ค้าปลีกตรึงราคาสินค้าสิ้นปี

คาดไตรมาส 4 กำลังซื้อฟื้นแน่

นายธนภณ ตังคณานันท์ ประธานสมาคมผู้ค้าปลีกไทย เปิดเผยในงานครบรอบ 25 ปี สมาคมผู้ค้าปลีกไทย ว่า สมาคมฯ พร้อมให้ความร่วมมือกับกระทรวงพาณิชย์ตรึงราคาสินค้าจนถึงสิ้นปีนี้ เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่ประกอบธุรกิจซื้อมาขายไป ซึ่งต้นทุนในการประกอบธุรกิจส่วนใหญ่จะอยู่ที่กำลังการผลิต โดยเฉพาะต้นทุนซึ่งเวลานี้ยังไม่มีแนวโน้มที่จะปรับราคาขึ้น ดังนั้นผู้ประกอบการในสมาคมฯ จึงไม่มีความจำเป็นที่ต้องปรับราคาขายสินค้าขึ้นแต่อย่างใด

สำหรับแนวโน้มกำลังซื้อในช่วงไตรมาส 4 นี้เชื่อว่าจะเติบโตได้ดีที่สุดในรอบปี เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวแล้ว โดยจะเห็นจากยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มเดินทางเข้ามา ในประเทศมากขึ้น ส่วนคนไทยหันมาเที่ยวใน ประเทศเพิ่มขึ้นเช่นกัน

ขณะเดียวกันจำนวนลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการในศูย์การค้าส่วนใหญ่เริ่มหนาตาหรือการจับจ่ายใช้สอยกำลังเพิ่มขึ้นเช่นกัน และส่งผลถึงผู้ประกอบการที่สามารถขายสินค้าได้มากขึ้นตามลำดับ

นอกจากนี้ภาครัฐได้ทุ่มเงินเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจจำนวนมากและเงินงบประมาณปี 52-53 ก็กำลังออกสู่ระบบเศรษฐกิจแล้ว จึงเชื่อว่าจะ ส่งผลให้ธุรกิจหรือห้างค้าปลีกสมัยใหม่ในปี 52 เติบโตได้ 3-4% คาดว่าจะมีมูลค่าสูงประมาณ 500,000 ล้านบาท

ส่วนปัจจัยที่ยังต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด คือ ปัจจัยการเมือง เพราะถ้าหากเกิดปัญหาความวุ่นวายขึ้นมาอีก เชื่อว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจค้าปลีกและเศรษฐกิจไทยมากที่สุด

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าธุรกิจค้าปลีกจะเติบโตที่ 3-4% ถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างน่าพอใจ เพราะเศรษฐกิจไทยในช่วงต้นปีขยายตัวในอัตราที่ติดลบ และหากเศรษฐกิจไทยขยายตัวได้มากขึ้นแล้ว ธุรกิจค้าปลีกจะกลับมาเติบโตได้เป็นตัวเลขสองเท่าเมื่อเทียบกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี)

กฎหมายต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจค้าปลีก ไม่ว่าจะเป็น พระราชบัญญัติควบคุมอาคาร กฎหมายผังเมือง กฎกระทรวง รวมถึงแนวทางการออกกฎหมายค้าปลีกเป็นการเฉพาะ ค่อนข้างเป็นอุปสรรคต่อการลงทุนในภาคธุรกิจค้าปลีกอย่างมาก ซึ่งการพิจารณาบังคับใช้กฎหมายใด ๆ ก็ตามต้องผ่านการพิจารณาอย่างรอบคอบ

ขณะเดียวกันรัฐต้องเร่งสร้างความเชื่อมั่นการบริโภคให้กลับมาโดยเร็วที่สุด และกระตุ้นเบิกจ่ายงบประมาณเพื่อให้เม็ดเงินหมุนเวียนเข้าสู่ระบบ การเร่งผลักดันเมกะโปรเจคท์ให้เดินหน้าอย่างจริงจังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทย.