เติมเชื้อไฟ! "ทรัมป์" ชี้เหตุจลาจล ตั้งใจมาสร้างปัญหา ไม่ได้เกี่ยวกับ "จอร์จ ฟลอยด์"

เติมเชื้อไฟ! "ทรัมป์" ชี้เหตุจลาจล ตั้งใจมาสร้างปัญหา ไม่ได้เกี่ยวกับ "จอร์จ ฟลอยด์"

เติมเชื้อไฟ! "ทรัมป์" ชี้เหตุจลาจล ตั้งใจมาสร้างปัญหา ไม่ได้เกี่ยวกับ "จอร์จ ฟลอยด์"
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตในวันเสาร์ โดยอ้างว่าผู้ที่เรียกตัวเองว่าเป็น "ผู้ชุมนุมประท้วง" ที่ทำเนียบขาวนั้น ถูกบริหารจัดการโดยมืออาชีพ และมาชุมนุมเพื่อสร้างปัญหา โดยไม่ได้มีส่วนกับผู้คนที่แสดงความรำลึกถึงการตายของ จอร์จ ฟลอยด์

ก่อนหน้านั้นในวันศุกร์ ทรัมป์ เติมเชื้อไฟในเหตุตึงเครียดนี้ด้วยทวีตที่เรียกผู้ประท้วงในมินนีโซตาว่า “พวกโจร” และว่าที่ใดมีการปล้น ที่นั่นต้องมีการลั่นไก ปรากฏว่าทางทวิตเตอร์สั่งแจ้งเตือนทวีตดังกล่าวว่าเข้าข่ายสนับสนุนการใช้ความรุนแรง และเป็นครั้งแรกที่ทวิตเตอร์บังคับใช้มาตรการเข้มงวดกับบัญชีทวิตเตอร์ของผู้นำสหรัฐฯ

ด้านอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา กล่าวเมื่อวันศุกร์ว่า ความตายของนายจอร์จ ฟลอยด์ ระหว่างถูกควบคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่อาจเป็น “เรื่องปกติ” ในสังคมอเมริกันปัจจุบันได้อีกต่อไป และว่าเป็นหน้าที่ของทางการมินนิโซตาในการเปิดการสอบสวนเรื่องนี้อย่างถึงที่สุด เพื่อสร้างความปกติใหม่ ในการปฏิบัติกับทุกคนทุกเชื้อชาติอย่างเท่าเทียม

ในวันศุกร์ที่ผ่านมา ทางการรัฐมินนิโซตาได้ควบคุมตัวเดเรค ชอวิน และตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยไม่ไตร่ตรองไว้ก่อน และจะเดินหน้าสอบสวนตำรวจอีก 3 นายในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย

 

ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตา เรียกใช้กองกำลังพลสำรอง (National Guard) ทั้งหมดที่มีของรัฐเพื่อรับมือการประท้วงการเสียชีวิตเมื่อต้นสัปดาห์ของ นายจอร์จ ฟลอยด์ ชายแอฟริกันอเมริกัน ขณะที่เขาถูกจับกุมตัวโดยตำรวจผิวขาวในเมืองมินนิอาโปลิส

นี่เป็นครั้งแรกที่รัฐมินนิโซตาเรียกใช้กำลังพลสำรอง ตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง ในขณะที่การประท้วงเข้าสู่คืนที่ห้า ตั้งแต่นายฟลอยด์เสียชีวิตเมื่อวันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคม

ทิม วอล์ทซ์ ผู้ว่าการรัฐมินนิโซตากล่าวว่า “เรากำลังถูกโจมตี” และประกาศว่าจะทำอย่าง “เต็มที่” เพื่อจะนำความสงบเรียบร้อยกลับมาเหมือนเดิม

การชุมนุมประท้วงในสี่คืนที่ผ่าน ยังทำให้เกิดการปล้น การวางเพลิง การใช้ความรุนแรง และการจลาจล ในเมืองมินนิอาโปลิส จุดเกิดเหตุ อีกทั้งยังลุกลามไปยังเมืองอื่น ๆ อีกกว่า 30 จุดทั่วสหรัฐฯ ทั้งฝั่งตะวันตก ตะวันออก และตอนกลางของประเทศ

ผู้ชุมนุมแสดงความโกรธแค้น ที่ในระหว่างการจับกุม นายจอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสีวัย 46 ปี ด้วยข้อหาใช้ธนบัตรปลอม นายเดเรค ชอวิน อดีตตำรวจผิวขาวในเมืองมินนีอาโพลิส ได้ใช้เข่ากดทับที่คอนายฟลอยด์เป็นเวลาหลายนาที ทั้งที่นายฟลอยด์ถูกล็อคมือไขว้หลังไว้ด้วยกุญแจมือ และร้องบอกตำรวจว่า "หายใจไม่ออก" ก็ตาม

กรุงวอชิงตัน และรัฐอื่น ๆ อีกอย่างน้อย 8 รัฐ ได้แก่ จอร์เจีย เคนตักกี โอไฮโอ วิสคอนซิน โคโรลาโด ยูทาห์​ วอชิงตัน และเท็กซัส ได้ระดมกำลังพลสำรองเพื่อใช้ในการช่วยปราบปราบการประท้วง ที่ได้ทวีความรุนแรงขึ้นในหลายพื้นที่ ในขณะที่เมืองใหญ่บางเมือง เช่น พอร์ทแลนด์​ รัฐโอเรกอน และลอส แอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ได้ประกาศใช้เคอร์ฟิวช่วงเวลาตอนกลางคืนถึงรุ่งเช้า หลังจากที่การชุมนุมลุกลามบานปลายในหลายพื้นที่

ที่กรุงวอชิงตัน ผู้ชุมนุมประท้วงบางส่วนมีการปะทะกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในตอนบ่ายของวันเสาร์ ซึ่งเป็นการชุมนุมและปะทะกันเป็นวันที่สองในนครหลวงของสหรัฐฯ ต่อมาในเวลาหัวค่ำ ผู้ชุมนุมจำนวนหนึ่งยังได้เคลื่อนไปล้อมรอบพื้นที่บริเวณทำเนียบขาว ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้นำเอารถยนต์ รั้วกัน และกองกำลังมากั้นแนวเอาไว้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook