นายกฯ เชื่อ ไตรมาส 3 เศรษฐกิจฟื้นร้อยละ 8 - 9 มอบ สสส. สร้างดัชนีชี้วัดทางสังคม

นายกรัฐมนตรี เชื่อ ไตรมาส 3 เศรษฐกิจฟื้นร้อยละ 8 - 9 พร้อมมอบสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สร้างดัชนีชี้วัดทางสังคม นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในการสัมมนานานาชาติ เรื่อง เอเซีย: เส้นทางสู่เศรษฐกิจใหม่ ที่โรงแรมพลาซ่า แอทธินี ซึ่งจัดโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ว่า ขณะนี้ ต้องยอมรับว่าโลกไม่เท่าเทียมกัน ไม่มีกลไกกำกับดูแลสถาบันการเงินของโลก เมื่อเกิดปัญหาแต่ละประเทศต้องแก้ไขด้วยการกระตุ้นและฟื้นฟูเศรษฐกิจ รัฐบาลนี้ต้องเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจและการเมืองตั้งแต่วันแรกที่รับตำแหน่ง ซึ่งเป็นเรื่องหนัก แม้ไทยจะมีเงินสำรองมากแต่ก็เริ่มลดลงตามจีดีพีที่ลดลง ทั้งนี้คาดว่าไตรมาสที่ 3 จะเริ่มฟื้นตัวขึ้นร้อยละ 8 - 9 และจากการที่ระบบตลาดไม่มีความเสถียรและยุติธรรม รัฐบาลจึงจะต้องทำให้เกิดความสมดุล ซึ่งไม่สามารถใช้ดัชนีชี้วัดเฉพาะตัวเลขจีดีพีเพียงอย่างเดียว เพราะไม่สามารถสะท้อนความเป็นจริง ต้องมีดัชนีชีวัดด้านอื่นๆ ด้วย ซึ่งขณะนี้ไทยก็เริ่มทำดัชนีชี้วัดการเจริญเติบโตด้านสังคมและเศรษฐกิจ เพื่อให้เป็นดัชนีชี้วัดแบบรอบด้านมากขึ้น นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า การเร่งสร้างประเทศไทยให้ก้าวหน้า ต้องเน้นให้ประชาชนมีความสมานฉันท์ มีโอกาส มีธรรมาภิบาล มีการรวมกลุ่ม มีการดูแลโครงสร้างเศรษฐกิจของประเทศโดยยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ซึ่งเชื่อว่าไทยจะกลายเป็นแบบอย่างให้ประเทศอื่นในภูมิภาคได้ รวมถึงได้รับความร่วมมือจากพันธมิตรทั้งในและนอกภูมิภาคอาเซียน เพื่อนำไปสู่ระบบเศรษฐกิจใหม่ของโลก ด้านดอกเตอร์โจเซฟ สติกลิตซ์ นักเศรษฐศาสตร์รางวัลโนเบล จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย กล่าวว่า ปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ เกิดจากความล้มเหลวของระบบการเงินของประเทศยักษ์ใหญ่ และความไม่สมดุลของภาครัฐและภาคเอกชน ผู้ที่กำหนดนโยบายการเงินระหว่างประเทศเป็นกลุ่มผลประโยชน์ ซึ่งกำหนดนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเอง ทำให้ภาคประชาชนและทั้งสังคมต้องรับความเสี่ยง ความล้มเหลวทั้งหมด จากนี้ จะต้องเปลี่ยนแปลงวิถีการดำรงชีวิตใหม่เหมือนประเทศไทย และภูฏาน จะใช้อัตรามวลรวมของเศรษฐกิจ หรือจีดีพี มาวัดความสำเร็จอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีตัวชี้วัดอื่น เช่น ความกินดีอยู่ดี สภาพสังคม รวมถึงต้องปลดปล่อยตัวเองจากสหรัฐ และยุโรป แม้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่จะทำให้ทุกประเทศเติบโตอยู่บนขาของตัวเองได้อย่างยั่งยืน ขณะที่ทันตแพทย์กฤษฎา เรืองอารีรัชต์ รองผู้จัดการ สสส. กล่าวว่า นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ สสส. เป็นตัวกลางประสานเชื่อมโยงทุกฝ่ายในการจัดทำตัวชี้วัดทางสังคม ที่นอกเหนือจากการวัดผลทางเศรษฐกิจเพียงอย่างเดียว เพราะในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 11 ที่กำลังจะประกาศใช้ในอีก 2 ปีข้างหน้า ได้กำหนดชัดถึงการนำเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแกนหลัก โดยวัดทั้งประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจ รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานทางสังคมที่ครอบคลุมถึงมิติการศึกษา สุขภาพ และการมีส่วนร่วมของภาคประชาชน ซึ่งการสร้างตัวชี้วัดดังกล่าวต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาคธุรกิจ สังคม รัฐบาล เพื่อให้เกิดการยอมรับอย่างแท้จริง และหากสามารถทำได้จะทำให้ประเทศเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนในที่สุด