วิวาทะเดือด มาร์ค-เหลิม!! ตอบซักกระทู้สดกลางสภาปม อีจ๋อย คนสนิท ผบ.ตร.ตัวการซื้อขายตำแหน่ง

วิวาทะเดือด มาร์ค-เหลิม!! ตอบซักกระทู้สดกลางสภาปม อีจ๋อย คนสนิท ผบ.ตร.ตัวการซื้อขายตำแหน่ง

วิวาทะเดือด มาร์ค-เหลิม!! ตอบซักกระทู้สดกลางสภาปม อีจ๋อย คนสนิท ผบ.ตร.ตัวการซื้อขายตำแหน่ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นายกฯยันไม่บ้าอำนาจตั้ง รรท.ชี้ทำได้ไม่จำเป็นตามอาวุโส "เฉลิม" อัด "มาร์ค"บ้าอำนาจ ตั้ง"วิเชียร" รักษาการผบ.ตร. ผิดธรรมเนียม-ระเบียบก.ตร. "อภิสิทธิ์" ยัน มีอำนาจตั้งไม่จำเป็นต้องตามอาวุโส อัด สมัย "สมชาย" เคยตั้งจเรตำรวจ รรท.ผบ.ตร.

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม มีพ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณากระทู้ถามสดเรื่อง ปัญหาการแต่งตั้งรักษาการผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ของร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วน ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ถามต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ทั้งนี้พ.อ.อภิวันท์ แจ้งว่า นายกฯมอบหมายให้นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯมาตอบกระทู้แทน ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวก่อนเริ่มถามกระทู้ว่า อยากให้นายกฯมาตอบกระทู้สดเอง เพราะ เป็นผู้คำสั่งลงนาม 2 ฉบับตั้งรักษาการผบ.ตร. แม้นายกฯจะมอบภารกิจของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.)ให้นายสุเทพ ดูแล และนายกฯ ยังให้สัมภาษณ์ต่อเนื่อง และยังเชิญพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ไปหารือที่บ้านพิษณุโลก ฉะนั้น หากนายกฯไม่มาตอบ ตนก็จะไม่ถาม เพราะจะเอาคนที่ไม่ได้ลงนามมาตอบไม่ได้ วันนี้นายกฯก็มาสภา ทำให้ พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า นายกฯมาสภา ก็คงตอบ และนายกฯ ก็บอกว่า ร.ต.อ.เฉลิม ยังไม่ได้ถาม จึงไม่ได้ตอบ

จากนั้นจึงเริ่มถามกระทู้สดโดย ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า วันนี้ที่สตช.ยุ่งยากสับสน เพราะนายกฯและคนใกล้ชิด เรียกผบ.ตร.ไปบ้านพิษณุโลก แล้วออกมาลอยหน้าลอยตาให้สัมภาษณ์ว่า จะให้ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร. ลาพักร้อนไปประเทศจีนเพราะเจอตอคดีลอบสังหารนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ทั้งที่นายกฯไม่มีสิทธิ์รับรู้ เพราะเป็นความลับทางคดีอาญา พนักงานสอบสวน ก็ไม่มีสิทธิ์มารายงาน และไม่รู้ว่า ศาสดาคนนั้น รู้ได้อย่างไรที่ออกมาบอกว่า มี 3 ทหาร 1 ตำรวจ เป็นผู้สั่งการ

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ระเบียบก.ตร. 2 กรกฎาคม 2550 มีนิยามเรื่อง อาวุโส ชัดเจน ส่วนพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2547 มาตรา 72 วรรคหนึ่ง ก็มีเงื่อนไขการตั้งรักษาการผบ.ตร.ชัดเจนคือ 1. เมื่อตำแหน่งผบ.ตร.ว่างลง อาทิ ตาย เกษียณ ถึงจะตั้งรักษาราชการแทนได้ 2. กรณีที่ไม่สามารถปฏิบัติราชการได้ ซึ่งกรณีแต่งตั้งพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่เป็น สบ.10 เป็นรักษาการผบ.ตร. ตอนที่พล.อ.พัชรวาท ไปจีน และไปราชการ 3 จังหวัดภาคใต้ ถือว่า ไม่ถูกต้อง ไม่เข้าเกณฑ์ ไม่เคยมีในธรรมเนียมปฏิบัติ กฎเกณฑ์มีชัดว่า ใครเป็นรองเบอร์อะไร มีลำดับอาวุโส ไม่ใช่อยากจะตั้งใครก็ได้ หรือหมั่นไส้ใครก็ไม่ตั้ง เพราะไม่ใช่เรื่องการตั้งผบ.ตร.คนใหม่ เรื่องนี้เขาด่ากันทั้ง สตช. ถ้าเป็นคนอื่นจะเรียกว่าบ้าอำนาจ การให้ไปราชการในต่างจังหวัดแล้วตั้งรักษาการ ก็ไม่เคยมี และนายสุเทพ ก็ไม่ต้องสั่งให้พล.ต.อ.พัชรวาท ไปก็ได้ เพราะพล.ต.อ.พัชรวาท ต้องไปอยู่แล้ว ในฐานะหัวหน้าสูงสุดของฝ่ายสอบสวน แต่ที่ส่งพล.ต.อ.พัชรวาท ลงใต้ ตามมาตรา 75 ด้วยอีกครั้ง จึงสงสัยว่า ต้องการให้พล.ต.อ.วิเชียร ทำโผการโยกย้ายใช่หรือไม่ นายกฯอย่าทำสะเปะสะปะ เพราะตำรวจเป็นสถาบันต้นทางกระบวนการยุติธรรม

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ขอถามว่า การเดินทางไปปฏิบัติราชการ เคยก่อให้เกิดความเสียหายต่อราชการหรือไม่ และ พ.ร.บ.ตำรวจฯ 2547 เคยมีนายกฯคนไหน ใช้มาตรา 72 (1) ตั้งรักษาการผบ.ตร.หรือไม่อย่างไร และ พล.ต.อ.พัชรวาท ไปปฏิบัติราชการต่างจังหวัดและต่างประเทศ กี่ครั้งและนายกฯใช้อำนาจตามมาตรา 72 หรือไม่ อย่างไร ต้องทำตามที่พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 ออกมาเรียกร้องหรือไม่ และการแต่งตั้งรักษาการ 2 ครั้ง มีเจตนาใดแน่ ระหว่างการแทรกแซงคดีนายสนธิ หรือการเข้าไปล้วงโผกรณีที่มีพรรคพวกนายกฯใช้ลายเซ็น มีนามบัตร ไปขอตำแหน่งให้ใครในการโยกย้ายแล้วปรากฏว่าไม่ได้รับการตอบสนอง ทั้งนี้เรื่องการทุจริตรับเงินทองเรื่องการโยกย้าย ก็ตั้งกรรมการสอบ และจัดการเด็ดขาด แต่นี่ไม่เห็นบอกให้นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ที่ออกมาพูดเรื่องนี้ เอาหลักฐานมาแสดง

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวอีกว่า เรื่องโครงสร้างตำรวจใหม่ก็เชื่อมโยงกับเรื่องนี้ ซึ่งมีปัญหา เพราะเมื่อพ.ร.ฎ.โครงสร้างตำรวจใหม่ มีการโปรดกล้าฯ ลงมา ก็ต้องประกาศโดยพลัน แหล่งข่าวบอกตนว่า ตั้งแต่ต้นๆเดือนกรกฎาคม แต่รัฐบาลเก็บไว้ และอ้างระเบียบสำนักนายกฯข้อ 4 ปี 2547 เลื่อนการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ถือว่าไม่บังควร ส่อใช้อำนาจขัดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ เพราะสตช. มีหนังสือมาที่เลขาธิการครม.วันที่ 14 กรกฎาคม 2552 ขอให้ เอาร่างพ.ร.ฎ.โครงสร้างตำรวจใหม่ ประกาศใน ราชกิจจานุเบกษาวันที่ 15 สิงหาคม และมีผลบังคับใช้วันที่ 16 สิงหาคม แต่วันที่ 13 สิงหาคม รักษาการผบ.ตร. ทำหนังสือถึงสำนักนายกฯ ขอให้ชะลอการประกาศ ถามว่า ใช้อำนาจอะไร ตำรวจบอกกันว่า ตกลงโผกันไม่เรียบร้อย ส่วนนายศิริโชค บอกว่า มีการซื้อขายตำแหน่ง มีคนใกล้ชิดผบ.ตร.ชื่อ อีจ๋อย เป็นผู้ดำเนินการ เรื่องนี้รู้กันทั้งสตช. รวมแล้ว เรื่องนี้ นายกฯกำลังมีพฤติกรรมล่วงละเมิดพระราชอำนาจ ตนจะยื่นถอดถอนต่อวุฒิสภา และยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ เดือนมกราคมปีหน้า ทั้งนี้ ยุคนี้เป็นเดียวที่นายกฯสร้างความระส่ำระสายให้ตำรวจมากที่สุด และปัญหามากมาย แต่นายกฯกลับเอาเวลาไปปาฐกถา ตัดริบบิ้น

นายอภิสิทธิ์ ชี้แจงว่า พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ มาตรา 72 ระบุชัดเจนถึงเรื่องการแต่งตั้งรักษาการแทนผบ.ตร. ร.ต.อ.เฉลิม บอกว่า จบปริญญาเอก แต่วรรคนี้ไม่ได้ซับซ้อน เพราะระบุว่า ให้นายกฯตั้งบุคคลรักษาราชการแทน และไม่ได้จำกัดเฉพาะไปต่างประเทศ แต่ทำได้ถ้าเห็นว่า การไปปฏิบัติภารกิจใดกระทบการปฏิบัติราชการ ซึ่งอำนาจแต่งตั้งรักษาการเป็นของนายกฯ ส่วนจะแต่งตั้งอาวุโสสูงสุดตามที่เรียงลำดับหรือไม่ วรรคสองมีระบุชัดเจนว่า ในกรณีที่ไม่มีการแต่งตั้ง ให้รองเป็นผู้รักษาการแทน ตามลำดับอาวุโส สรุป ถ้าแต่งตั้ง ก็เป็นอำนาจของผู้แต่งตั้งไม่ต้องดูลำดับอาวุโส แต่ถ้าไม่แต่งตั้งก็เป็นไปตามลำดับอาวุโส จึงไม่ซับซ้อน และตนใช้อำนาจไปตามกฎหมายทุกประการไม่ได้ขัดหลักนิติรัฐ นิติธรรม ไม่ได้บ้าอำนาจ ตนเชิญพล.ต.อ.พัชรวาท มาพบจริงเรื่องคดี และไม่ได้แทรกแซง แต่เมื่อผู้บริหารสูงสุดคือ การรักษากฎหมาย ดังนั้น เมื่อใดก็ตามการบังคับใช้กฎหมายในคดีที่กระทบสังคมรุนแรง ตนมีหน้าที่รับผิดชอบ และไม่ใช่แค่คดีนายสนธิ แต่ยังมีเรื่องภาคใต้ ตนเชิญพล.ต.อ.พัชรวาท มาถามว่า มีปัญหาอะไรบ้าง ไม่ได้ยุ่งกับการสอบสวนเลย เป็นหลักง่ายๆ และน่าจะดี และก็ได้ฟังความเห็นทุกฝ่าย สุดท้าย พล.ต.อ.พัชรวาท เสนอว่า เพื่อให้เกิดความสบายใจ งานเดินได้ และจะไปภารกิจต่างประเทศอยู่แล้ว จึงดำเนินการแบบนี้ คดีก็เดินต่อได้ ไม่ได้มีหลักฐานอะไรที่ผบ.ตร.เป็นปัญหา เพียงแต่อาจเป็นความรู้สึกที่คนมองเท่านั้น

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนการเดินทางไปราชการของผบ.ตร. เท่าที่ทราบ พล.ต.อ.พัชรวาท เท่าที่ทราบ ไปต่างประเทศครั้งแรกคือครั้งนี้ที่ไปจีน ส่วนการแต่งตั้งรักษาการ ตั้งแต่มีกฎหมายนี้ มีวันที่ 28 พฤศจิกายน 2551 สมัยรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ทำโดยตั้งพล.ต.อ.ประทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจ รักษาราชการแทนผบ.ตร. ไม่ได้เป็นไปตามลำดับอาวุโสรองผบ ตร ทำไมร.ต.อ.เฉลิม ไม่ต่อว่า ว่า ลุ่แก่อนาจ หรือ กุมภาพันธ์ 2550 สมัยรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ก็ตั้งพล.ต.อ.เสรีพิศุทธิ์ เตมียาเวส สบ.10 เป็นรักษาการแทนผบ.ตร. ยืนยันว่า ไม่มีวาระซ่อนเร้นเรื่องการแต่งตั้งโยกย้าย แต่ที่ตอนนี้มีความสับสนเล็กน้อยเรื่องการโยกย้าย เพราะโครงสร้างใหม่ ซึ่งใกล้ช่วงเกษียณอายุ และมีคนจำนวนมากเกษียณ ประเด็นมีอยู่ว่า การประกาศโครงสร้างใหม่ทำอย่างไรจะไม่สุญญากาศ ส่วนบุคคลอื่น ถ้าใครถูกพาดพิงต้องชี้แจงเอง เพราะตนทำตามนโยบาย

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการประกาศเรื่องต่างๆในราชกิจจานุเบกษา เป็นขั้นตอนปกติที่ทำถึงเลขาธิการนายกฯ เรื่องนี้ตนไม่ทราบ ตนทราบเมื่อมีข่าวว่า การทูลเกล้าฯที่ถูกต้องตามกฎหมายเพื่อไม่ให้สุญญากาศในการใช้โครงสร้างใหม่ ต้องทำอย่างไรบ้าง ก็เลยสอบถามนายสุเทพ ก็ทราบว่า การยกเว้นเฉพาะรายที่มีปัญหาเรื่องการไม่เข้าเกณฑ์โครงสร้างใหม่ ต้องให้ที่ประชุมก.ตร.อนุมัติ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนที่สมาชิกบอกว่า ตนใช้เวลาปาฐกถา ตัดริบบิ้น ตนกล้ายืนยันว่า ตนทำงานบริหาร ไม่ได้น้อยกว่านายกฯในอดีต และทำครบถ้วน แต่เผอิญมีแรงเยอะ เลยเดินงานเพิ่มได้อีก 4 - 5 งาน และคิดว่า การพบปะประชาชนเพื่อสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญ ไม่ได้กินไวน์ เล่นกอล์ฟ หรือไปคิดหาประโยชน์จากการทำธุรกิจ

ด้านนายสุเทพ กล่าวว่า เรื่องการประกาศราชกิจจานุเบกษาเรื่องโครงสร้างใหม่ นายกฯไม่เกี่ยวข้อง เป็นเรื่อง สตช. กับ เลขาธิการครม. ไปจองคิวในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งมีปัญหาว่า ต้องประกาศโครงสร้างใหม่ก่อน แล้วเอาบุคคลลงไป หรือต้องเตรียมบุคคลให้เรียบร้อยพร้อมบรรจุเมื่อประกาศโครงสร้างใหม่ ต่อมาเกิดปัญหาใหม่อีกว่า กฎ ก.ตร ว่าด้วยการแต่งตั้งโยกย้าย ปรากฏว่า การประกาศโครงสร้างใหม่ มีตำรวจเป็นพันๆ นาย ไม่เข้าเกณฑ์ จึงต้องมาขออนุมัติ กับที่ประชุมก.ตร. พล.ต.อ.วิเชียร ที่รักษาการผบ.ตร.จึงมาชี้แจงว่า ต้องใช้เวลา เพื่อตรวจสอบการอนุมัติเฉพาะราย จึงไปขอในที่ประชุมกตร ขยายเวลาออกไป จนถึงวันที่ 1 ตุลาคม แต่ก.ตร. เห็นว่า นานเกินไป และใกล้กับการโยกย้าย และเกษียณ จึงขยายถึงวันที่ 7 กันยายน เท่านั้น ฉะนั้น ไม่เกี่ยวข้องกับนายกฯ และนายกฯไม่เคยสั่งการ หรือแทรกแซง ที่อ้างว่า ต้องประกาศฉับพลันในราชกิจจานุเบกษานั้น หมายถึงประกาศโดยฉับพลันหลังจากที่เตรียมการแล้วและไม่เสียหายต่อราชการ ฉะนั้นถ้าร.ต.อ.เฉลิม จะอภิปรายไม่ไว้วางใจ ก็เชิญ จะได้เตรียมการ

นายศิริโชค โสภา ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ใช้สิทธิ์การถูกพาดพิง ชี้แจงว่า ที่ร.ต.อ.เฉลิม พาดพิงว่า มีนามบัตร ลายเซ็น ไปแทรกแซงการโยกย้าย และพูดถึงอีจ๋อย เรื่องนี้เป็นความพยายามที่จะใส่ร้ายฝ่ายการเมืองว่า ไปล้วงโผ แต่ข้อเท็จจริงคือ โผนายพัน ยังทำไม่เสร็จ ต้องเสร็จแล้วจึงแทรกแซงได้ ฉะนั้น ตนยืนยันว่า "ไม่เคยใช้บริการ อีจ๋อย ไม่รู้ว่า ร.ต.อ.เฉลิม เคยใช้บริการหรือไม่ แต่อีจ๋อย ก็พยายามปลอมลายเซ็นตน แต่หารู้ไม่ว่า ตนเซ็นลายเซ็นเป็นภาษาอังกฤษมาตลอดตั้งแต่อยู่เมืองนอก แต่ในใบปลิว โจมตีเป็นเซ็นภาษาไทย ฉะนั้นใครจะปลอมลายเซ็น ขอให้ไปดูให้ดี ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิม ลุกขึ้นตอบโต้ว่า ผมเป็นผู้ชายเต็มร้อย ไม่อ้อนแอ้น อรชร จึงไม่เคยใช้บริการ อีจ๋อย"

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook