ศศิธารา ปรับแผน ยุทธศาสตร์ 8 ปี ตั้งเป้ากีฬาโอลิมปิก 2 หนต่อไป ทัพไทยซิว 27 ทอง ยันใช้งบ 26,000 ล้าน ขณะที่ บิ๊กอ๊อด ออกโรงเบรก ! ควรทำแผนอย่าข้ามกระโดด ส่วน ชุมพล แนะให้ทำประชาพิจารณ์
นายชุมพล ศิลปอาชา รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการติดตามเร่งรัดพัฒนาการกีฬาและนันทนาการ เมื่อวันที่ 21 ส.ค. ที่ห้องประชุมกระทรวงฯ โดย ดร.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ได้รายงานผลการประชุมคณะทำงานจัดทำแผนยุทธศาสตร์สร้างกีฬาไทยสู่ความเป็นเลิศ (พ.ศ. 2552-2559) ซึ่งมีการปรับเป้าหมายเหรียญทองในกีฬาโอลิมปิก ปี ค.ศ. 2012 ลอนดอนเกมส์ ประเทศอังกฤษ จากเดิม 5 เหรียญทอง เพิ่มเป็น 9 เหรียญทอง โดยตั้งเป้าจาก กีฬายกน้ำหนัก และมวยสากลสมัครเล่น ชนิดกีฬาละ 2 เหรียญทอง, กีฬาเทควันโด, ยิงปืน, ยิงเป้าบิน, เทนนิส และแบดมินตัน ชนิดกีฬาละ 1 เหรียญทอง ส่วนกีฬาโอลิมปิก ปี ค.ศ. 2016 จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะคว้าให้ได้ 10 เหรียญทอง เพิ่มเป็น 18 เหรียญทอง จากกีฬายกน้ำหนักและมวยสากลสมัครเล่น ชนิดกีฬาละ 4 เหรียญทอง, เทควันโด, ยิงปืน และยิงเป้าบิน อย่างละ 2 เหรียญทอง, เทนนิส, แบดมินตัน, มวยปล้ำ (หญิง) และ กรีฑา (กระโดดไกล) ชนิดกีฬาละ 1 เหรียญทอง โดยใช้งบประมาณทั้งหมด 26,000,000,000 บาท
ขณะที่ บิ๊กอ๊อด พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ได้เสนอต่อที่ประชุมว่า อยากให้ทำแผนเริ่มจากกีฬาเอเชี่ยนเกมส์ ปี ค.ศ. 2010 ที่ประเทศจีน ต่อด้วยกีฬาโอลิมปิก ปี ค.ศ. 2012 และให้นำผลงานของนักกีฬาไทยจาก 2 รายการมาเป็นข้อมูลในการเตรียมนักกีฬา เพื่อไปสู่เข้าแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ปี ค.ศ. 2016 เพราะการทำยุทธศาสตร์ระยะยาวถือเป็นการข้ามขั้น และปฏิบัติได้ยาก ส่วนตัวเลขงบประมาณก็ต้องมีความชัดเจนมากกว่านี้
จากนั้น รมต.ชุมพล ได้เสนอว่า อยากให้มีการทำประชาพิจารณ์แผนฉบับนี้ทั่วประเทศ แต่ บิ๊กเติ้ง นายบรรหาร ศิลปอาชา ในฐานประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการฯ กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับการทำประชาพิจารณ์ แต่ควรหาทางช่วยเหลือนักกีฬาเรื่องสถานที่ฝึกซ้อม, อุปกรณ์ และงบประมาณ รวมทั้งการรับฟังปัญหาจากทุกสมาคมกีฬาอย่างทั่ว ดร.ศศิธารา จึงกล่าวว่า จะปรับแผนยุทธศาสตร์ตามข้อเสนอแนะ และจะเพิ่มแผนเป้าหมายเหรียญทองในกีฬาซีเกมส์, กีฬาเอเชี่ยนเกมส์ และการแข่งขันระดับเยาวชนเข้าไปให้ละเอียด ก่อนจะนำมาให้ที่ประชุมพิจารณาใหม่อีกครั้ง.