ให้ติดตั้งกล้องวงจรปิดตามถนนสายสำคัญๆและพื้นที่สาธารณะ เพื่อเป็นการป้องกันและใช้เป็นหลักฐานในการติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook