สั่งล็อกดาวน์ "ทำเนียบขาว" ห้ามเข้า-ออก หลังเหตุประท้วง "จอร์จ ฟลอยด์" บานปลาย

สั่งล็อกดาวน์ "ทำเนียบขาว" ห้ามเข้า-ออก หลังเหตุประท้วง "จอร์จ ฟลอยด์" บานปลาย

สั่งล็อกดาวน์ "ทำเนียบขาว" ห้ามเข้า-ออก หลังเหตุประท้วง "จอร์จ ฟลอยด์" บานปลาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

วอชิงตัน, 30 พ.ค. (ซินหัว) — “ทำเนียบขาว” ของสหรัฐฯ ดำเนินการปิดพื้นที่ห้ามคนเข้า-ออกโดยไม่ได้รับอนุญาต หลังเหตุประท้วงกรณีชายผิวดำ “จอร์จ ฟลอยด์” (George Floyd) เสียชีวิตขณะถูกตำรวจจับกุมในเมืองมินนิแอโพลิส รุกคืบเข้าประชิดเมื่อวันศุกร์ (29 พ.ค.) ที่ผ่านมา

กลุ่มผู้ชุมนุมหลายร้อยคนรวมตัวกันที่สวนสาธารณะลาฟาแยต ด้านนอกทำเนียบขาว พร้อมชูข้อความ “ไม่มีความยุติธรรม ไม่มีวันสงบสุข” ระหว่างการประท้วง ซึ่งแผ่ขยายวงกว้างไปทั่วสหรัฐฯ และก้าวเข้าสู่วันที่ 4 แล้ว

ผู้เห็นเหตุการณ์คนหนึ่งเล่าว่าหนึ่งในกลุ่มผู้ชุมนุมได้ฉีดพ่นสเปรย์บนผนังอาคารฟรีดแมนส์ แบงก์ บิวดิง (Freedman’s Bank Building) และมีผู้ชุมนุมอีกส่วนหนึ่งเข้าปะทะกับกองกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยอารักขาประธานาธิบดีสหรัฐฯ (Secret Service) ด้วย

สื่อท้องถิ่นรายงานว่าประตูห้องแถลงข่าวประจำทำเนียบขาวถูกปิดล็อก ด้านเจ้าหน้าที่หน่วยอารักขาฯ ไม่อนุญาตให้ผู้ใดเดินทางออกจากทำเนียบขาว และทวีตว่า “หน่วยอารักขาฯ กำลังทำงานร่วมกับหน่วยบังคับใช้กฎหมายอื่นๆ ขอให้ทุกคนอยู่ในความสงบ”

ทั้งนี้ จอร์จ ฟลอยด์ วัย 46 ปี เสียชีวิตเมื่อเย็นวันจันทร์ (25 พ.ค.) หลังเดเร็ก ชอวิน ตำรวจผิวขาว ใช้หัวเข่ากดลำคอของฟลอยด์ทีคร่ำครวญว่า “ ได้โปรด ผมหายใจไม่ออก” โดยชอวินถูกจับกุม ด้วยข้อหาฆาตกรรมโดยมิได้เจตนาในวันศุกร์ (29 พ.ค.)

ด้านเจค็อบ เฟรย์ (Jacob Frey) นายกเทศมนตรีเมืองมินนิแอโพลิส ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดของรัฐมินนิโซตา บังคับใช้คำสั่งเคอร์ฟิวช่วงกลางคืนตั้งแต่วันศุกร์ (29 พ.ค.) เนื่องจากเกิดเหตุประท้วงที่ทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่องติดต่อกัน 3 วันแล้ว

สื่อท้องถิ่นเสริมว่าเหตุประท้วงที่มีต้นตอจากการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ ยังคงปะทุคุกรุ่นในเมืองมินนิแอโพลิส รวมถึงหลายเมืองอื่นๆ โดยคาดว่ากระแสเรียกร้องความยุติธรรมนี้จะคืบคลานไปทั่วสหรัฐฯ ตลอดช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook