มาร์คเปิดใจทำไมเลือก''ปทีป''

มาร์คเปิดใจทำไมเลือก''ปทีป''

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook
อยากเห็น ตร.เป็นมืออาชีพไร้''การเมือง''

โพลระบุ อำนาจต่อรองอภิสิทธิ์ลดฮวบ หลังเสียฟอร์มในที่ประชุม ก.ต.ช. แต่ ปทีป ยังมาแรงอันดับหนึ่ง คั่วเก้าอี้แม่ทัพสีกากี ขณะที่นายกฯเปิดใจ ร่ายยาวมรสุมร้อนวงการ ตร. ยันมีอำนาจเต็มตามกฎหมาย มั่นใจได้ ผบ.ตร.ใหม่ก่อนสิ้นเดือนสิงหาคม เผยก่อนหน้านี้ก็เสนอชื่อคนเดียวตลอด ฝันอยากเห็น สตช.ก้าวสู่ความเป็นมืออาชีพ โยนการเมืองในอดีตล้วงลูกมานาน ขณะที่ ลุงจิ้น พร้อมปลัดมหาดไทย จ๊ะเอ๋เผชิญหน้านายกฯ แย้มความสัมพันธ์ราบรื่น รักกันร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วน ลูกหาบ ปชป.พาเหรดแจง พรรคสะตอยังไม่ได้แตกฝัก อ้างลูกพี่ใหญ่กลมเกลียวกันดี ด้านพรรคเพื่อไทยตามขย่มซ้ำ ไล่บี้ลาออก-ยุบสภา เหน็บให้ดึง ชวน ขึ้นเป็นผู้นำฯ แทน

กลายเป็นเรื่องที่สังคมจับตาเป็นที่เรียบร้อยว่าใครจะได้ขึ้นมานั่งเก้าอี้ผบ.ตร.คนใหม่ หลังจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เสนอชื่อพล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ จเรตำรวจแห่งชาติ ในที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) แต่เสียงของคณะกรรมการไม่เห็นด้วย 5 ต่อ 4 จนทำให้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันไปต่าง ๆ นานา และต้องมีการเลื่อนประชุม ก.ต.ช. ออกไปอย่างไม่มีกำหนด

* ลุงจิ้นยันรัฐบาลไร้ปัญหา

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 23 ส.ค. นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย 1 ในคณะ ก.ต.ช. กล่าวถึงความคืบหน้าในการคัดเลือก ผบ.ตร. คนใหม่ว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปแต่เชื่อว่า การได้ตัว ผบ.ตร. ช้าจะไม่ส่งผลต่อการทำงาน ใด ๆ เนื่องจากก็มีรักษาการ ผบ.ตร. อยู่แล้ว ทั้งนี้ หลังจากการประชุม ก.ต.ช.เมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมา ยังไม่ได้มีการพูดคุยอะไรเพิ่มเติมกับนายอภิสิทธิ์ นายกฯแต่เชื่อว่าการมีความเห็นต่างกันเรื่องโหวต ผบ.ตร. ไม่มีผลกับการทำงานระหว่างพรรคร่วมรัฐบาล เพราะงานของรัฐบาลมีมาก การตั้ง ผบ.ตร. เป็นแค่เรื่องเดียวเท่านั้น เมื่อถามว่า การประชุม ก.ต.ช. ครั้งหน้าจะมีท่าทีอย่างไร นายชวรัตน์ กล่าวว่า คงต้องดูนโยบาย ของนายกฯก่อน ว่าจะเสนอชื่อใครเพิ่มหรือไม่

* 2 ก.ต.ช.เผชิญหน้านายกฯ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายชวรัตน์ มีกำหนดการเปิดงาน โอทอป ช้อปช่วยชาติ OTOP MIDYEAR 2009 ที่อาคารชาเลนเจอร์ 2 เมืองทองธานี ร่วมกับนายกฯในเวลา 10.30 น. ซึ่งข้าราชการระดับสูงของกระทรวงมหาดไทยที่ติดตามนายชวรัตน์ มีนายวิชัย ศรีขวัญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ถือเป็น 1 ใน ก.ต.ช. เดินทางมาด้วย นายชวรัตน์ เดินทางมาถึงเวลา 10.00 น. และได้เข้าไปนั่งพักรอเปิดงานที่ห้องวีไอพี จากนั้นนายกฯ ได้เดินไปพักที่ห้องวีไอพีห้องเดียวกับ นายชวรัตน์ และนายวิชัย นั่งพักอยู่ก่อนหน้านี้แล้ว เพื่อรอเวลาร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดงานโอทอป โดยนายอภิสิทธิ์ และนายชวรัตน์ ใช้เวลานั่งพักร่วมกันนาน 20 นาทีแล้วจึงเข้าเปิดงาน

ภายหลังกล่าวเปิดงานนายกฯได้เดินชมตามบูธต่าง ๆ ของสินค้าโอทอป โดยมีผู้ประกอบการกลุ่มมีดอรัญญิก จ.พระนครศรีอยุธยา มอบมีดดาบให้ นอกจากนั้นกลุ่มทอผ้ายังได้มอบผ้าขาวม้าผืนยาว มีข้อความในผ้าฝั่งซ้ายเขียนว่า ประชาธิปัตย์ ฝั่งขวาเขียนว่า ภูมิใจไทย เพื่อมอบให้ นายกฯตัดแบ่งเป็น 2 ผืน นายกฯกล่าวอย่าง อารมณ์ดีว่า ประชาธิปัตย์รักภูมิใจไทยอยู่แล้ว แต่ไม่รู้ว่าภูมิใจไทยรักประชาธิปัตย์หรือไม่ นายชวรัตน์ ซึ่งเดินดูงานอยู่ด้วยใกล้ ๆ จึงกล่าวตอบว่า รักร้อยเปอร์เซ็นต์อยู่แล้ว

* อภิสิทธิ์แจงข้อมูลตั้งผบ.ตร.

ต่อมาเวลา 11.00 น. นายอภิสิทธิ์ กล่าว ในรายการ เชื่อมั่นประเทศไทยกับ นายกฯ อภิสิทธิ์ ที่ออกอากาศทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย และ สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย ว่า ที่มีการถ่ายทอดสัญญาณช้า เนื่องจากมีปัญหาสัญญาณการถ่ายทอดสด แต่ขณะนี้เรียบร้อยแล้ว และสิ่งที่จะพูดกับพี่น้องประชาชนก็คือ งานของรัฐบาลในช่วงที่ผ่านมา คิดว่าสิ่งที่พี่น้องประชาชนได้รับรู้ข่าวสารมากที่สุดคงหนีไม่พ้นปัญหาเรื่องของการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ตนอยากจะขอเรียนกับพี่น้องประชาชนว่า การแต่งตั้ง ผบ.ตร.ต้องเป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยเรื่องของการบริหารงานของตำรวจ ซึ่งในกฎหมายได้กำหนดเอาไว้ว่า นายกฯจะเป็นผู้คัดเลือกรายชื่อ ผบ.ตร. เสนอต่อ ก.ต.ช. เพราะฉะนั้นเมื่อวันที่ 20 ส.ค.ได้เริ่มต้นกระบวนการที่กำหนดไว้ในกฎหมาย

ผมในฐานะนายกฯและทำหน้าที่เป็นประธาน ก.ต.ช.ก็เสนอชื่อผู้ที่เห็นว่ามีความเหมาะสมที่จะเป็น ผบ.ตร.ให้คณะกรรมการ ก.ต.ช. ให้ความเห็นชอบ แต่ปรากฏว่าในการลงมติในวันนั้นคณะกรรมการ ก.ต.ช ยังไม่ได้ให้ความเห็นชอบ เพราะฉะนั้นกระบวนการนี้ยังถือว่ายังไม่ยุติ

* อ้างเสนอชื่อคนเดียวตลอด

นายกฯกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมามีการวิพากษ์วิจารณ์ มีการสอบถามว่าเป็นอย่างไร ทำไมการเสนอสามารถเสนอชื่อได้กี่ชื่อ ตนอยากจะย้ำว่า ในการดำเนินการเรื่องนี้ก่อนที่จะมีกฎหมายฉบับนี้ ก็มีคณะกรรมการเช่นเดียวกันในการพิจารณาเรื่องนี้ คนที่มีอำนาจในการเสนอชื่อ ผบ.ตร. คนใหม่จะเสนอชื่อคนเดียวเป็นประเพณีปฏิบัติและัญ ถ้าตามกฎหมายปัจจุบันก็คือว่า การที่กฎหมายใช้ถ้อยคำว่า เป็นเรื่องที่คณะกรรมการให้ความเห็นชอบ ในขณะที่นายกฯเป็นผู้ที่จะเป็นคนคัดเลือกชื่อ หมายความว่าเสนอไปเพื่อขอความเห็นชอบ ถ้าเสนอหลายชื่อเขาจะ ไม่เรียกว่าเห็นชอบ เขาจะเรียกว่าเป็นการคัดเลือก เขาจะเรียกว่า เป็นการเลือกตั้ง ส่วนกระบวนการคัดเลือกเป็นหน้าที่ของตนในฐานะนายกฯ

* หวังสตช.มีประสิทธิภาพสูง

สำหรับการคัดเลือกหรือการขอความเห็นชอบนั้น นายกฯ กล่าวว่า ได้มีการสอบถามผู้ที่มีความเกี่ยวข้องกับงานทางด้านตำรวจก็ทราบว่ามีบุคคลหลายคนที่มีความสามารถที่จะมาดำรงตำแหน่งนี้ได้ มีการเชิญบุคคลหลายท่านมา พูดคุย สอบถามความคิดเห็นต่าง ๆ สุดท้ายยืนยันว่าสิ่งสำคัญที่ผมต้องการที่จะเห็นเกิดขึ้นก็คือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติที่จะมีบทบาทสำคัญในการที่จะรักษากฎหมาย ดูแลบ้านเมืองให้เกิดความสงบเรียบร้อย เป็นที่วางใจ มั่นใจและศรัทธาของประชาชน โดยเฉพาะในยามที่ปัญหาของการเมือง ปัญหาความขัดแย้งมีมาก และปัญหาอาชญากรรมอื่น ๆ ที่พี่น้องประชาชนบ่นมา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องยาเสพติด หรืออะไรก็ตามที่มีมากเพราะฉะนั้นสิ่งที่ผมต้องการเห็นเกิดขึ้นก็คือประสิทธิภาพสูงสุด

* โยนการเมืองล้วงลูกมานาน

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้วิเคราะห์ สถานการณ์ในวันนี้สิ่งที่เราต้องการก็คือทำอย่างไรให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติก้าวเข้าสู่ความเป็นตำรวจอาชีพ ต้องยอมรับว่าหลายปีที่ผ่านมามีเรื่องการเมืองเข้าไปแทรกแซง และระบบคุณธรรม ในตำรวจได้รับผลกระทบค่อนข้างรุนแรง เพราะฉะนั้นบุคคลที่ตนเสนอชื่อมองว่า จะต้องมีคุณสมบัติ 2 อย่างคือ 1.สามารถทำให้ความขัดแย้งภายในลดลงได้ เป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับนับถือ และมีบุคลิกสามารถประสานความร่วมมือกับทุกฝ่าย ทำให้การทำงานตำรวจมีประสิทธิภาพ 2.ภายนอกต้องมีการยอมรับนับถือในลักษณะของความเป็นกลางทางการเมือง สามารถเดินหน้าคดีต่าง ๆ ได้ดี ส่วนการประชุมเมื่อวันที่ 20 ส.ค.ที่ผ่านมาอาจจะมีข้อมูล หรือความเห็นที่ยังไม่ตรงกัน เป็นเรื่องปกติธรรมดา ในอดีตที่ผ่านมากระบวนการกว่าจะได้ผบ.ตร. หรืออธิบดีกรมตำรวจก็มีแบบนี้ที่เคยเกิดขึ้นเหมือนกัน

* ก่อนสิ้นเดือนส.ค.ได้คนใหม่

เรื่องนี้ผมอยากจะให้ดำเนินเสร็จก่อนสิ้นเดือนส.ค.เพราะในกฎหมาย กฎระเบียบต่าง ๆ ของตำรวจในส่วนตำแหน่งรอง ผบ.ตร. ลงไปจะต้องดำเนินการให้เสร็จสิ้นเดือน ส.ค. เป็นอำนาจของ ก.ตร. ซึ่งมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯเป็นประธาน ก็จะพยายามผลักดันให้เสร็จภายในเดือน ส.ค. เพื่อให้ ก.ตร. ทราบว่าใครเป็นผบ.ตร.คนใหม่ เพราะฉะนั้นเรื่องนี้พี่น้องประชาชนไม่ต้องวิตกกังวล อาจจะต้องใช้เวลายาวกว่าที่ผมคิดนิดหนึ่งเท่านั้นเอง แต่ว่าสิ่งที่ผมต้องการให้เกิดขึ้นเพื่อประโยชน์ขององค์กรตำรวจเอง เพื่อประโยชน์ของพี่น้องประชาชน มุ่งมั่นเดินหน้าอย่างเต็มที่ ผมเชื่อว่าจะก้าวพ้นปัญหาอุปสรรคต่าง ๆ ได้ นายกฯ กล่าวทิ้งท้าย

* โพลชี้ภาพนายกฯลดฮวบ

ช่วงสายวันเดียวกัน สวนดุสิตโพล ม.ราชภัฏสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นของประชาชน 14 จังหวัด กระจายทุกภูมิภาค ทั่วประเทศกรณีนายกฯได้เสนอชื่อ พล.ต.อ.ปทีป ให้เป็น ผบ.ตร. ในที่ประชุม ก.ต.ช.แล้วมีมติคัดค้าน 5 ต่อ 4 เสียงนั้น ร้อยละ 63.58 มองว่าทำให้ความมั่นใจต่อเสถียรภาพของรัฐบาลลดลงเพราะฝ่ายนายกฯแพ้มติ นอกจากนี้ รมว.มหาดไทย ยังลงมติคัดค้านทำให้เกิดความแตกแยกในพรรคร่วมรัฐบาล, ร้อยละ 52.64 มองว่าตัวนายกฯมีอำนาจการต่อรองน้อยลง, ร้อยละ 44.53 เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องเร่งสะสางปัญหาในพรรคให้เกิดความสามัคคี, ร้อยละ 44.71 มองภาพรวมการพิจารณาแต่งตั้ง ผบ.ตร. คนใหม่เป็นตำแหน่งที่สำคัญทั้งอำนาจและผลประโยชน์ที่ทุกฝ่ายต้องการ, ร้อยละ 27.82 เป็นเกมการเมืองที่แข่งขันกันอย่างดุเดือดเพื่อแสดงพลังทางการเมือง

* ปทีปยังมาแรงอันดับหนึ่ง

สำนักวิจัยเอแบคโพล ม.อัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเอแบคเรียลไทม์โพล เรื่องปัญหาการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปใน 17 จังหวัด พบว่า ร้อยละ 67.6 มองว่า ข่าวปัญหาการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ เป็นการแย่งชิงอำนาจและความได้เปรียบทางการเมือง, ร้อยละ 92.3 คิดว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ คือปัญหาต่าง ๆ ในองค์กรตำรวจจะยังคงมีมากเหมือนเดิม, ร้อยละ 92.2 คิดว่าปัญหาการซื้อขายตำแหน่งจะยังมีเหมือนเดิม ส่วนนายตำรวจที่คิดว่าจะได้เป็นผบ.ตร.คนใหม่ ร้อย ละ 62.8 ระบุ พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ ร้อย ละ 47.6 พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย, ร้อยละ 45.4 พล.ต.อ.จงรัก จุฑานนท์, ร้อยละ 45.3 พล.ต.อ. เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ และ ร้อยละ 39.1 พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธ์ศรี

* มาร์คไม่กังวลเสียงโพล

อย่างไรก็ดีช่วงกลางวัน นายกฯได้พาครอบครัวไปรับประทานอาหารที่ร้าน nippon-pei บริเวณสี่แยกราชประสงค์ จากนั้นให้สัมภาษณ์ว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมาได้พบกับนายชวรัตน์ ท่านก็มีท่าทีปกติดีไม่ได้พูดคุยอะไรเป็นพิเศษ และยังไม่ทราบว่าจะมีกามคณะกรรมการ ก.ต.ช.เมื่อไร ในระหว่างนี้น่าจะมีการประสานความคิดที่แตกต่างกันได้ เมื่อถามว่า มั่นใจว่า การประชุมครั้งหน้าจะเป็นไปอย่างเรียบร้อยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เป็นหน้าที่ของตนที่จะต้องทำให้ได้ และยืนยันว่าจะตัดสินใจในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ส่วนที่ผลการสำรวจบางแห่งระบุว่า อำนาจต่อรองของนายกฯในการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ลดลงนั้นเป็นเรื่องธรรมดาของการทำโพลก็ถือว่าเป็นเสียงสะท้อนหนึ่งที่เวลาเกิดปัญหาอะไรประชาชนก็จะวิตกเกี่ยวกับสถานภาพของรัฐบาลและเรื่องต่าง ๆ แต่ตนมีหน้าที่แก้ไข

* เทพไทโวปชป.ไม่มีหนี้บุญคุณ

ที่โรงแรมวังใต้ จ.สุราษฎร์ธานี นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ภาพที่นายกฯลงไปช่วยน้องชายของนายสุเทพ หาเสียง เป็นเครื่องยืนยันว่าไม่มีความขัดแย้งใด ๆ ระหว่างหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ซึ่งจากการลงพื้นที่เห็นว่านายกฯมีความสบายใจไม่มีแรงกดดันใด ๆ ที่จะทำให้นายกฯต้องพะว้าพะวงหรือกังวลเรื่องอื่น โดยในระหว่างที่ลงพื้นที่บุคคลทั้งสองได้ร่วมหารือเรื่องการแต่งตั้งว่าที่ ผบ.ตร. ใหม่อย่างใกล้ชิดและเชื่อว่าปัญหาทั้งหมดจะยุติในเร็ววันนี้ ขอยืนยันว่ารัฐบาลนี้ไม่ได้เป็นหนี้บุญคุณใคร นอกจากเป็นหนี้บุญคุณประชาชน ส่วนเรื่องภาวะผู้นำนั้นนายกฯเองไม่ต้องการใช้รูปแบบการบริหารงานในแบบ วันแมนโชว์ ที่ต้องการจะได้สิ่งใดก็ทุบโต๊ะให้ได้ดั่งใจทุกอย่าง

* ยันลูกพี่ใช้อำนาจเป็นธรรม

ด้านนายบุรณัชย์ สมุทรักษ์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมคณะ กรรมการปฏิบัติการทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ โดยกล่าวถึงกรณีการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ที่มี หลายฝ่ายจับตามองมีความขัดแย้งภายในพรรคร่วม รัฐบาลว่า ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์และพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีความขัดแย้ง ที่ผ่านมาทั้งนายกฯ นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการนายกฯ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลทุกคนต่างก็รับฟังความคิดเห็นกันมาตลอดจึงไม่อยากให้มีความสับสนเข้าใจผิดว่านายกฯเป็นผู้นำที่อ่อนแอต่อการใช้อำนาจเพราะที่ผ่านมานายกฯมีความชอบธรรม ถ้านายอภิสิทธิ์ เป็นผู้นำอำนาจนิยมเหตุการณ์ที่เกิดในช่วงสงกรานต์ก็อาจจะจบลงด้วยการนองเลือด ซึ่งนายกฯยึดประโยชน์ส่วนรวมใช้อำนาจด้วยความเป็นธรรมโดยไม่เป็นเผด็จการ

* พท.ไล่บี้ลาออก-ยุบสภา

นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้นายกฯกำลังประสบภาวะวิกฤติผู้นำ หลังจากโหวตแพ้ในที่ประชุม ก.ต.ช. ในการเสนอชื่อ ผบ.ตร. คนใหม่ และตลอด 7 เดือนที่ผ่านมานายกฯมีวุฒิภาวะแค่ไหนประชาชนก็เห็นกันหมดแล้ว ดังนั้นพรรคเพื่อไทยขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรี 4 ข้อ คือ 1.ขอให้นายกฯหยุดแทรกแซง สตช. และควรหันมาแก้ปัญหาความยากจน ปากท้อง น้ำมันแพง ไข้หวัด 2009 ปัญหา 3 จังหวัดภาคใต้ มากกว่าเรื่องโผ ผบ.ตร. แม้ว่านายกฯมีอำนาจเสนอรายชื่อ ผบ.ตร. แต่ ก.ต.ช.ก็มีอำนาจในการตัดสินใจ 2.เมื่อเกิดภาวะวิกฤติผู้นำ นายกฯควรแก้ปัญหาโดยการปรับ ครม.ที่โลกลืมเพื่อเรียกความมั่นใจ

3.นายอภิสิทธิ์ ควรเสียสละเพื่อชาติและประชาชน ดังนั้นควรลาออกเปิดทางให้นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เป็นนายกฯในภาวะที่เกิดวิกฤติความเป็นผู้นำและเกิดการทุจริตชุมชนพอเพียง ซึ่งคิดว่านายชวน น่าจะทำได้ดีกว่านายอภิสิทธิ์ 4.หากนายกฯไม่ทำตามข้อเสนอทั้ง 3 ข้อ ก็ขอเรียกร้องให้ยุบสภา อย่าบริหารบ้านเมืองเหมือนเหยียบตาปลา ควรยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชนเปิดให้มีการเลือกตั้งใหม่ นายกฯที่เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่ จบต่างประเทศ แต่จะคิดแบบคนรุ่นใหม่หรือไม่ ยึดประโยชน์ประเทศชาติและประชาชน.

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook