ชทพ.หวั่นฐานเสียงหด ชงทุ่ม4.8หมื่นล้านลงทุนแหล่งน้ำทั่วประเทศ ดันกม.คุ้มครองพื้นที่เกษตร

ชทพ.หวั่นฐานเสียงหด ชงทุ่ม4.8หมื่นล้านลงทุนแหล่งน้ำทั่วประเทศ ดันกม.คุ้มครองพื้นที่เกษตร

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
ชาติไทยพัฒนาผลักก.เกษตรฯ เตรียมใช้งบฯ 4.8หมื่นล้าน กระตุ้นเศรษฐกิจรอบ 2 พัฒนาแหล่งน้ำทั่วประเทศ เล็งยกร่างพ.ร.บ.การคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรมเสนอครม. ให้ลิขสิทธิ์เฉพาะคนไทย โวพรรคให้ความสำคัญและชำนาญเรื่องเกษตรมาก เพื่อรักษาฐานเสียงสำคัญในภาคกลาง นายวัชระ กรรณิการ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกฝ่ายการเมือง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยเมื่อวันที่ 20 สิงหาคมว่า กระทรวงเกษตรฯ ภายใต้การกำกับดูแลของพรรคชาติไทยพัฒนา อยู่ระหว่างการจัดทำนโยบายสำคัญเพื่อช่วยเหลือเกษตรกร 2 ด้าน คือ 1.งานด้านน้ำ ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญในการทำเกษตรกรรมของเกษตรกรทั่วประเทศ ล่าสุดภายใต้แผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบสอง กระทรวงเกษตรฯ ได้รับอนุมัติงบประมาณเพื่อนำมาใช้ในการจัดทำโครงการพัฒนาแหล่งน้ำทั่วประเทศ เป็นวงเงินรวมกว่า 4.8 หมื่นล้านบาท ซึ่งน่าจะเริ่มลงทุนได้ในเร็วๆ นี้ 2.งานด้านดิน ที่เน้นการรักษาพื้นที่การเกษตรของประเทศไทยให้มีความยั่งยืน และจะพยายามผลักดันให้เป็นวาระแห่งชาติให้ได้ ทั้งนี้ อยู่ระหว่างยกร่าง พ.ศ.... เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้พิจารณาภายในช่วงต้นเดือนกันยายนนี้ โดยกฎหมายฉบับนี้มีคณะกรรมการการคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรมกลาง ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นผู้กำกับดูแลงานนโยบาย ขณะที่การปฏิบัติงานในระดับพื้นที่จะมีคณะกรรมการประจำจังหวัด มีผู้ว่าราชการจังหวัดดูแลรับผิดชอบ

สาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้ อยู่ที่การคุ้มครองดูแลพื้นที่ทางการเกษตร ไม่ให้สูญหายไปจากประเทศไทย ทั้งในรูปแบบการประกาศพื้นที่คุ้มครองทำการเกษตร ในจังหวัดต่างๆ รวมถึงในเขต กทม. ที่ห้ามทำประโยชน์อย่างอื่น นอกจากการเกษตรเพียงอย่างเดียว

นายวัชระกล่าวว่า สำหรับคุณสมบัติของผู้ถือครองพื้นที่ภายใต้ร่างกฎหมายฉบับนี้ กำหนดไว้ชัดเจนว่าจะต้องเป็นคนไทยเท่านั้น คนต่างชาติไม่มีสิทธิถือครองทั้งทางตรงและการตั้งตัวแทนหรือนอมินีเข้ามาถือครองแทน หากผู้ใดกระทำการใดๆ ให้ได้มาซึ่งที่ดินเพื่อคนต่างด้าว หรือเป็นเจ้าของที่ดินแทนคนต่างด้าว ให้ถือว่าวิธีการให้ได้มาซึ่งที่ดินเหล่านี้เป็นโมฆะทันที

บุคคลที่ฝ่าฝืนข้อกำหนดในกฎหมายฉบับนี้ ทั้งในส่วนของการนำพื้นที่ไปใช้ประโยชน์อื่น นอกจากการการเกษตรและนำไปขายต่อให้กับชาวต่างด้าวจะมีโทษตามกฎหมายทั้งทางแพ่งและอาญา โดยในส่วนของผู้ฝ่าฝืนหรือกระทำการใดๆ ให้ชาวต่างด้าวถือครองที่ดินเพื่อเกษตรกรรม หรือเป็นเจ้าของที่ดินแทนคนต่างด้าว ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งแสนสองหมื่นบาท หรือทั้งจำและปรับ ส่วนกรณีที่มีการนำพื้นที่การเกษตรในเขตคุ้มครอง ไปใช้ประโยชน์ด้านอื่น ผู้ฝ่าฝืน มีโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท ทั้งจำทั้งปรับ นายวัชระกล่าว

โฆษกฝ่ายการเมืองกระทรวงเกษตรฯกล่าวว่า ในกฎหมายฉบับนี้ ยังกำหนดให้จัดตั้งกองทุนเพื้อการคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรมที่อยู่ภายใต้การดูแลของสำนักงานปลัดกระทรวงเกษตรฯ โดยใช้งบประมาณสนับสนุนจากงบประมาณแผ่นดิน และแหล่งเงินจากที่อื่นๆ ตามที่รัฐบาลจัดสรรให้ แต่ยังไม่ได้กำหนดวงเงินชัดเจน คาดว่าจะใช้เม็ดเงินจำนวนมหาศาล ซึ่งการใช้จ่ายเงินของกองทุนนี้ นอกจากเป็นค่าใช้จ่ายในการบริหารงานกองทุน และให้เกษตรกรกู้ยืมไปใช้ในการลงทุนพัฒนาพื้นที่ของตนเอง แล้วยังจะนำไปใช้ในการจัดซื้อที่ดินในเขตคุ้มครองพื้นที่เกษตรกรรม ในกรณีที่เกษตรกรไม่ประสงค์ที่จะประกอบอาชีพเกษตรกรต่อไป รวมถึงกรณีการนำที่ดินไปใช้ผิดประเภทด้วย

ในส่วนที่ดินที่มีการขายให้กับชาวต่างชาติ กฎหมายมีอำนาจให้คณะกรรมการจัดซื้อที่ดินแปลงนั้นกลับคืนมาได้ทันที และนำไปจำหน่ายหรือให้เกษตรกรรายอื่นที่ประสงค์จะทำการเกษตรอย่างแท้จริงเช่าซื้อได้

พรรคชาติไทยพัฒนา ให้ความสำคัญกับงานด้านเกษตรเป็นอย่างมาก เพราะเป็นงานที่เรามีความเชี่ยวชาญและชำนาญมาก และฐานเสียงสำคัญของพรรค ก็อยู่ในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่ทำเกษตรกรรม ที่สำคัญของประเทศ หากครั้งนี้เราผลักดันให้กฎหมายฉบับนี้เกิดขึ้นจริงได้ จะถือเป็นความสำเร็จของพรรคชาติไทยมาก นายวัชระกล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook