แบงก์ชาติออกพันธบัตรขายไม่อั้น

นางธาริษา วัฒนเกส ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ธปท. ออกพันธบัตรออมทรัพย์ครั้งที่ 1/52 วงเงินรวมกว่า 50,000 ล้านบาท โดยเป็นพันธบัตรอายุ 4 ปี คิดดอกเบี้ย 3.5% ต่อปี และพันธบัตรอายุ 7 ปี คิดดอกเบี้ยแบบขั้นบันได ซึ่งปีที่ 1-2 อัตรา ดอกเบี้ย 3% ปีที่ 3-4 ดอกเบี้ย 4% ปีที่ 5-6 ดอกเบี้ย 5% และปีที่ 7 ดอกเบี้ย 6% หรือเฉลี่ย 4.2% ตลอดระยะเวลา 7 ปี ทั้งนี้ได้กำหนดวงเงินขั้นต่ำการซื้อพันธบัตรไว้ที่ 50,000 บาทต่อราย และซื้อเพิ่มได้ครั้งละ 10,000 บาท คาดว่าจะเริ่มเปิดขายได้ในวันที่ 3-4 ก.ย. และวันที่ 7 ก.ย.นี้ ผ่านธนาคารพาณิชย์ 10 แห่งคือ กรุงเทพ กรุงศรีอยุธยา ซีไอเอ็มบีไทย ไทยพาณิชย์ นครหลวงไทย กรุงไทย กสิกรไทย ทหารไทย ธนชาต และยูโอบี

สำหรับวัตถุประสงค์การออกพันธบัตรเพื่อเป็นเครื่องมือในการบริหารสภาพคล่องในตลาดการเงินให้อยู่ในระดัที่เหมาะสม และเพิ่มทางเลือกในการออมให้กับประชาชน รวมทั้งรองรับพันธบัตรช่วยชาติที่ครบกำหนดระยะเวลาไถ่ถอนในวันที่ 2 ก.ย.นี้ วงเงินประมาณ 54,000 ล้านบาท และเปิดให้สหกรณ์ มูลนิธิ และองค์กรที่ไม่หวังกำไรมีโอกาสลงทุน ส่วนการออกพันธบัตรจะช่วยให้ดอกเบี้ยเงินฝากเพิ่มหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับสภาพคล่อง และการรักษาฐานลูกค้าของธนาคารแต่ละแห่ง

นางสุชาดา กิระกุล ผู้ช่วยผู้ว่าการสายตลาดการเงิน ธปท. กล่าวว่า ถ้าความต้องการพันธบัตรมากกว่าที่ขายออกไป ธปท. พร้อมออกพันธบัตรเพิ่มเติม โดยรองรับได้สูงสุดถึง 100,000 ล้านบาท และเชื่อว่าไม่มีการล็อกให้ลูกค้า สำหรับดอกเบี้ยพันธบัตรของ ธปท. สูงกว่าดอกเบี้ยพันธบัตรในตลาด ซึ่งอายุ 4 ปีอยู่ที่ 2.88% และ 7 ปีอยู่ที่ 3.5% และยืนยันว่าไม่ได้ทำให้สภาพคล่องในตลาดมีปัญหา เพราะสภาพคล่องในเดือน มิ.ย. มีมากถึง 2 ล้านล้านบาท และสภาพคล่องส่วนเกินในระบบ 1.7 ล้านล้านบาท ซึ่งในแต่ละวันธนาคารพาณิชย์นำสภาพคล่องส่วนเกินลงทุนกับธปท. วันละ 5-7 แสนล้านบาท

นายอดิศร เสริมชัยวงศ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ กล่าวว่า การขายพันธบัตรช่วยดูดซับสภาพคล่องออกจากระบบได้ในระดับหนึ่งและคงไม่ทำให้ ดอกเบี้ยเงินฝากปรับขึ้นรวดเร็ว โดยสิ้นปีนี้ดอกเบี้ยเงินฝากยังทรงตัวต่อไป ซึ่งเห็นว่าจะมีเงินฝากจากแบงก์ไหลออกไปซื้อบ้าง แต่ไม่กระทบสภาพคล่องของแบงก์มากนัก.